ตอนที่ 77 แอบฟังอย่างลับๆ
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินก็หยุดรถจักรยานเอาไฟฉายในมือส่องไปที่ไต้ฉิง เห็นผิวข้อเท้าแพลงที่เดิมทีบวมแดงเล็กน้อยในเวลานี้ปูดเป็นก้อนหมั่นโถว
แม้ว่าสถานการณ์จะค่อนข้างหนักหน่วง แต่สวี่ม่ายซุ่ยก็ถามหัวหน้าซ่งว่า “ให้หลินเจี้ยนจวินไปส่งไต้ฉิงที่สถานีอนามัยก่อนได้ไหมคะ”
ยุคนี้วิถีประชาค่อนข้างเรียบง่าย ชายโสดหญิงโสดเดินด้วยกันจะถูกคนครหาเอาได้
หลินเจี้ยนจวินเป็นผู้ชายเลยไม่กลัว กลัวก็แต่ไต้ฉิงสาวน้อยที่บาดเจ็บซึ่งดูเหมือนว่าการที่หล่อนถูกหลินเจี้ยนจวินช่วยเอาไว้แบบนี้ ยังอาจโดนคนเอาไปพูดมั่วๆ ทำให้หลินเจี้ยนจวินต้องแต่งงานกับหล่อน
หัวหน้าซ่งมองข้อเท้าของไต้ฉิง ตอบกลับอย่างไม่ลังเลทันที “ได้ ให้พวกเขารีบไป ไต้ฉิงยังต้องเต้น เส้นเอ็นจะบาดเจ็บไม่ได้”
พอได้รับอนุญาต สวี่ม่ายซุ่ยถึงพูดกับหลินเจี้ยนจวินว่า “ได้ เธอสองคนรีบไปเถอะ อย่าเสียเวลาเลย”
“ไต้ฉิง เธอถือไฟฉายส่องทางให้เจี้ยนจวินหน่อย”
ไต้ฉิงรับไฟฉายมา พยักใบหน้าขาวซีดรับ ยอมให้หลินเจี้ยนจวินแบกจากไป
เมื่อทั้งสองไปแล้ว ทุกคนก็เร่งฝีเท้าอย่างไม่รู้ตัว รอกลับถึงหมู่บ้านก็ใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว
ผู้จัดการหลานเห็นพวกหล่อนแล้วมองของในรถลากวัวก็พูดกับสวี่ม่ายซุ่ย “ม่ายซุ่ย พวกหล่อนคนเยอะกันขนาดนี้นี่เตรียมจะจัดให้ไปไหนกัน”
ตอนที่ไปประสานงานกับพวกหล่อน สวี่ม่ายซุ่ยก็คิดมาดีแล้วว่ายังมีห้องว่างด้านข้างศูนย์ยุวปัญญาชนที่เตรียมไว้สำหรับยุวปัญญาชน แต่คนเหล่านั้นยังมาไม่ถึง ก็เตรียมให้ทีมสันทนาการใช้ไปก่อน
“ก็จัดการให้ไปถึงศูนย์ยุวปัญญาชน ฉันบอกหัวหน้าไว้แล้ว พวกเราตรงเข้าไปเลยก็พอ”
ผู้จัดการหลาน “ได้”
สาวน้อยในทีมสันทนาการได้ฟังว่าจะเอาพวกหล่อนไปไว้ที่ศูนย์ยุวปัญญาชนก็เผยสีหน้ายินดีออกมา
ต้องรู้ก่อนว่า แต่ก่อนเวลาพวกหล่อนไปแสดงที่อื่นก็ต้องไปยืมอาศัยบ้านสมาชิกหมู่บ้านซึ่งไม่สะดวกอย่างมาก
แต่หน่วยเค่าชานที่จัดพวกหล่อนไปไว้ที่โรงเลี้ยงวัวแบบนั้นก็โดดเดี่ยวอยู่เหมือนกัน
ตอนที่เกวียนวัวมาถึงศูนย์ยุวปัญญาชน ทางศูนย์ก็ปิดไฟไปแล้ว ทั่วทั้งที่แห่งนี้ต่างก็มืดสนิท
สวี่ม่ายซุ่ยให้สาวน้อยทั้งหลายเก็บของเสียงเบาหน่อย
เพราะมาอย่างฉุกละหุก สภาพห้องจึงไม่ผ่านการเช็ดถู พวกหล่อนจึงต้องเอาน้ำมาทำความสะอาดห้องกันเอง
เห็นห้องที่ว่างเปล่า สาวน้อยเหล่านี้ก็ไม่ได้ไม่พอใจ อย่างไรเสียโรงเลี้ยงวัวก็สาหัสกว่าตรงที่เปิดโล่งและต้องนอนกับดิน
เวลานี้เองที่คนข้างศูนย์ยุวปัญญาชนได้ยินเสียงเลยออกมาช่วย
เพราะว่าเป็นวัยรุ่นกันทั้งนั้น ศูนย์ยุวปัญญาชนเลยคึกคักขึ้นมา
ข่งอวิ๋นป๋อ “คราวนี้นอกจากพวกเธอจะมาแสดงแล้วยังฉายหนังด้วยหรอ”
หัวหน้าซ่ง “ใช่ พวกเราเอาเครื่องฉายหนังมาด้วยนะ”
เจียงชั่ว “ฉายหนังอะไร ใช่อันที่ฉายล่าสุดไหม”
เหล่าสาวน้อยได้ยินเสียงเจียงชั่วพูดอย่างเร่งรีบก็ยิ้มกันทั้งหมด “มีหมด พวกเราฉายหลายวันเลยนะ”
หลังเจียงชั่วถูกหยอกล้อก็ลูบหัวอย่างเขินอาย ยิ้มให้ฝูงชนอย่างซื่อๆ จากนั้นก็ไปช่วยถือของเข้าด้านใน
เก็บของเกือบเสร็จแล้ว หัวหน้าซ่งถึงถามสวี่ม่ายซุ่ยว่า “พี่ม่ายซุ่ย พี่รู้ไหมว่าไต้ฉิงไปสถานีอนามัยไหน ฉันอยากไปดูหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้ว่าหัวหน้าซ่งเป็นห่วง ก็พูดกับผู้จัดการหลานแล้วพาหัวหน้าซ่งไปหาคน
บนเกาะที่พวกเธออยู่มีสถานีอนามัยแค่ที่เดียวคือฝั่งสหกรณ์ สวี่ม่ายซุ่ยเลยนำหล่อนตรงไปทางนั้นโดยไม่คิด
เดินไปได้ครึ่งทางก็เจอพวกเขาสองคนพอดี เห็นหลินเจี้ยนจวินแบกไต้ฉิงไว้ ไต้ฉิงเอนนอนบนหลังหลินเจี้ยนจวิน ข้อเท้าถูกพันไว้อย่างแน่นหนา
หัวหน้าซ่ง“เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจ็บถึงเส้นเอ็นใช่ไหม”
ไต้ฉิงส่ายหน้า “ไม่ค่ะ แค่เป็นตะคริว หมอเลยสั่งแผ่นแปะแก้ปวดมาให้ฉันเอากลับไป”
หัวหน้าซ่งได้ยินถึงค่อยเป่าปากโล่งอก “ไม่ได้เจ็บถึงเส้นเอ็นก็พอแล้ว เธอลงมา ฉันจะพาเธอกลับไป”
ตอนที่พวกหล่อนออกมา ก็ยืมรถจากข่งอวิ๋นป๋อเตรียมพาไต้ฉิงกลับไป อย่างไรเสียที่ศูนย์ยุวปัญญาชนก็มากคนมากความ ไม่เหมือนทีมสันทนาการของพวกเขาที่มีแต่คนกันเอง
ไต้ฉิงเห็นก็ค่อยๆ ไถลลงจากตัวหลินเจี้ยนจวินไปนั่งบนรถจักรยาน
หัวหน้าซ่งเห็นไต้ฉิงลงมาแล้ว ก็พูดกับสวี่ม่ายซุ่ย “พี่ม่ายซุ่ย พวกพี่กลับไปเถอะ ฉันพอรู้ทางอยู่”
สวี่ม่ายซุ่ยมองพวกหล่อนทั้งสองคนถามอย่างกังวล“ได้จริงหรอ”
หัวหน้าซ่ง “ได้”
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นพวกเธอสองคนช้าหน่อยถ้ามีเรื่องอะไรก็ให้ไปหาข่งอวิ๋นป๋อให้เขามาหาฉัน”
หัวหน้าซ่ง “ได้”
หลังส่งสายตามมองพวกเขาไป สวี่ม่ายซุ่ยกับหลินเจี้ยนจวินก็เดินกลับบ้านอย่างเร่งรีบ อย่างไรที่บ้านก็ยังมีเด็กอีกสองคน
“ทำไมนายรู้ว่าเป็นทางเส้นไหนล่ะ” ตอนกลับไปสวี่ม่ายซุ่ยก็ถามหลินเจี้ยนจวินด้วยความประหลาดใจ
หลินเจี้ยนจวิน “หัวหน้าหลี่บอกฉัน”
สวี่ม่ายซุ่ย “อ้อ”
“เท้าไต้ฉิงไม่เป็นไรแน่นะ?”
หลินเจี้ยนจวิน “หมอบอกไม่เป็นไร พี่สะใภ้ หล่อนตกใจจนเท้าแพลงจริงเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยคิดสักพักแล้วตอบกลับอย่างจริงจัง “ดูเหมือนจะใช่”
หลินเจี้ยนจวินพูดอย่างเสียใจอยู่บ้าง “รู้งี้ผมไม่เปิดไฟก็ดี”
เพื่อที่เขาจะประหยัดไฟขณะเดินทางบนถนนสายนี้ เขาจึงไม่ได้เปิดไฟเลย พอได้ยินเสียงถึงค่อยเปิดไฟฉายในมือ
สวี่ม่ายซุ่ยชำเลืองมองเขา ตอบกลับอย่างเย็นชา “ไม่เปิดไฟคนไม่ตกใจยิ่งกว่าเหรอ? เฮ้อ ตอนบ่ายนายไม่ได้ฟังอะไรเลยใช่ไหม?”
พวกเขาสองคนเจาะล้อผู้บังคับการโหวตอนบ่าย ตอนนี้ก็ควรมีความเคลื่อนไหวแล้ว
หลินเจี้ยนจวินส่ายหัวอย่างเด็กดี “ไม่ได้ฟัง”
สวี่ม่ายซุ่ยถามเขาเสร็จก็นึกเสียใจ นิสัยแบบเขาก็ต้องไม่รู้อยู่แล้ว
“พี่ชายนายไม่ได้บอกเหรอว่าทำไมไม่ได้กลับมา”
หลินเจี้ยนจวิน “ตอนผมออกมาเขายังไม่กลับมาเลย”
สวี่ม่ายซุ่ย “เอาเถอะ”
กลับถึงบ้าน ก็เห็นไฟในห้องหล่อนยังสว่าง สวี่ม่ายซุ่ยรอฟังเรื่องผู้บังคับการโหวแทบไม่ไหว พูดกับหลินเจี้ยนจวินอย่างเร่งรีบแล้ววิ่งกลับไปห้องนอน
พอถึงประตูถึงได้สติว่าท่าทางแบบนี้ของตนชัดเจนเกินไป ก็หันกลับไปมองห้องเด็กสองคน เก็บกวาดเสร็จแล้วถึงกลับห้อง
เข้าห้องไปก็เห็นหลินเจี้ยนเยี่ยนอนพิงพนักเตียงอ่านหนังสือ “วันนี้ไม่ใช่เวรคุณนี่ ทำไมดึกขนาดนี้ถึงเพิ่งกลับมา เจี้ยนจวินก็ไม่อยู่”
สวี่ม่ายซุ่ยถอดรองเท้าพลางขึ้นเตียงไปตอบกลับ “ฉันไปรับคนที่หน่วยเค่าชาน กลับมาดึกหน่อย เจี้ยนจวินเป็นห่วงก็เลยมาหาฉัน”
“ฉันได้ยินจากเจี้ยนจวินว่าตอนกินข้าวเย็นคุณก็ไม่ได้กลับมา คุณไปทำอะไรคะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยนวดหว่างคิ้วตอบกลับว่า “ยังไม่พ้นเรื่องของผู้บังคับการโหวนั่นแหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ตาเป็นประกาย รีบเข้าไปถาม “ผู้บังคับการโหวทำไม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองเธออย่างสงสัย ย้อนถามว่า “คุณจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม?”
“ฉันตื่นเต้นขนาดนั้นที่ไหน ฉันแค่แปลกใจเรื่องของเขา เขาทำไมล่ะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ก็ไม่ทำไมหรอก เดินทางกลางคืนบ่อยไป โดนตะปูทิ่มล้อรถจนเสียหลักควบคุมไม่ได้แล้วชนต้นไม้”
สวี่ม่ายซุ่ยถามอย่างตื่นเต้น “สาหัสไหม? เจ็บตรงไหนล่ะ?”
หลินเจี้นนเยี่ย “บาดเจ็บที่ศีรษะจนกระทบกระเทือนเล็กน้อย นอนที่สถานีอนามัยตั้งครึ่งค่อนวัน ตอนบ่ายก็ไปเยี่ยมเขามาแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็พึมพำอย่างผิดหวังอยู่บ้าง “แค่ชนจนกระทบกระเทือนเล็กน้อยเองหรอ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ม่ายซุ่ยทำตัวเนียนๆ ไว้ค่ะ อย่าแสดงพิรุธเยอะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION