ตอนที่ 73 น้องชายสามีพี่สะใภ้แอบเจาะลมล้อ
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปมองเขาอย่างสงสัย “คุณหมายความว่าไง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยลูบหัวสวี่ม่ายซุ่ย เอ่ยปลอบว่า “วางใจเถอะ! ยังไงเราก็หนีไม่พ้น”
สวี่ม่ายซุ่ยทำเสียงฮึดฮัด “คุณโม้ละสิ ปล่อยให้คนมาแทนแล้วยังบอกว่าหนีไม่พ้นอีก”
หลินเจี้ยนเยี่ย “นี่แค่เป็นแผนให้พวกเขาตายใจก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยพูดอย่างมั่นใจ ก็จ้องเขาสักพัก ก่อนหาวพลางพูด “เอาเถอะ ฉันจะเชื่อคุณสักครั้ง ฉันไม่ไหวแล้ว นอนก่อนนะ”
หลังจากนั้นเธอก็กระชับผ้านวมเข้ากับอก ก่อนนอนหันหลังให้หลินเจี้ยนเยี่ยและผล็อยหลับไป
หลินเจี้ยนเยี่ยจ้องแผ่นหลังของสวี่ม่ายซุ่ยสักพักก็หัวเราะเบา ๆ จากนั้นก็โอบกอดเธออย่างพอใจ เข้าสู่นิทราเช่นเดียวกัน
เรื่องที่ตำแหน่งงานหลินเจี้ยนเยี่ยโดนแทนที่ไม่ได้สร้างแรงกระเพื่อมมากมายนัก อย่างไรเสียคนอื่นก็ไม่รู้
กลับเป็นเรื่องที่สวี่ม่ายซุ่ยต้องเข้ากะกลางคืนที่ทำให้ทุกคนพูดคุยกันอย่างดุเดือด
“พี่สะใภ้ ฉันอยู่บ้านว่าง ๆ แถมไม่ได้ทำอะไร ให้ฉันไปเข้าเวรแทนพี่ยังได้”
หลินเจี้ยนเยี่ยก็พูดด้วยว่า “อืม ฉันว่าเจี้ยนจวินไปก็พอ”
“ไม่ได้ เจี้ยนจวินไม่เคยอยู่ในหมู่บ้านเราด้วยซ้ำ เขาไม่รู้ด้วยว่าดูยังไง”
หลินเจี้ยนจวินฟังจบก็ยิ้ม “พี่สะใภ้อย่าได้ดูถูกผมเลย แต่ก่อนการจัดเก็บเสบียงช่วงเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นเวรผมทั้งหมด”
สวี่ม่ายซุ่ย “นายเพิ่งจะหายดี เข้าเวรกลางคืนจะเหนื่อยเอานะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยฟังแล้วก็หันไปถามหลินเจี้ยนจวิน “นายเป็นยังไงบ้าง พอไหวไหม”
หลินเจี้ยนจวินตอบอย่างมั่นใจ “ไหว”
“ไหวก็ให้เขาไป ชายหนุ่มคนหนึ่งเข้าเวรยังไม่ไหว ต่อไปจะทำอะไรได้” หลินเจี้ยนเยี่ยเอ่ย
เห็นสวี่ม่ายซุ่ยจะคัดค้านก็พูดตรง ๆ ว่า “ถ้าคุณไม่วางใจ ตอนบ่ายก็พาเจี้ยนจวินไปทำความคุ้นเคยสักหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นทั้งสองคนยืนกรานถึงได้พยักหน้าอย่างจำยอม
หลังกินข้าวเที่ยงแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็ตะโกนเรียกหลินเจี้ยนเยี่ยไปหมู่บ้านเพื่อทำความคุ้นเคยสภาพแวดล้อม เพิ่งเดินผ่านปากซอย สวี่ม่ายซุ่ยก็หยีตาถอยกลับทันที
สายตาวาววับมองไปที่รถทหารที่จอดอยู่มุมหนึ่ง
“พี่สะใภ้ เป็นอะไรไป” หลินเจี้ยนจวินมองสวี่ม่ายซุ่ยที่ยื่นนิ่ง ก็ถามอย่างแปลกใจ
“ชู่ อย่าส่งเสียง พวกเราออกไปดูหน่อย” พูดจบสวี่ม่ายซุ่ยก็ย่องไปที่ด้านข้างรถทหาร
หลินเจี้ยนจวินแม้จะมึนงง แต่ก็ก้าวเท้าเบา ๆ อย่างไม่รู้ตัว
สถานที่นี้ร่มกว่าที่อื่น ปกติจะเอามารถมาจอดไว้ที่นี่
ที่จอดอยู่เวลานี้คือรถจี๊ปของผู้บังคับการโหว สวี่ม่ายซุ่ยมองซ้ายแลขวาพูดกับหลินเจี้ยนจวินว่า “เจี้ยนจวิน กลับบ้านไปเอาตะปูมาให้ฉันที”
หลินเจี้ยนจวินฟังจบก็จ้องตาโต “พี่สะใภ้ นี่น่าจะเป็นรถทหารนะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันรู้”
“คนคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไร ไม่ได้ปล่อยลมรถเขาแล้วไฟในใจฉันมันไม่มอดลงสักที”
“พี่สะใภ้ เขาไปหาเรื่องอะไรพี่”
“เขาไม่ได้หาเรื่องฉัน เขาหาเรื่องพี่นาย เดิมทีพี่นายก็จะได้เลื่อนขั้น แต่เพราะไอ้หมาเลวตัวนี้มันลอบกัดทำให้พี่ชายนายเลื่อนขั้นไม่สำเร็จ ไม่งั้นตอนนี้เขาก็คงเป็นผู้บังคับบัญชาไปแล้ว
หลินเจี้ยนจวินได้ฟังก็พูดว่า “พี่สะใภ้ พี่รอก่อนนะ เดี๋ยวผมจะกลับไป”
พูดจบเขาก็หันกายวิ่งกลับไปบ้าน
ด้านสวี่ม่ายซุ่ยก็หาที่ซ่อนเฝ้าสังเกตสภาพแวดล้อมรอบด้านมาตลอด
ไม่นานหลินเจี้ยนจวินก็วิ่งกลับมา เอาของมายื่นให้ตรงหน้าพลางพูด “พี่สะใภ้โรยไว้ใต้ยางก็พอ หาไม่พบหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นตะปูแหลมเงาวับของหลินเจี้ยนจวินก็เอ่ยชม “ยังคงเป็นนายที่ฉลาด”
ทั้งสองคนโปรยตะปูอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ จากนั้นก็วิ่งกลับไปที่ถนนใหญ่ เดินวางท่าเข้าไปในหมู่บ้าน
“พี่สะใภ้ พี่ชายผม…”
“พี่ชายนายไม่เป็นไรหรอก เขามีแผนของเขาเองไม่ต้องให้เรายุ่ง”
หลินเจี้ยนจวินฟังจบก็ตอบอืมมาคำหนึ่ง ไม่ได้ถามอีก
กลับเป็นสวี่ม่ายซุ่ยที่มองเขาพลางถาม “ช่วงนี้นายกับหลิวซุ่ยเป็นยังไงบ้าง หล่อนมาหานายอีกไหม”
หลินเจี้ยนจวิน “ไม่ได้มา แม่หล่อนดูอย่างเข้มงวด ตอนนี้หล่อนออกมาไม่ได้”
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นนายรู้สึกยังไงบ้าง มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างไหม?”
หลินเจี้ยนจวิน “ไม่มี พี่สะใภ้ เราสองคนไม่เหมาะสมกันจริง ๆ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พอแล้ว ๆ ไม่เหมาะสมก็ไม่เหมาะสม”
พูดจบทั้งสองก็มาถึงหมู่บ้าน
พอเห็นสวี่ม่ายซุ่ย ผู้จัดการฝ่ายสตรีก็รีบพูด “นักบัญชีสวี่ เธอมาแล้ว ฉันกำลังจะไปหาเธอพอดี”
สวี่ม่ายซุ่ย “เกิดอะไรขึ้น”
ผู้จัดการฝ่ายสตรี “ทีมแสดงมาแล้ว กำลังอยู่กับพวกผู้สนับสนุน หัวหน้าให้เธอไปประสานงานหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยขมวดคิ้ว “ไปประสานงานกับผู้สนับสนุน?”
ผู้จัดการฝ่ายสตรี “อืม”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไกลขนาดนั้นจะไปยังไง”
ผู้จัดการฝ่ายสตรี “เธอขับรถลากเป็นไหม ถ้าเธอขับได้ฉันจะให้เธอยืมคันหนึ่ง ถ้าขี่ไม่เป็นฉันจะให้วัวลากรถ เธอก็ลากวัวไป”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันขับเป็น อยู่ไหน ฉันจะไปยืมด้วยกันกับเธอ”
ผู้จัดการฝ่ายสตรี “ยุวปัญญาชนของหมู่บ้านเราที่ไหนต่างก็มีคันหนึ่ง ฉันจะไปถามดู”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันไปกับเธอด้วย” พูดจบก็หันไปพูดกับหลินเจี้ยนจวิน “เจี้ยนจวิน นายรอฉันอยู่นี่”
หลินเจี้ยนจวินตอบรับ “ได้”
พอสวี่ม่ายซุ่ยเดินไป พวกหลี่โหย่วเหลียงก็มา เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหน้าหน่วยก็ถามอย่างแปลกใจ “สหาย นายมาหาใคร”
หลินเจี้ยนจวิน “ฉันไม่ได้มาหาใคร ฉันรอคน”
หลี่โหย่วเหลียง “นายรอใครล่ะ ฉันจะไปเรียกให้นาย”
หลินเจี้ยนจวิน “ไม่ต้องหรอก พี่สะใภ้ฉันที่เพิ่งออกไปบอกให้ฉันรออยู่ที่นี่”
หลี่โหย่วเกลียง”พี่สะใภ้นายคือใคร”
หลินเจี้ยนจวินขมวดคิ้ว แม้จะไม่ค่อยพอใจแต่ก็ตอบกลับไป “พี่สะใภ้ฉันคือสวี่ม่ายซุ่ย”
หลี่โหย่วเหลียงได้ฟังว่าเป็น้องสามีสวี่ม่ายซุ่ยก็รีบลากเขาเข้ามาในห้องอย่างกระตือรือร้น
ด้านสวี่ม่ายซุ่ยกับผู้จัดการฝ่ายสตรีที่เดินทางถึงสถานปฏิบัติงานยุวปัญญาชน เพิ่งถึงทางเข้าก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากด้านใน
ผู้จัดการฝ่ายสตรีขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจ “วันนี้มีเรื่องอะไรกัน แต่ก่อนก็คิดว่าพวกเขาทำตัวดีมาตลอด”
พูดจบก็จะเดินเข้าไปในบ้าน
สวี่ม่ายซุ่ยดึงหล่อนไว้ไม่ทัน คนก็ผลักประตูเข้าไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น” พอเข้ามาในบ้าน ผู้จัดการฝ่ายสตรีก็ตำหนิด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างน่าเกรงขาม
พอในบ้านได้ยินเสียงก็เงียบลงในพริบตา สวี่ม่ายซุ่ยตามเข้ามาก็เห็นบนพื้นมีอ่าง โถ แล้วก็น้ำหกกระจายเต็มพื้น
ผู้ชายคนหนึ่งถูกคนกลุ่มหนึ่งดึง ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งร้องไห้อยู่บนเตียงเตา
ผู้จัดการฝ่ายสตรีมองไปรอบด้าน ถามอีกครั้งว่า “เกิดอะไรขึ้น ใครเริ่มก่อเรื่องก่อน”
เพิ่งพูดออกมา ข่งอวิ๋นป๋อก็เบียดจากเตียงขึ้นมายิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ได้ก่อเรื่อง แค่เถียงกันไม่กี่ประโยค”
ผู้จัดการฝ่ายสตรี “เถียงอะไรกันถึงได้เขวี้ยงจานเขวี้ยงชามขนาดนี้”
ข่งอวิ๋นป๋อ “ก็แค่ถกกันเรื่องบันทึกคำพูดของประธาน ทุกคนเห็นไม่ตรงกัน”
“ผู้จัดการนี่คุณผ่านมา?”
สีหน้าผู้จัดการสตรีถึงค่อยผ่อนคลาย “นักบัญชีสวี่จะไปประชุมกับผู้สนับสนุน พวกเรามาขอยืมรถลากของเธอ”
ข่งอวิ๋นป๋อมองสวี่ม่ายซุ่ย ยิ้มทันทีแล้วพูดว่า “ยืมรถเหรอ ก็ได้ ยังไงฉันก็ไม่ได้ใช้ ตอนนี้ฉันจะให้พวกคุณลากไป” พูดจบก็เดินออกมาด้านนอก
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังก็ตามเขาออกมาด้านนอกด้วย
ส่วนผู้จัดการฝ่ายสตรีตำหนิพวกเขาอีกไม่กี่ประโยคถึงเดินออกมา
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แสบมากม่ายซุ่ย ขอให้ทางนั้นจับไม่ได้ก็แล้วกัน
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION