ตอนที่ 71 เหนือคนร้าย ยังมีคนร้ายกว่า
เห็นพวกเขากลับมาแม่เฒ่าหลินก็ผงะไป “พวกเธอกลับมายังไง”
แม่เฒ่าหลินมองไปที่โต๊ะกินข้าว ร้องตะโกนเสียงแหลมออกมา “ดีนี่ แกมันไอ้แก่ตายยาก พวกเราถูกจับไป แกไม่ห่วงไม่พูดสักนิด แล้วยังฆ่าไก่อีก”
พ่อเฒ่าหลินมองใบหน้าโกรธขึ้งของแม่เฒ่าหลินแล้วก็ตอบกลับอย่างเกรง ๆ “ยังมีเด็กตั้งกี่คนที่ต้องกิน ฉันทำอะไรไม่เป็นด้วยซ้ำก็เลยฆ่าไก่ให้พวกเขา พวกเธอกินข้าวหรือยัง ไม่ได้กินก็กินหน่อยไหม?”
หลินเจี้ยนกั๋วซึ่งเข้ามานานแล้วก็พุ่งไปหน้าโต๊ะกินข้าวทันที เขาหยิบตะเกียบเคาะจานสองที ก่อนตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “นอกจากกระดูกก็ไม่มีอะไรแล้ว จะกินยังไงล่ะ!”
สะใภ้ใหญ่หลินฟังจบก็ทำเสียงฮึดฮัด “ในจานไม่มี ในเล้าไก่ยังเหลืออีกตัวไม่ใช่เหรอ ไปจับไก่ตัวนั้นไป”
หลินเจี้ยนกั๋วได้ฟังก็ออกไปด้านนอกอย่างกระตือรือร้น สองวันนี้ที่รออยู่ในห้องดำนี่อดอยากปากแห้งไปหมด
แม่เฒ่าหลินได้ฟังก็ร้อนรน “เจ้าใหญ่ เจ้าใหญ่ ฆ่าไม่ได้นะ! ฆ่าแล้วก็ไม่มีไข่ไก่แล้ว”
สะใภ้ใหญ่หลินกลอกตาอย่างเหยียดหยาม “ออกไข่อะไรละ! ออกมาเราก็กินไม่ได้ ไม่สู้ฆ่าเอาเนื้อมากินดีกว่า หลินเจี้ยนกั๋วคุณรีบไปฆ่าไก่มาให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะเอาเรื่องคุณให้ถึงที่สุด”
หลินเจี้ยนกั๋วเดินไปที่เล้าไก่อย่างรวดเร็ว
จากนั้นสะใภ้ใหญ่หลินก็พูดกับแม่เฒ่าหลินว่า “แม่ แม่อย่าลืมนะว่ารับปากอะไรฉันไว้ ถือโอกาสตอนว่าง ๆ ไม่ให้ฉันซะละ”
แม่เฒ่าหลินฟังจบก็จ้องสะใภ้ใหญ่หลินอย่างฉุนเฉียว “แกมันสมควรตาย ตอนแรกทำไมพวกฉันถึงตาบอดแต่งคนสวะแบบแกเข้ามากัน”
สะใภ้ใหญ่หลินแคะเล็บ ตอบกลับอย่างเหยียดหยาม “แม่ ถ้าแม่คิดว่าตาบอด งั้นแม่ก็ไปแหกตาดูซะไป”
แม่เฒ่าหลินมองสะใภ้ใหญ่ผู้หัวแข็งแล้วก็โกรธจนเอามือกุมอกเดินเข้าไปในห้อง ไม่นานในห้องก็มีเสียงร้องน่าสังเวชเหลือคณาดังออกมา
“อ๊า! ใครเอาเงินฉันไป”
“หลินจิงอวิ้น แก ไอ้แก่ตายยาก แกใช่ไหมที่เอาเงินฉันไป” แม่เฒ่าหลินเดินโซเซออกมาจากห้อง ปรี่เข้ามาหาพ่อเฒ่าหลินแล้วข่วนหน้าเขาเป็นรอย
พ่อเฒ่าหลินโดนแม่เฒ่าหลินข่วนจนทนไม่ไหว ก็สะบัดนางออกเต็มแรง ตอบกลับด้วยสีหน้าถมึงทึง “พูดจามั่วซั่วอะไร บ้านเรามีเงินที่ไหน”
ยายเฒ่าได้ฟังก็นั่งก้นไม่ติดพื้น ตบขาพลางตะโกนอย่างสิ้นหวัง “จะไม่มีเงินได้ไง บ้านเรายังมีเงินสามพันหยวนแล้วก็คูปองกองโตนี่ ทั้งหมดนี่ไม่มีแล้วหรือไง”
พ่อเฒ่าหลินได้ฟังก็กำหมัดทันที ถามด้วยสีหน้าบึ้งตึง “คุณบอกว่าบ้านเราไม่มีเงินไม่ใช่เหรอ คุณจะไปเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินว่าแม่เฒ่าหลินมีเงินมากขนาดนี้ สีหน้าก็อึมครึมขึ้นมา “ดีนี่ นังแก่ตายยาก ในมือแกมีเงินตั้งมากขนาดนี้ แกยังมาร้องบอกเราว่าจนนักหนา แกว่าเงินนี่แกเก็บไว้ทำอะไรนะ เอาไปช่วยลุงใช่ไหม ฉันไม่เคยเห็นคนกินบนเรือนขี้บนหลังคาเท่าแกมาก่อนเลย”
หลินเจี้ยนกั๋วที่อยู่นอกห้องได้ยินเสียงก็พุ่งเข้ามาทันที หลังได้ยินว่ามีเงินมากขนาดนี้ก็เข้ามาร่วมวงโจมตีแม่เฒ่าหลิน
เดิมทีตั้งแต่ออกมาจากห้องดำก็อ่อนแรงอยู่แล้ว พอถูกทุกคนต่อว่าขนาดนี้ แม่เฒ่าหลินก็เป็นลมไป
สะใภ้ใหญ่หลินมองแม่เฒ่าหลินที่นอนบนเตียง เบะปากอย่างเหยียดหยาม “เสแสร้งจริง ๆ มีเรื่องทีก็เป็นลม ตอนยุวชนแดงมาทำไมไม่เป็นลม”
พูดจบก็เดินนำออกไปก่อน
หลินเจี้ยนกั๋วเหลือบมองหล่อนแล้วมองไปด้านนอก พึมพำว่า “ไม่ใช่เรื่องของผมนะ ผมยังไม่ได้จับไก่เลย”
พูดจบก็ออกไป
เหลือแค่พ่อเฒ่าหลินนั่งเฝ้าแม่เฒ่าหลินคนเดียวโดยไม่ได้ทำอะไร เป็นหลินเจี้ยนเฉ่าที่กลับมาพบแม่ถึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาล
ช่วงเวลานี้มีเพียงหลินเจี้ยนเฉ่าคนเดียวที่อยู่เป็นเพื่อนในโรงพยาบาล พวกหลินเจี้ยนกั๋วกลับถอนหงอกหายหัว ไม่มีใครมาเยี่ยม
เวลานี้หลินเจี้ยนเฉ่าก็ได้โทรหาหลินเจี้ยนเยี่ย แต่เพราะเขาออกทะเลไปแล้วจึงไม่มีใครรับสาย
หลังพายุฝนผ่านไปท้องฟ้าก็แจ่มใส เสบียงที่ถูกเก็บไว้ก็ย้ายออกมาวางเรียงตากแดดที่ลานนวดข้าวอย่างเกียจคร้าน
หลี่โหย่วเหลียงมองหัวหน้าหน่วยที่อยู่ไม่ไกลตะโกนถามว่า “หัวหน้าหน่วย เสบียงพวกนี้ตากแดดไว้พอสมควรแล้วนะ เมื่อไรพวกในเมืองจะมาเก็บไปล่ะ”
หัวหน้าหน่วยหันมามองเขา ตอบกลับว่า “ก็วันนี้แหละ นายอยู่พอดีเลย พวกเราจะได้ประชุม”
สวี่ม่ายซุ่ยเดินอยู่กับผู้จัดการฝ่ายสตรี ถามอย่างแปลกใจ “สองวันก่อนเพิ่งประชุมไม่ใช่เหรอ นี่จะประชุมอะไรอีก”
ผู้จัดการฝ่ายสตรีหัวเราะเหอะ ๆ “เสบียงพวกนี้หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วต้องจัดเวรคนมาเฝ้าน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกเราก็ต้องเฝ้าใช่ไหม?”
ผู้จัดการฝ่ายสตรี “อืม เฝ้าทั้งปีแหละ แต่สถานการณ์บ้านพวกเธอมันพิเศษ ไม่แน่ว่าหัวหน้าหน่วยอาจจะจัดการเอง”
ตอนที่ทุกคนต่างก็คิดว่าหัวหน้าหน่วยจะหลีกหนีสวี่ม่ายซุ่ย เขากลับให้เธอจัดการเวรหน้าที่สองวัน
เห็นสีหน้าไม่เข้าใจของทุกคน หัวหน้าก็อธิบายด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อย “ในเมื่อเป็นกลุ่มเดียวกัน ก็ควรทำเหมือนทุกคน”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังเขาแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไร ตอนนี้เจี้ยนจวินอยู่ ต่อให้เธอไม่อยู่บ้านก็วางใจได้
หลังประชุมเสร็จแล้วไม่มีเรื่องอะไร สวี่ม่ายซุ่ยก็กลับบ้าน
เดินไปถึงสมาคมข่าวกรองก็โดนตะโกนเรียก “นักบัญชีสวี่ เธอมานี่ที เรามีเรื่องอยากจะถามเธอ”
สวี่ม่ายซุ่ยผงะไป เพราะเมื่อก่อนถ้าเดินผ่านก็จะทำแค่ทักทายกันแบบขอไปทีเท่านี้
“เรื่องอะไรล่ะ! ลึกลับขนาดนี้” สวี่ม่ายซุ่ยเดินไปพลางพูด
แม่หงเฟย “หนุ่มน้อยในบ้านพวกเธอคนนั้นคือน้องสามีเธอเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม”
“อายุเท่าไรแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “สิบเก้าแล้ว”
แม่หงเฟย “มีคู่หรือยัง”
สวี่ม่ายซุ่ยเลิกคิ้ว “ทำไมเหรอ เธอคิดจะแนะนำให้สักคนเหรอ”
แม่หงเฟยยอมรับอย่างง่าย ๆ “ใช่ อยากแนะนำให้เขาสักคน”
“น้องคนเล็กสามีบ้านเธอดีจริง ๆ หลายวันมานี้ฉันไม่เห็นเขาว่างเลย ไม่ไปเก็บฟืนก็ไปหาปลา ตอนนี้จะมีใครขยันขันแข็งเท่าพ่อหนุ่มคนนี้อีก”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้ม “งั้นเธออยากแนะนำใครล่ะ”
แม่หงเฟยลังเลสักพักก่อนตอบ “น้องสาวหมาจื่อล่ะ เป็นไงบ้าง”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังพลันมีสีหน้าหนักอึ้ง “ก็ไม่ยังไงนะ”
เรื่องอายุน้องสาวหมาจื่อเยอะยังพอว่า แต่ทั้งขี้เกียจทั้งโลภแถมยังหน้าเหมือนหมาจื่ออีก คงมีตาหามีแววไม่แล้วถึงได้หาภรรยาแบบนั้นให้เจี้ยนจวิน
แม่หงเฟย “อะไรคือไม่ยังไงล่ะ พวกเรารู้จักน้องสาวหมาจื่อกันหมด รู้ตื้นลึกหนาบ้างกันดี”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อดีขนาดนี้ ทำไมไม่แนะนำให้ลูกชายเธอล่ะ”
แม่หงเฟย “เธอคนนี้นี่ ทำไมยังพูดจาเหลวไหลอยู่อีก น้องสาวหมาจื่อกับลูกชายฉันเหมาะสมกันที่ไหน”
สวี่ม่ายซุ่ย “ทำไมจะไม่เหมาะสม รู้ตื้นลึกหนาบางกันนี่ไม่ใช่ว่าดีมากเหรอ”
แม่หงเฟย “หล่อนอายุค่อนข้างมาก ไม่เหมาะกับลูกชายฉันหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ย “น้องสามีฉันก็อายุไม่มาก หล่อนก็ไม่เหมาะกับน้องชายสามีฉันเหมือนกัน เธอยังมีเรื่องอะไรอีกไหม ไม่มีฉันไปก่อนนะ”
พูดจบก็หันกลับไปเดินต่อ
แม่หงเฟยมองแผ่นหลังสวี่ม่ายซุ่ย อดไม่ได้ที่จะทำเสียงฮึดฮัด “แม่สามีเธอนี่หาสะใภ้ได้ไม่เลวเลยนะ แล้วยังช่างเลือกอีก”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สรุปคือสะใภ้ใหญ่ร้ายสุดในบ้านหลิน ขึ้นเสียงทีขนาดแม่เฒ่าหลินยังหงอ
คิดไงเนี่ยแนะนำผู้หญิงแบบนั้นให้เจี้ยนจวิน เจี้ยนจวินควรได้แฟนดีกว่านี้
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION