ตอนที่ 65 พูดมาก
แม่ต้าเฉียงมองลูกสาวหัวขบถแล้วก็โกรธจนหน้าเขียว “แกนี่มันโคตรพ่อโคตรแม่ของฉันจริงๆ”
“ฉันไม่ใช่โคตรพ่อโคตรแม่ของแม่สักหน่อย แม่ต่างหากที่เป็นโคตรพ่อโคตรแม่ฉัน” ซุ่ยซุ่ยแย้ง
“แม่ แม่พยุงพี่เจี้ยนจวินแบบนี้ไม่ได้นะ ให้ฉันทำเองเถอะ” พูดจบก็เข้าไปใกล้
แม่ต้าเฉียงเหยียดหยามอย่างไม่พอใจ “ไป ๆ ๆ แกเป็นสาวเป็นแส้ไปพยุงอะไรเขา ไม่กลัวคนเขาขบขันเหรอ”
หลิวซุ่ยที่ถูกเบียดไปด้านข้าง ทำได้แค่จ้องหลินเจี้ยนจวินที่ถูกแม่หล่อนกับสวี่ม่ายเฉิงพยุงออกไป
เมื่อหมดหนทางหล่อนจึงทำได้แค่เข้าไปช่วยสวี่ม่ายซุ่ยถือของ “คุณน้า น้าช่วยเตือน ๆ แม่ฉันหน่อยได้ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปยิ้มให้หล่อนแล้วตอบกลับ “ฉันเตือนไม่ได้หรอก แม่เธอนิสัยเป็นยังไงเธอก็รู้ อีกอย่างฉันก็คิดว่าเธอไม่เหมาะกับเจี้ยนจวินด้วย”
หลิวชุ่ยฟังจบก็ทำหน้าบูดเบี้ยว ทำปากจู๋พูดอย่างไม่ปิดบังว่า “ทำไมพวกน้าถึงคิดว่าฉันกับพี่เจี้ยนจวินไม่เหมาะสมกันหมดเลยล่ะ ฉันคิดว่าเราสองคนเหมาะสมกันมาก”
สวี่ม่ายซุ่ย “เธออายุยังน้อย แค่แม่สามีกับพี่สามีฉันที่เป็นแบบนั้น เธอจะรับมือไหวเหรอ อีกอย่างเธอต้องเรียกฉันว่าพี่สะใภ้ พูดออกมาไม่ได้เหรอ”
หลิวซุ่ย “น้าออกจะดูสาว ทำไมฉันจะไม่กล้าเรียก เรียกน้าฉันสิถึงพูดไม่ออก ต่อไปฉันจะเรียกน้าว่าพี่สะใภ้แล้วกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยมองหลิวซุ่ยที่ควงแขนตน แล้วมองไปยังแม่ต้าเฉียงที่อยู่เดินด้านหน้า แม่เจ้าโว้ย นี่มันหายนะชัด ๆ
โชคดีที่สายตาของแม่ต้าเฉียงจดจ่ออยู่กับร่างของหลินเจี้ยนจวิน ไม่ได้สนใจพวกเธอ
หลังออกจากโรงพยาบาลแล้ว สวี่ม่ายเฉิงก็ส่งพวกเธอที่ป้ายรถประจำทางแล้วก็เตรียมจะจากไป
“พี่ พี่มานี่หน่อย”
สวี่ม่ายเฉิงร้องเรียกสวี่ม่ายซุ่ยที่ยืนอยู่ข้างหลินเจี้ยนจวิน
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินก็เข้ามาหาเขา เพิ่งจะมาถึงก็โดนสวี่ม่ายเฉิงจับแขนลากออกมาไกล ๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาสามคน พี่กลับไปรับมือไหวแน่นะ? ไม่งั้นให้ผมไปส่งพี่กลับไหม?”
สวี่ม่ายเฉิงมองสองแม่ลูกที่ยังฟาดฝีปากกันอยู่ แล้วยังมีหลินเจี้ยนจวินที่เจ็บออด ๆ แอด ๆ ก็ถามขึ้นมาอย่างกังวล
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกหล่อนสองแม่ลูกไม่เป็นไร นายไม่ต้องกังวลหรอก”
สวี่ม่ายเฉิง “พี่ไหวจริง ๆ นะ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไหวแน่นอน นายก็ไม่ดูเลยว่าพี่สาวนายเป็นใคร เอ้อ เรื่องครั้งก่อนที่ฉันให้นายไปสืบ นายสืบหรือยัง”
คราวนี้สวี่ม่ายเฉิงนึกขึ้นมาได้ เขาลูบหัวพลางตอบ “สืบตั้งนานแล้ว ถ้าพี่ไม่พูดผมก็ลืมแล้วเนี่ย ผู้ชายคนนั้นอยู่โรงงานสิ่งทอ แม่เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายสตรีของโรงงานสิ่งทอ ผู้หญิงคนนั้นที่คบกับเขาดูเหมือนจะเป็นเพราะสถานการณ์ทางบ้าน ได้ยินมาว่าตอนนี้กำลังติดพันเขา ให้เขาหางานให้น้องชายหล่อน”
สวี่ม่ายซุ่ย “หาหรือยัง?”
สวี่ม่ายเฉิงตอบกลับอย่างเหยียดหยาม “คนในเมืองเราเยอะขนาดนี้ จะหาง่ายขนาดนั้นได้ไง ฟันธงเลยว่าผู้หญิงคนนี้ถูกหลอก อีกอย่างชายฟันเหลืองคนนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร ได้ยินมาว่าหลอกผู้หญิงไปไม่น้อย ถ้าพี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นก็ไปเตือนสติหล่อนหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันคงบ้าแล้วถ้าไปเตือนหล่อน”
สวี่ม่ายซุ่ย “คู่แค้นพี่?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ก็ไม่เชิง นายยังมีธุระอีกไหม ไม่มีก็ไปเถอะ”
สวี่ม่ายเฉิง….
“พี่นี่พอหมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่งเลยนะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “นายเป็นน้องชายแท้ ๆ ของฉัน ฉันยังเกรงใจนายอยู่บ้าง กลับบ้านไปดูแลแม่ให้ดี ฉันว่างเมื่อไรจะไปเยี่ยมแม่”
สวี่ม่ายเฉิง “พอแล้ว ๆ รีบไปเถอะ รถมาแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยมองรถที่แล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว รีบวิ่งไปด้านข้างหลินเจี้ยนจวิน หลังพยุงเขาขึ้นมาบนรถได้ก็เป่าปากโล่งอก
รอถึงท่าเรือ สองสามคนที่ขึ้นเรือมาจึงค่อยผ่อนคลาย
“นายเมาเรือไหม ยังเจ็บหัวอยู่ไหม?” สวี่ม่ายซุ่ยมองหลินเจี้ยนจวินที่นั่งอย่างสุ่มเสี่ยง ก็ถามอย่างเป็นกังวล เกิดกลัวขึ้นมาว่าเขาที่เดิมทีหัวสั่นหัวคลอนจะรู้สึกกระทบกระเทือนมากกว่าเดิม
หลินเจี้ยนจวินมองไปนอกหน้าต่าง ตอบอย่างเอื่อยเฉื่อย “ก็ดี”
หลิวซุ่ยที่นั่งอยู่แถวหน้ากลับกังวลอย่างมาก แต่มีแม่จ้องอยู่ เลยทำได้แค่ลุกลี้ลุกลน
ไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงฝั่ง หลินเจี้ยนจวินถึงได้หายใจหายคอ ตอนลงเรือก็ได้ยินเสียงเด็กสองคนดังขึ้นตามกันมา
“แม่!”
“อาเล็ก”
พอหยีตามองไปก็เห็นหลินเซียวกับหลินฟานกำลังวิ่งเรียงมาทางพวกเขา
ยังไม่ทันรอให้พวกเขาพุ่งเข้ามาหาหลินเจี้ยนจวิน สวี่ม่ายซุ่ยที่อยู่ด้านหน้าก็ขวางพวกเขาไว้ “ทำตัวดี ๆ กันหน่อย อาเล็กของพวกลูกไม่ค่อยสบาย”
หลินเซียวมองใบหน้าขาวซีดของหลินเจี้ยนจวิน ถามด้วยสีหน้ากังวล “อาเล็ก อาเมาเรือเหรอ”
หลินเจี้ยนจวินพยักหน้า “เมาเรือนิดหน่อยน่ะ”
หลินเซียว “งั้นอาต้องฝึกเยอะ ๆ พ่อผมบอกว่าเมาเรือเพราะฝึกมาน้อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “อย่าไปฟังพ่อพูดมั่วซั่ว เมาเรือคือปัญหาระบบร่างกาย ต่อให้ฝึกมากก็ไม่เกี่ยวอะไร”
หลินเซียวฟังจบก็มองเธอ ตอบกลับด้วยสีหน้าไม่เห็นชอบ “ทำไมจะไม่เกี่ยว พ่อเป็นถึงผู้บังคับการทหารเรือ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พอ ๆ พ่อลูกพูดถูกแล้ว แต่วันนี้ลูกทำตัวดี ๆ ให้แม่หน่อย อย่าไปกวนอาลูก”
หลินเซียวตอบแบบขอไปที “รู้แล้ว”พูดจบก็หันไปสำรวจด้านหลัง เห็นหลิวซุ่ยก็พลันตาเป็นประกาย พูดอย่างประหลาดใจ “พี่ซุ่ยซุ่ย พี่กลับมาแล้ว? พี่ไปไหนมาล่ะ? พี่คงไม่ได้ไปหาอาเล็กผมจริงหรอกใช่ไหม”
เห็นแม่ต้าเฉียงยิ่งมีสีหน้าอับอายขึ้นเรื่อย ๆ สวี่ม่ายซุ่ยก็รีบยื่นมือไปปิดปากหลินเซียว อีกทั้งเตือนว่า “พูดให้น้อยหน่อยก็ไม่มีใครว่าลูกเป็นใบ้นะ”
หลังหลินเซียวตบสวี่ม่ายซุ่ยเป็นเชิงให้ปล่อยถึงได้พูดเสียงเบา “แม่ก็คิดเหมือนที่ผมพูดนี่! แม่คอยดูเถอะ! เดี๋ยวก็พูดกัน”
พอมาถึงกลุ่มสมาคมข่าวกรองจริง ๆ ก็เห็นสายตาของทุกคนที่มองมาอย่างโจ่งแจ้ง ไม่รอให้พวกหล่อนเปิดปาก หลิวซุ่ยก็ทนไม่ไหววิ่งกลับบ้านไป
ในทางกลับกันพวกสวี่ม่ายซุ่ยกลับใจเย็นมาก มุ่งหน้าเดินผ่านฝูงชนไปอย่างเรียบร้อย
พอมาถึงบ้าน สวี่ม่ายซุ่ยก็ได้กลิ่นเน่าเสียโชยมา ครั้นเดินตามกลิ่นไปที่ห้องครัวก็เห็นกระทะอ่างชามกระบวยวางทิ้งไว้ตรงนั้น อีกด้านยังมีชามใส่ถั่วปากอ้าที่ยังไม่ได้ล้าง
เหมือนวันที่เธอย้อนกลับมาวันแรกไม่มีผิด สวี่ม่ายซุ่ยพลันมีสีหน้าหนักอึ้ง
“หลินเซียว เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเซียวจ้องตาโต ตอบกลับด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “พ่อบอกว่าล้างจานแล้ว แต่ยังล้างไม่ทันเสร็จก็โดนอาเฝิงเรียกไป”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน “พ่อไม่มีเวลาล้าง แล้วลูกล้างเองไม่เป็นเหรอ?”
หลินเซียวหัวเราะแหะ ๆ ให้สวี่ม่ายซุ่ย “ผมไม่ทันนึก”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกสองคนไปล้างจานชาม แม่จะพยุงอาเล็กของลูกไปพักในห้อง”
หลินฟานได้ฟังก็รีบตอบ “แม่ ผมไปช่วยแม่นะ”
หลินเซียวตรงเข้าไปดึงชุดเขาลากกลับมา “แม่ไม่ต้องให้นายช่วย นายมาช่วยฉันก็พอ”
หลินเจี้ยนจวินมองสองพี่น้องตบมุกกัน ในที่สุดก็เผยรอยยิ้มออกมา
พอเข้าห้องได้ สวี่ม่ายซุ่ยก็ให้เขาพักในห้องรับแขก ตัวเองก็ไปเก็บกวาดห้องหลินเซียวที่อยู่ด้านข้าง
บ้านของพวกเธอเป็นบ้านเดี่ยวที่สร้างเองทั้งหมด มีลานกว้างขวาง ตัวบ้านค่อนข้างใหญ่โต
บ้านพวกเธอมีสี่ห้องนอน ห้องรับแขกใหญ่หนึ่งห้อง แน่นอนว่าห้องครัวกับห้องน้ำอยู่ด้านนอก
หลังเก็บกวาดเสร็จ สวี่ม่ายซุ่ยก็ให้หลินเจี้ยนจวินเข้าไปนอนในห้อง “นายนอนก่อนเถอะ ฉันจะไปซื้อปลา วันนี้พวกเรากินปลาตุ๋นแล้วกัน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่ไม่อยู่บ้านก็ทำความสะอาดบ้านกันหน่อยนะ อย่าปล่อยให้ซกมก แม่ทำคนเดียวไม่ไหวหรอก
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION