ตอนที่ 67 แอบฟังจนถูกจับได้
คำพูดเพิ่งลอยมา พี่สาวขายเนื้อก็โยนกระดูกชิ้นใหญ่ลงไปบนเครื่องชั่ง “หนึ่งหยวนห้าเหมา”
สองมือของสวี่ม่ายซุ่ยมีแต่ของ เธอไม่มีวิธีอื่นทำได้แค่วางลงส่วนหนึ่ง แล้วล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อส่งให้
“พี่สาว กระดูกนี่ไม่ต้องใช้คูปองเนื้อเลยใช่ไหม”
พี่สาวขายเนื้อ “ขายกระดูกแล้วจะเอาคูปองเนื้ออะไร บนนี้มันไม่มีเนื้อ คนเขาไม่ชอบขายกัน”
สวี่ม่ายซุ่ย “โอ้ พี่สาวเอากระดูกมาเยอะไหม”
พี่สาวขายเนื้อ “ไม่แน่นอน บางทีเยอะบางทีน้อย ทำไม หรือเธอจะเอา?”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้ม “อืม ฉันอยากซื้อทุกวันจริง ๆ”
พี่สาวขายเนื้อ “นี่ค่อยคุยกันได้ ถ้าเธอจะมาซื้อทุกวัน ฉันจะเหลือไว้ให้เธอ
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นก็ขอบคุณพี่แล้วค่ะ”
พี่สาวขายเนื้อ “ขอบคุณอะไรกัน คนบนเกาะกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจ”
หาได้ยากที่สวี่ม่ายซุ่ยจะได้รับไมตรีจิตขนาดนี้จากคนในตลาดสด คิดไปคิดมาก็อยากหยิบแตงหวานในตะกร้าผักออกมาส่งให้
“พี่สาว แตงนี่ฉันเพิ่งซื้อมา เอาไว้ให้พี่คลายร้อน”
พี่สาวขายเนื้อ “ไอหยา ของนี้มันแพงนี่ เธอรีบเอากลับไปให้ลูกกินเถอะ ฉันไม่เอา”
สวี่ม่ายซุ่ย “ที่ฉันยังมี ไม่คุยกับพี่แล้ว ฉันต้องรีบกลับไปทำกับข้าว” เธอพูดพลางถือของวิ่งจากไป
พี่สาวขายเนื้อมองแตงหวานที่วางอยู่บนเขียงแล้วกลืนน้ำลาย หยิบขึ้นมาใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง
บ้านหล่อนฐานะไม่ค่อยดีและมีลูกมาก ปกติแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยต้องซื้อผลไม้ รอบนี้คงเป็นลาภปากของเด็กพวกนั้นแล้ว
หลังสวี่ม่ายซุ่ยหิวของกลับมาถึงบ้าน ก็เห็นหลินเซียวกับต้าเฉียงเกาะประตูห้องนอนอย่างลับ ๆ ล่อ ๆ มองลอดช่องเล็ก ๆ เข้าไป
ส่วนหลินฟานนั่งเล่นตัวต่อไม้ซึ่งเป็นของเล่นที่พ่อสวี่ทำให้อย่างเรียบร้อย
“เธอสองคนทำอะไรน่ะ” สวี่ม่ายซุ่ยมองเด็กสองคน ถามอย่างประหลาดใจ
เสียงที่ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาหลินเซียวกับต้าเฉียงตกใจจนตัวสั่น “แม่ แม่กลับมาตอนไหน ทำไมไม่พูดสักคำ”
สวี่ม่ายซุ่ย “เฮอะ! ลูกนี่กินปูนร้อนท้องนะ ต่อให้แม่ส่งเสียงดังแค่ไหนแต่ถ้าลูกไม่ฟังก็ไม่มีประโยชน์อะไร”
ต้าเฉียงก็กังวลจนแตะหลินเซียว คิดจะให้เขาปกปิดตัวเองหน่อย ใครจะรู้ว่ากะพริบตาอีกทีเขาก็ขายตัวเองไปแล้ว
“ต้าเฉียงอยากรู้ว่าอาเล็กหน้าตาเป็นยังไงเลยมาดู”
ต้าเฉียงพูดอย่างไม่พอใจ “ทำไมนายพูดออกมาหมดเลยล่ะ”
หลินเซียว “ฉันพูดแต่ความจริง ไม่ได้หลอก อีกอย่างนายก็อยากดูไม่ใช่เหรอ”
ต้าเฉียงพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “ใช่”
ตั้งแต่ที่พี่สาวเขาโดนแม่เขาลากกลับมา บรรยากาศในบ้านพวกเขาก็เปลี่ยนไป พี่สาวกับแม่ของเขากลายเป็นศัตรูกันแล้ว
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นก็ไปดู ดูเสร็จแล้วก็ไปเล่นไป อย่ารบกวนการนอนอาเล็กของลูก”
ตอนที่หลินเซียวกำลังวิ่งไปด้านหน้าก็ถามอย่างประหลาดใจ “แม่ พี่ซุ่ยซุ่ยกับอาเล็กนี่คบกันไม่ได้จริง ๆ ใช่ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกไม่เห็นด้วยไม่ใช่เหรอ?”
หลินเซียวถอนหายใจอย่างจนปัญญาก่อนตอบกลับ “แต่ต้าเฉียงขอร้องผม ผมเลยมาพิจารณาดู”
สวี่ม่ายซุ่ย…
“อย่าปิดทองหน้าพระเลย ไม่เกี่ยวอะไรกับลูก” พูดจบก็หยิบตะกร้าผักเข้าครัวไปทำกับข้าว
หลินเซียวมองแผ่นหลังแม่ของเขา ยักไหล่อย่างจนใจ
“สหายมาดู ฉันพยายามแล้ว แต่มันไม่มีวิธีจริง ๆ”
ต้าเฉียง…
คู่พี่น้องที่โดดเด่นคู่นี้ ใคร ๆ ก็รักทั้งนั้น
หลินฟานที่อยู่อีกด้านทนมองต่อไม่ไหว วางตัวต่อไม้หันไปพูดกับหลินเซียว “พี่ พี่นี่หน้าหนาจริง ๆ”
หลินเซียว “หน้าหนาแล้วทำไม ด้านได้อายอดละกัน พวกนายเล่นอยู่นี่เถอะ ฉันจะเข้าครัวไปดูว่าแม่ทำอะไรน่ากิน”
ต้าเฉียงฟังจบ นัยน์ตาก็ฉายแววอิจฉาวูบหนึ่ง พูดกับหลินฟานอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “หลินฟาน ฉันกลับแล้วนะ”
หลินฟานพยักหน้าอย่างโง่งม “ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยที่ล้างกระดูกเสร็จกำลังหามีดผ่าฟืน หลินเซียวก็พุ่งเข้ามา
เห็นแม่ยกมีดก็ร้องตะโกน “แม่ แม่จะทำอะไรน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยเลิกคิ้ว ตอบกลับ อย่างไม่พอใจ “ร้องโวยวายอะไร กระดูกนี่ไม่ผ่าแล้วจะกินยังไง”
หลินเซียว “โล่งอก ๆ ผมตกใจแทบตายแน่ะ เที่ยงนี้พวกเรากินอะไรกันเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ย “แกงสาหร่ายซี่โครงหมู กุ้งทอดเกลือ ปลาข้างเหลืองนึ่ง มะเขือเทศผัดไข่ มะเขือทอดกระเทียม ยำแตงกวาเย็น”
หลินเซียวฟังจบก็จ้องตาโต ถามอย่างไม่อยากเชื่อ”ทำเองทั้งหมด?”
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม”
หลินเซียว “ดีมากเลย! บ้านเราเลี้ยงปีใหม่แล้ว” พูดจบก็วิ่งออกไปด้านนอก
สวี่ม่ายซุ่ย…
เด็กคนนี้นี่มันซนยิ่งกว่าลิงอีก เพิ่งคิดจะให้เขามาช่วยทำอยู่หยก ๆ
รอหลินเจี้ยนเยี่ยกลับถึงบ้านเห็นอาหารบนโต๊ะ เขาก็ต้องตื่นตะลึง “หลินเซียว แม่ของลูกเป็นอะไรไป?”
หลินเซียว “แม่ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอก อาเล็กผมต่างหากที่เป็นอะไร”
หลินเจี้ยนเยี่ย “อาเล็กลูก?”
หลินเซียว “อืม อาเล็กผมมาแล้ว กำลังนอนอยู่ในห้อง”
หลินเจี้ยนเยี่ยฟังจบก็วางของลง สาวเท้าไปที่ห้องหลินเจี้ยนจวิน
ตอนที่เข้าห้องไป หลินเจี้ยนจวินเพิ่งตื่น พอเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยก็รู้สึกอึดอัดใจอยู่บ้าง
“พี่สาม”
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นร่างกายซูบผอมของหลินเจี้ยนจวิน ก็พลันมีหน้าถมึงทึง “นี่คือที่นายบอกว่าพวกเขาทำกับนายไม่เลว”
หลินเจี้ยนจวินมองตัวเอง ตอบกลับเสียงเบา “เทียบกับเมื่อก่อนก็ไม่เลวแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยเผลอสบถ “ไม่เลวบ้านแม่แกสิ”
หลินเจี้ยนจวินเงยหน้าขึ้นมามองหลินเจี้ยนเยี่ย ไม่กล้าพูดอะไร
หลินเจี้ยนเยี่ย “ปกติฉันให้นายมาบนเกาะ นายก็ไม่มา บอกแต่ว่านายดูแลตัวเองได้ นี่คือสภาพที่นายดูแลตัวเองเหรอ ปีนี้นายอายุเท่าไหนแล้ว นายยังให้พวกเขามารังแกนายขนาดนี้ ปกติฉันสอนนายว่ายังไง นายทิ้งไปหมดแล้วใช่ไหม”
“สภาพแบบนี้ยังจะหาคู่ดูตัวอีกเหรอ ฉันว่านายดูแลตัวเองให้ดีก่อนเถอะ!”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยเข้าห้องน้ำเสร็จ เข้ามาก็เห็นหลินเซียวกับหลินฟานเกาะบานประตูฟังอย่างตั้งใจ
สวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งจะเดินไป หลินเซียวก็เป่าปากออกมา กดเสียงกระซิบว่า “พ่อผมกำลังด่าอาเล็ก”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังก็ผงะไป รีบรุดก้าวเข้าไป พอเดินไปถึง หลินเจี้ยนเยี่ยก็เปิดประตูจากด้านใน
สองคนมองกันไปมาในสภาพนี้ ขณะที่หลินเซียวกับหลินฟานหนีกันไปตั้งนานแล้ว
สวี่ม่ายซุ่ยพูดอย่างร้องไห้ไม่ออก “ฉัน…”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบกลับด้วยสีหน้าอึมครึม “คุณเข้ามาในห้องหน่อย ผมมีเรื่องจะถามคุณ” พูดจบก็เดินไปที่ห้องพวกเขา
สวี่ม่ายซุ่ยราวกับสะใภ้เล็ก เดินตามหลังอย่างเชื่อฟัง ยังไม่วายหาจังหวะถลึงมองเด็กทั้งสอง
พอเข้าไปในห้อง หลินเจี้ยนเยี่ยก็ถามตามตรง “เกิดอะไรขึ้นตอนที่พวกคุณอยู่บ้านเกิดผม?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เจี้ยนจวินคนเจ้าอารมณ์นั้นไม่ยอมมาที่นี่เอง”
สวี่ม่ายซุ่ยเองก็ไม่ได้คิดปิดบังเขา เล่าเรื่องที่บ้านเกิดหลินเจี้ยนเยี่ยทั้งหมดไปรอบหนึ่ง
หลินเจี้ยนเยี่ยได้ฟังก็กำหมัดแน่น “พวกเขาไม่ได้ทำร้ายคุณใช่ไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ย “นอกจากตบไปหลายทีแล้วก็ไม่ได้ก่อเรื่องใหญ่อะไรหรอกค่ะ”
แต่เธอเชื่อว่าถ้าแม่เฒ่าหลินไม่มัวแต่ไปหาคนทรงเจ้า เธอคงไม่โดนแค่นี้ อาจจะต้องเจ็บหนักยิ่งกว่านี้แน่
“อ้อ ตอนพวกหล่อนโดนยุวชนแดงจับไปยังตะโกนชื่อคุณอยู่เลย มันจะกระทบอะไรคุณไหม”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ไม่หรอก”
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นคุณจะช่วยพวกเขาไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยยิ้มเยาะ “ช่วยพวกเขา? ผมคงแกว่งเท้าหาเสี้ยนแล้ว ช่วงนี้ก็ให้เจี้ยนจวินอาศัยอยู่บ้านเรา คุณก็ดูแลเขาหน่อย”
……………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพี่เยี่ยรู้ว่าแม่กับพี่ใหญ่ทำอะไรเมียกับน้องชายตัวเองบ้าง พี่จะนั่งติดที่ไหม
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION