ตอนที่ 79 คนหนึ่งพูดมาก คนหนึ่งสมองทึ่ม
หลินฟานเจ้าเด็กซนคนนี้ถูกหิ้วตัวออกมาโดยไม่ได้สวมกางเกงขึ้นด้วยซ้ำ
สวี่ม่ายซุ่ยขมวดคิ้วพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง “เขายังเข้าห้องน้ำไม่เสร็จ คุณไปลากเขาออกมาทำไม”
หลินเจี้ยนเยี่ยมือหนึ่งเท้าเอวอีกมือชี้หลินฟาน ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณไปถามลูกชายตัวดีของคุณเถอะว่าเมื่อกี้เขาทำอะไรไว้”
พูดจบก็เดินไปที่บ่อน้ำ ล้างมือแล้วเข้าบ้านไป
สวี่ม่ายซุ่ยถึงเดินไปข้างหน้า มองก้นหลินฟานที่ล้างเสร็จแล้วถึงถือกางเกงให้เขา ถือไปก็ถามไป “ลูกเข้าห้องน้ำแล้วทำไมไม่ออกมา”
หลินฟานยิ้มตาหยีตอบกลับ “ผมกำลังดูมดย้ายบ้าน”
สวี่ม่ายซุ่ย “ในสวนก็มีมดไม่ใช่เหรอ?”
หลินฟาน “ไม่เหมือนกัน มดตัวนั้นขาขาดไปข้างหนึ่ง ผมกำลังดูว่าพวกมันจะช่วยมันยังไง”
สวี่ม่ายซุ่ยลูบหัวเขาอย่างรักใคร่ “พอแล้ว รีบไปล้างมือกินข้าว”
หลินฟานฟังจบก็รีบกระโดดโลดเต้นไปล้างมือ รอแม่เข้าบ้าน ก็เห็นหลินเซียวปรือตาอย่างไร้เรี่ยวแรงยืนพิงแขนหลินเจี้ยนจวินอยู่
“เขาเป็นอะไร?”
หลินเจี้ยนจวินตอบกลับยิ้ม ๆ “ยังไม่ตื่นดี”
สวี่ม่ายซุ่ย “เมื่อวานก็เล่นจนดึกดื่น ครั้งหน้าเป็นแบบนี้ก็ไม่ต้องกินแล้ว”
หลินเซียวฟังจบก็จ้องตาโตพลางพูด “ใครว่าผมยังไม่ตื่น ผมตื่นตั้งนานแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็กลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์ เมินเขาแล้วเบนความสนใจมากินข้าวของตัวเอง
กินข้าวเสร็จแล้วทีมสันทนาการก็มาที่หมู่บ้าน หลินเซียวกับหลินฟานก็อยากไปเล่นด้วย สุดท้ายหมดหนทาง จึงต้องล็อกประตูบ้านพาพวกเขาทั้งสามคนไป
ตอนที่สวี่ม่ายซุ่ยไปถึงศูนย์ยุวปัญญาชน พวกหล่อนก็ตื่นกันแล้ว กำลังเก็บของอยู่
สวี่ม่ายซุ่ย “ตื่นเช้าขนาดนี้ กินข้าวกันหมดแล้วเหรอ”
เมื่อวานตอนเย็นหล่อนกำชับข่งอวิ๋นป๋อให้ทีมสันทนาการกินข้าวเช้ากับยุวปัญญาชน พอถึงเวลาเธอจะเอาเสบียงมาชดเชยให้
แต่ให้แค่ข้าวมื้อเดียว ต่อจากนี้หัวหน้าจะส่งคนมาทำกับข้าวให้ทีมสันทนาการ
หัวหน้าซ่ง “กินแล้ว รบกวนพี่สาวด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ย “มันเรื่องที่ควรทำน่ะ เธอยุ่งไหม? ไม่ยุ่งฉันจะพาเธอไปหน่วยใหญ่ ทักทายหัวหน้าหน่วย”
หัวหน้าซ่งได้ฟังก็รีบปล่อยข้าวของในมือแล้วตอบกลับ “ไม่ยุ่ง ไปตอนนี้เลยเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้”
พอไปถึงหน่วยใหญ่ หัวหน้าหน่วยก็กำลังรออยู่แล้ว ตอนเช้าตรู่เขาได้ยินจากผู้จัดการฝ่ายสตรีว่าพวกเธอพาทีมสันทนาการกลับมาก่อนกำหนด
อันที่จริงในฐานะหัวหน้าหน่วยเขาไม่ได้หวังเลยว่าจะไปรับทีมสันทนาการมาได้เร็วขนาดนั้น เพราะเวลานี้ยังมีงานมากมายที่ยังทำไม่เสร็จ พวกเขาต่างก็คิดว่า การต้อนรับทีมสันทนาการเป็นสิ่งที่ขาดทุน ยังไงก็ต้องเตรียมคน เตรียมงาน เตรียมอาหาร แต่สมาชิกหมู่บ้านที่ลำบากเมื่อช่วงไตรมาสที่ผ่านมากลับตั้งตารอการประดับประดาโคมไฟในช่วงไม่กี่วันนี้
“สวัสดีค่ะหัวหน้า ฉันคือหัวหน้าทีมสันทนาการ ซ่งเจีย”
หัวหน้ามองซ่งเจียแล้วผงกหัว “สวัสดี เมื่อวานอยู่จนชินหรือยัง”
ซ่งเจีย “ชินแล้ว ฐานะพวกคุณดีมากเลย”
หัวหน้า “ชินก็ดี งั้นพวกเธอเตรียมเริ่มแสดงตอนไหน”
ซ่งเจียคิดสักพัก “ตอนบ่ายได้ไหม พวกเราต้องสร้างเวที เกรงว่าต้องใช้ฝีมือในตอนเช้า”
หัวหน้า “ตอนเช้าเหรอ ได้สิ แต่ว่าหน่วยเรายังมีงานที่ยังทำไม่เสร็จ เกรงว่าจะไม่มีใครว่างมาช่วยพวกเธอ พวกเธอสร้างเองได้ไหม”
ซ่งเจียไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ ก็นิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนตอบรับ “ได้ค่ะ แต่ต้องมีคนประสานงานกับฉัน ยังไงสถานที่แสดงก็สำคัญมาก”
หัวหน้าตอบตรงๆโดยไม่คิด “ให้นักบัญชีสวี่ประสานงานพวกเธอ มีเรื่องอะไรไปบอกหล่อนโดยตรงเลยก็ได้”
ซ่งเจียเองก็ชอบสื่อสารกับสวี่ม่ายซุ่ย ฟังจบก็ตอบรับอย่างดีใจ
หลังหัวหน้ามอบหมายงานเสร็จก็พาทุกคนไปทำงาน ด้านสวี่ม่ายซุ่ยก็ไปเป็นเพื่อนซ่งเจียเพื่อหาสถานที่แสดง ในอดีตล้วนแสดงที่ลานนวดข้าวหมด แต่ตอนแสดงหรือฉายภาพยนตร์อยู่ที่ลานนวดข้าวแล้วจะมีคนมากจนทำของหายได้ง่าย ดังนั้นพวกหล่อนเลยเลือกบ้านไร่แบบเปิดที่ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้านซึ่งมีพื้นที่ใหญ่พอดีแล้วก็สะดวก
เลือกสถานที่เสร็จทั้งสองคนก็รีบกลับไปแจ้งพวกหล่อนให้ย้ายของมาทางนี้ เพราะหมู่บ้านยังมีงาน พวกยุวปัญญาชนเองก็ต้องลงแปลง มีแค่ทีมสันทนาการและเจี้ยนจวินที่อยู่ที่นี่ ครั้นพวกเขามาถึง เจี้ยนจวินก็กำลังช่วยเก็บข้าวของ
หลังไต้ฉิงเห็นซ่งเจียก็รีบพูด “หัวหน้า คุณกลับมาแล้ว สถานที่ที่เราแสดงเลือกได้หรือยัง”
ซ่งเจียเหลือบมองเท้าหล่อนก่อนตอบ “เลือกเสร็จแล้วก็ไม่มีผลอะไรกับเธอ เธอแค่นอนพักผ่อนอยู่บ้านทำตัวดี ๆ ก็พอ”
“หัวหน้า ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว คุณให้ฉันตามพวกคุณไปเถอะ” ไต้ฉิงพูดอ้อนวอนซ่งเจีย
ซ่งเจียตอบกลับด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ไม่ได้ เธอไปแล้วจะช่วยงานเราหรือจะถ่วงเรากันแน่”
พูดจบก็ไม่ได้สนใจหล่อนอีก เตรียมคนเริ่มขนของไปที่นั่น
เหลือไต้ฉิงผู้น่าสงสารนั่งอยู่ที่นั่น มองทุกคนยุ่งกับการทำงาน
เพราะทีมสันทนาการไม่มีสหายชาย หลินเจี้ยนจวินที่อยู่ตรงนั้นพอดีเลยกลายเป็นแรงงานหลักที่ถูกใช้ขนของเทียวไปเทียวมา ทางนี้เพิ่งส่งไปเที่ยวหนึ่งก็รีบเข็นรถมารับอีกเที่ยว ตอนที่นับเที่ยวสุดท้าย ในบ้านก็เหลือแค่ไต้ฉิงคนเดียว เห็นไต้ฉิงที่ยืนอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย หลินเจี้ยนจวินก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เธออยากไปขนาดนี้เลยเหรอ?”
หลังไต้ฉิงเงยหน้าขึ้นมามองหลินเจี้ยนจวิน ใบหน้างดงามพลันเขินอายอยู่วูบหนึ่ง “ก็ไม่ได้อยากไปขนาดนั้น แค่อยู่ที่นี่คนเดียวมันน่าเบื่อมาก”
หลินเจี้ยนจวินฟังจบก็มองรถที่บรรทุกของไปครึ่งหนึ่ง ลังเลอยู่นานถึงตอบ “ถ้าเธออยากไปก็ได้ ฉันเข็นเธอไปได้ แต่เธอต้องดูอยู่ด้านข้าง ห้ามช่วย”
ไต้ฉิงมองรถที่ว่างครึ่งหนึ่ง ตอบรับด้วยดวงตาส่องประกาย “ฉันรับรองว่าจะไม่ช่วย แค่ดูเฉย ๆ เท่านั้น”
หลินเจี้ยนจวินฟังจบก็เข็นรถมาอย่างเงียบ ๆ ตอนนี้เหลือเพียงรถเข็นคันเล็กล้อเดียว ตรงกลางมีคาน ทั้งสองด้านเป็นที่ว่างสำหรับบรรทุกของ
แต่ตอนขนของต้องวางของไว้ทั้งสองฝั่ง ไม่เช่นนั้นรถจะหนักไปข้างใดข้างหนึ่ง หลินเจี้ยนจวินมองไต้ฉิงขนของไปอีกฝั่งเงียบ ๆ
ไต้ฉิงมองพื้นที่ว่าง ก่อนลุกขึ้นไปนั่งอย่างเอื่อยเฉื่อย รอไต้ฉิงนั่งเสร็จแล้ว หลินเจี้ยนจวินถึงผลักรถไปด้านนอก
แม้ว่านิสัยไต้ฉิงจะเป็นคนชอบเข้าสังคม แต่เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ก็เขินขึ้นมาเหมือนกัน ทำได้แค่หาหัวข้อคุยทุกวิถีทาง ไม่ให้บรรยากาศดูประดักประเดิดไป “ได้ยินว่านายคือน้องสามีของนักบัญชีสวี่เหรอ?”
หลินเจี้ยนจวิน “อืม”
“งั้นนายอยู่บ้านนักบัญชีสวี่มาตลอดเลยไหม พ่อแม่นายล่ะ”
หลินเจี้ยนจวินเงียบไปชั่วครู่ถึงตอบ “พี่สะใภ้ฉันบอกว่าบ้านหล่อนก็คือบ้านฉัน”
ไต้ฉิงเห็นหลินเจี้ยนจวินแบบนี้ก็ร้อนรนทันที “ขอโทษที ฉันไม่รู้ว่าพ่อแม่นายไม่อยู่แล้ว”
หลินเจี้ยนจวินฟังจนจบ แม้จะรู้สึกประหลาดใจ แต่ก็ไม่ได้อธิบาย ตอบรับเสียงเบาแล้วก็ไม่ได้พูดอีก
ด้านไต้ฉิงแอบชำเลืองมองเขา พลางคิดว่าเขาเป็นคนเดียวกันกับชายหนุ่มที่เอ่ยปลอบหล่อนจากความเจ็บเมื่อคืนนี้ไหม
“ตอนบ่ายนายจะกลับมาดูการแสดงไหม?”
หลินเจี้ยนจวิน “มา”
“ปกตินายพูดน้อยขนาดนี้เหรอ?”
หลินเจี้ยนจวิน “อืม”
“นายชอบอะไร ปกติชอบดูหนังไหม”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ็นดูหลินฟานจัง นั่งดูมดตอนเข้าห้องน้ำหรอกเหรอ คนอื่นก็ตกใจไปสิว่าตกส้วมแล้วหรือยัง
ระหว่างหนุ่มสาวสองคนนี้จะมีอะไรดี ๆ เกิดขึ้นไหมนะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION