ตอนที่ 80 พี่อยากเป็นพี่สะใภ้ไหม?
ไต้ฉิงตรงหน้าเหมือนกับนกน้อยที่เจื้อยแจ้วไม่หยุด แต่หลินเจี้ยนจวินกลับเหมือนท่อนไม้ ถามคำตอบคำ แต่ไต้ฉิงก็ไม่รู้สึกเบื่อ พูดเจื้อยแจ้วไปตลอดทางจนถึงจุดแสดง
เห็นไต้ฉิงนั่งรถเข็นมา ใบหน้าซ่งเจียพลันบึ้งตึง มองหล่อนพลางตำหนิ “ให้เธอพักไม่ใช่เหรอ เธอยังมาวุ่นวายอะไรอีก”
หลังไต้ฉิงถูกหัวหน้าตำหนิ หยดน้ำในดวงตาพลันคลอหน่วยจะร่วงอยู่รอมร่ออย่างน่าสงสาร
หลินเจี้ยนจวินเห็นเข้าก็ใจอ่อนยวบ “หัวหน้าซ่ง ผมเป็นคนพาหล่อนมาเอง ถ้าคุณจะว่าก็ว่าผมเถอะ”
เห็นหลินเจี้ยนจวินที่ยอมรับแต่โดยดี หัวหน้าซ่งก็ถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “นายเป็นคนตามใจหล่อนสินะ”
พูดจบก็หมุนตัวกลับไป
หลินเจี้ยนจวินยืนอยู่ที่เดิมยังสับสนอยู่บ้าง ก็เห็นไต้ฉิงดึงเขามาพูด “นายโง่หรือเปล่า นายดูออกไม่ออกเหรอว่าฉันแกล้งทำ”
หลินเจี้ยนจวิน….
ไต้ฉิง “หัวหน้าเราใจอ่อน แค่บีบน้ำตานิดหน่อยหล่อนก็ว่าฉันไม่ลงแล้ว”
หลินเจี้ยนจวิน “หัวหน้าพวกเธอดีกับเธอจัง”
ไต้ฉิงตอบกลับอย่างภูมิใจทันที “แน่นอนสิ หัวหน้าเป็นคนรับสมัครฉันด้วยตัวเอง” หล่อนพูดพลางลุกขึ้นนั่งที่ว่างด้านข้าง
หลินเจี้ยนจวินเห็นแล้วก็ประคองรถเข็นอย่างเงียบ ๆ รอไต้ฉิงนั่งเสร็จแล้วถึงเข็นรถจากไป
เมื่อเขาเพิ่งจากไป หลินเซียวก็วิ่งมาอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ มองไต้ฉิงแล้วถามว่า “พี่สาว พี่กับอาเล็กเป็นอะไรกัน?”
ไต้ฉิงเห็นหลินเซียวเด็กแก่แดดก็ย้อนถามอย่างขบขัน “นายจะถามเรื่องนี้ไปทำไม”
หลินเซียว “อาเล็กผมไม่เคยแตะตัวผู้หญิงมาก่อน ผมเลยถามดูว่าพี่เป็นอาสะใภ้ผมได้หรือเปล่า!”
ไต้ฉิงไม่เคยเห็นเด็กที่ตรงไปตรงมาขนาดนี้มาก่อน ใบหน้าพลันแดงก่ำหลังถูกหลินเซียวถาม ตอนที่หล่อนทำอะไม่ถูกนี่เอง จู่ ๆ สวี่ม่ายซุ่ยก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลังหลินเซียว เธอยื่นมือไปบิดหูเขาไล่ถามอย่างไม่สบอารมณ์ “หลินเซียว ลูกดูซิว่าทำพี่เขาหน้าแดงหมดแล้ว”
หลินเซียวจับแขนสวี่ม่ายซุ่ยทันที พูดขอร้องว่า “แม่! แม่! ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ไม่เชื่อแม่ก็ถามพี่สาวดู”
ไต้ฉิงรับคำร้องจากหลินเซียว รีบพูดอย่างจริงจัง “พี่สาว เขาไม่ได้พูดอะไรกับฉันเลยค่ะ พี่วางเขาลงเถอะ”
คราวนี้สวี่ม่ายซุ่ยถึงปล่อยหลินเซียว พูดด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ “ไป ไปเล่นทางนั้น อย่ามาวุ่นวายตรงนี้”
หลินเซียวหันไปก็ทำหน้าล้อเลียนสวี่ม่ายซุ่ย วิ่งไปหาพวกต้าเฉียง เพิ่งไปถึง ต้าเฉียงก็รีบถามทันที “หลินเซียว หล่อนเป็นอะไรกับอาเล็กของนาย?”
หลินเซียวคิดสักพักก่อนตอบ “ต่อไปอาจจะเป็นอาสะใภ้เล็กฉัน”
ต้าเฉียงตกใจทันใด “อาเล็กนายหาคู่อยู่ใช่ไหม? หล่อนจะเป็นอาสะใภ้นายได้ไง อีกอย่างเขาสองคนก็ไม่เคยพบกัน นายรู้ได้ไงว่าหล่อนคืออาสะใภ้นาย”
หลินเซียว “นายไม่เคยได้ยินเรื่องรักแรกพบเหรอ อาเล็กฉันอาจจะรักหล่อนตั้งแต่แรกเห็นก็ได้”
ต้าเฉียงฟังจบก็ตอบอย่างผิดหวังเล็กน้อย “งั้นพี่สาวฉันจะทำยังไง?”
หลินเซียวขมวดคิ้ว “แม่นายเห็นด้วยที่จะให้พี่สาวนายคบกับอาเล็กฉันเหรอ อีกอย่างเราสองคนก็เป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ นายยังอยากจะเป็นอาฉันจริง ๆ เหรอ?”
ต้าเฉียง “ฉันไม่ได้อยากเป็นอานาย แต่ฉันทนเห็นพี่สาวฉันเสียใจไม่ได้ นายไม่รู้หรอกว่าช่วงนี้แม่นายสร้างปัญหาร้ายแรงมาก ทั้งสองคนไม่ได้คุยกันมาหลายวันแล้ว”
หลินเซียวฟังจบก็ถอนหายใจออกมายาว ๆ ตบไหล่ปลอบใจต้าเฉียงอย่างจนปัญญา “แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา เหตุใดต้องปักใจกับคนผู้เดียวด้วยล่ะ”
ต้าเฉียงมองหลินเซียวอย่างเลื่อมใส ถามว่า “หลินเซียว ทำไมนายรู้เยอะขนาดนี้”
หู่จือที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะกลอกตา พูดอธิบายให้ต้าเฉียงฟัง “นายลืมไปแล้วเหรอ ครั้งก่อนที่เราแอบฟังโหวเจิ้นในพุ่มไม้ เขาก็พูดแบบนี้แหละ”
ต้าเฉียงลูบหัว พึมพำอย่างสงสัย “จริงเหรอ ทำไมฉันจำไม่เห็นได้เลย”
ขณะเด็กสองสามคนเล่นกันอยู่ทางนี้ สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ได้ว่าง ทิ้งหลินเจี้ยนจวินไว้ให้ช่วยพวกหล่อน ตัวเองก็ไปที่หมู่บ้านหาคนมาทำกับข้าวให้ทีมสันทนาการกลุ่มนี้
รอเธอจัดการหาคนได้ก็เที่ยงพอดี เลยเรียกหลินเจี้ยนจวินให้กลับบ้านไปกินข้าว หัวหน้าซ่งได้ฟังก็พูดอย่างเกรงใจ “นักบัญชีสวี่ สหายหลินนี่ช่วยเรามาทั้งเช้าแล้ว ไม่งั้นก็ให้เขามากินข้าวกับพวกเราเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้ว่าหัวหน้าซ่งอยากลดภาระบ้านพวกเธอ แต่พวกเธอไม่ใช่คนในหมู่บ้าน ชีวิตก็ไม่ยากลำบากถึงเพียงนั้นเลยพูดปฏิเสธไป “พวกเธอกินเถอะ ข้าวนี่จัดไว้พอดีแล้ว เจี้ยนจวินกลับไปกินกับฉันก็พอ”
หัวหน้าซ่งฟังจบก็ไม่คิดจะแนะนำอะไรอีก จากนั้นสาวน้อยข้างกายหล่อนก็กระซิบอธิบาย “หัวหน้าลืมแล้วเหรอคะ นักบัญชีสวี่ไม่ใช่คนในหมู่บ้าน พวกเขาเป็นครอบครัวข้างเคียง”
หัวหน้าซ่งถึงนึกขึ้นมาได้ ยิ้มให้สวี่ม่ายซุ่ยแล้วส่งพวกเขาไป
ระหว่างที่กลับไป หลินเซียวมองสวี่ม่ายซุ่ยก็ถามอย่างไม่เข้าใจ “แม่ ทำไมแม่ไม่ให้อาเล็กอยู่กินข้าวล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “บ้านเราก็ใช่ว่าไม่มีข้าว จะไปแย่งคนอื่นกินทำไม”
หลินเซียว “นี่มันแย่งที่ไหน นี่มันคือการสร้างโอกาสให้อาเล็กต่างหากละ”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ก้มมองหลินเซียว ถามอย่างไม่ชอบใจ “เจ้าเด็กดื้อคนนี้ทำไมรู้เยอะนัก ลูกว่ามา ไปสิงพุ่มไม้แอบดูคนรักกันอีกแล้วใช่ไหม”
หลินเซียวแหงนหน้ายิ้มเอาใจสวี่ม่ายซุ่ย จากนั้นก็วิ่งหนี
เห็นสวี่ม่ายซุ่ยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เจ้าลูกคนนี้รอฉันจับมันได้ก่อนเถอะ จะตีก้นมันให้ก้นลายเลย”
หลินเจี้ยนจวินกับหลินฟานฟังจบก็สบตากัน ไม่เชื่อแม้แต่นิดเดียวว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะตีหลินเซียวจนก้นลาย
พอเดินถึงบ้าน หลินฟานก็ดึงแขนสวี่ม่ายซุ่ยมาถาม “แม่ เที่ยงนี้เรากินอะไรดีครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกอยากกินอะไรล่ะ?”
หลินฟานดูเหมือนจะรอสวี่ม่ายซุ่ยถามเขาพอดี ได้ยินแล้วก็ตอบโดยไม่คิด “ผมอยากกินซาลาเปา”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเขา หรี่ตาพูดอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง “ลูกอยากกินมาตั้งนานแล้วใช่ไหมเลยรอให้แม่ถามลูก?”
หลินฟานยิ้มประจบ “แม่ เมื่อวานเจ้าอ้วนกินซาลาเปาด้วย มันหอมมากเหลือเกิน ผมคิดว่าซาลาเปาที่แม่ห่อต้องอร่อยกว่าที่แม่เจ้าอ้วนห่อแน่เลย”
เห็นหลินฟานหัวไวขนาดนี้ สวี่ม่ายซุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มเขา พูดหยอกล้อ “ลูกนี่นะ อายุแค่นี้ก็วางแผนหลอกแม่เป็นแล้ว”
หลินฟาน “ผมเรียนมาจากพี่ชายผมทั้งนั้น ถ้าแม่จะว่าก็ไปว่าเขา” พูดจบขาสั้น ๆ ก็วิ่งไปแล้ว
สวี่ม่ายซุ่ยถอนหายใจเบา ๆ เด็กสองคนบ้านเธอนี่นานไปยิ่งดื้อ
ตอนเที่ยงครึ่ง หลินเจี้ยนเยี่ยเลิกงานกลับมาเห็นพวกเขานั่งห่อซาลาเปาในห้องโถงก็ม้วนแขนเสื้อพลางพูด “วันนี้มันวันอะไรถึงกินซาลาเปากัน?”
สวี่ม่ายซุ่ยจับจีบซาลาเปาอย่างสวยงามแล้ววางไว้บนตะแกรง “วันดี ๆ ที่ได้ดูงานแสดงไงละคะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ทีมสันทนาการเตรียมเสร็จหมดแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม เตรียมเสร็จแล้ว คุณจะไปดูไหมคะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “พวกคุณไปดูเถอะ พวกผมจะไปทำอะไรล่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โธ่ ม่ายซุ่ย อีกนิดเดียวเจี้ยนจวินก็จะได้คนคุยแล้วนะ มาเรียกกลับบ้านทำไม
หลินฟานนี่ก็เอาแต่กินตลอดเลยน้า
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION