ตอนที่ 57 ไม่เจอชุ่ยชุ่ยแล้ว
พวกเขามีพละกำลัง ทั้งทำงานเร็ว ในกรณีที่แต้มทำงานเท่ากัน พวกเขาก็ทำเสร็จแล้วภายในช่วงเช้า ทำไมต้องเสียเวลาอยู่ในไร่ต่อแล้วยังต้องมาตากแดดอีก
แต่การจัดสรรคนงานเป็นสิทธิ์ขาดของหัวหน้า ทำให้คนกลุ่มนี้ต่างก็คาดหวังกับเธอกันหมด กระนั้นเธอก็ยังส่ายหัว “การจัดสรรคนงานเป็นการตัดสินใจของหัวหน้า ไม่ใช่สิทธิขาดของฉัน”
บางคนได้ยินแล้วก็พึมพำอย่างไม่สบอารมณ์ทันที “เธอยังแก้เรื่องวิธีทำงานเมื่อก่อนของพวกฉันได้อยู่เลย พอมาเป็นเรื่องนี้แล้วเธอแก้ไม่ได้เหรอ?”
“ฉันว่าเธอก็แค่สนใจแต่ตัวเอง ไม่ได้ใส่ใจคนอื่นหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง ฉันก็แก้ไม่ได้จริง ๆ อีกอย่างถ้าฉันสนใจแต่ตัวเองไม่สนใจคนอื่น คงไม่แส่หาเรื่องเปลี่ยนวิธีทำงานหรอก”
ด้านหลี่โหย่วไฉได้ยินก็พูดว่า “พอแล้ว เรื่องนี้มาหานักบัญชีสวี่ก็ไม่มีประโยชน์ มีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
หลายคนได้ยินก็เดินจากไปด้วยสีหน้าผิดหวัง
ในเวลานี้เอง จู่ ๆ ที่ริมไร่ก็มีคนตะโกนเรียกพวกเขา “หัวหน้าหลี่ นักบัญชีสวี่ หัวหน้าหน่วยเรียกหาพวกคุณ”
สวี่ม่ายซุ่ยขมวดคิ้ว “ทำไมหัวหน้าหน่วยเรียกหาเราตอนนี้ล่ะ?”
หลี่โหย่วไฉ “ฝั่งพวกเราทางนี้มีคนมาวุ่นวาย เธอคิดว่าหัวหน้าหน่วยฝั่งนั้นจะสงบใจได้เหรอ”
“ไปเถอะ !” พูดจบเขาก็เอามือไพล่หลังเดินนำไปก่อน
สวี่ม่ายซุ่ยมองแล้วก็เดินตามไป
ซุนฟางที่อยู่ไม่ไกลมองพวกเขาเงียบ ๆ มาตลอดเห็นทั้งสองคนเดินตามกันไป ใบหน้าก็ฉายแววอ้างว้างวูบหนึ่ง
ทางไร่ข้าวโพดฝั่งนั้น ทุกคนกำลังนั่งล้อมกันอยู่ริมไร่ ในไร่ไม่มีใครพูดสักคน พอเห็นหลี่โหย่วไฉกับสวี่ม่ายซุ่ยมา ทั้งหมดก็ตาเป็นประกาย “หัวหน้าหลี่กับสวี่ม่ายซุ่ยมาแล้ว”
พอมีคนพูด บรรยากาศอึมครึมก็คึกคักขึ้นมาทันที “หัวหน้าหน่วย นักบัญชีสวี่คนนี้มาแล้ว คุณให้หล่อนแบ่งงานให้พวกเราเร็ว”
“ใช่ ฝั่งนั้นที่ปลูกถั่วลิสงชาวบ้านเขาเริ่มกันตั้งแต่เมื่อวานแล้ว วันนี้พวกเรายังไม่ขยับเลย นี่มันเสียเวลาไปเปล่า ๆ แล้ว”
หลังทุกคนพูดกันเซ็งแซ่ สวี่ม่ายซุ่ยกับหลี่โหย่วไฉก็ค่อย ๆ ถูกผลักเข้ามาตรงกลางกลุ่ม หัวหน้าหน่วยเห็นสวี่ม่ายซุ่ยกับหลี่โหย่วไฉมาแล้วก็อัดควันจากบ้องยาสูบเข้า แล้วพูดว่า “ในเมื่อพวกเธอสองคนมาแล้ว ก็แบ่งให้พวกเขาเถอะ!”
หลี่โหย่วไฉกับสวี่ม่ายซุ่ยสบตากัน ก่อนที่หลี่โหย่วไฉจะพูดว่า “หัวหน้าหน่วย ผมสองคนไม่คุ้นชินกับไร่ข้าวโพด ให้คุณแบ่งเถอะ! ฉันกับสวี่ม่ายซุ่ยจะจดบันทึกไว้”
หัวหน้าหน่วยนิ่งเงียบไปสักพักถึงตอบ “ก็ได้ งั้นก็แบ่งไปด้วย จดไปด้วยเลยละกัน” เพราะเวลามีจำกัด พวกเขาเองก็ไม่ได้แบ่งแต้มไว้ล่วงหน้า ก็เลยแบ่งไปด้วยให้สมาชิกเลือกไปด้วย ไร่ผืนใหญ่จึงแบ่งเสร็จอย่างรวดเร็ว
เห็นสมาชิกที่พลังเหลือล้น หัวหน้าหน่วยก็หายจากอาการหมองหม่นเมื่อครู่ ถือโอกาสตอนไม่มีคนแย้มยิ้มเหมือนดอกไม้ ปีนี้หมู่บ้านพวกเขาคงได้เปลี่ยนแปลงแบบพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ
หลังทั้งสองฝ่ายเริ่มปฏิบัติจริงตามการจัดสรรแรงงาน เส้นทางนักบัญชีของสวี่ม่ายซุ่ยก็เริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น ไปทำงานทุกวันก็จดชื่อ จดแต้มทำงาน น้อยมากแล้วที่จะลงไปทำงานในไร่
เพราะเธอสามารถเสนอผลประโยชน์ให้คนส่วนใหญ่ได้ ก็เลยมีคนว่าเธอน้อย ซึ่งแน่นอนว่ายังมีพวกขี้อิจฉาอยู่บ้าง แต่เธอก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
เก็บเกี่ยวกันไปได้เจ็ดแปดวัน งานในไร่ก็ทำไปพอสมควรแล้ว ที่เหลือก็คือการเอาถั่วลิสงไปตากแดดในลานนวดข้าวกับกะเทาะข้าวโพด ซึ่งงานพวกนี้ค่อย ๆ ทำได้
วันนี้สวี่ม่ายซุ่ยกับพวกสมาชิกไปกะเทาะข้าวโพดกันที่ลานนวดข้าว ก็เห็นแม่ต้าเฉียงวิ่งหน้าขาวซีดมาอย่างร้อนรน
“ม่ายซุ่ย ม่ายซุ่ย”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินจึงหันกลับไปมอง ก็เห็นแม่ต้าเฉียงตัวสั่นสะท้านเหมือนร่อนตะแกรง มองเธอด้วยดวงตาสั่นระริก
สวี่ม่ายซุ่ยรีบวางข้าวโพดในมือ เดินไปพยุงหล่อนพลางถาม “พี่สะใภ้ นี่พี่เป็นอะไร”
แม่ต้าเฉียงเกาะแขนสวี่ม่ายซุ่ย เงยหน้าขึ้นร้องไห้ใส่เธอ “ซุ่ย… ชุ่ยชุ่ยหนีไปแล้ว หล่อนว่าหล่อนจะไปหาเจี้ยนจวินแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยตื่นตระหนก “แม่สื่อไม่ได้บอกกับชุ่ยชุ่ยไปชัดเจนแล้วเหรอ?”
แม่ต้าเฉียง “ชุ่ยชุ่ยไม่เชื่อ หล่อนจะไปพูดกับเจี้ยนจวินให้รู้เรื่องให้ได้ หล่อนว่าฉันบังคับหล่อน หล่อนไม่เชื่อว่าเจี้ยนจวินไม่ได้คิดอะไรกับหล่อน”
สวี่ม่ายซุ่ยพยุงแม่ต้าเฉียงพลางปลอบโยน “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล ชุ่ยชุ่ยโตขนาดนี้แล้ว คงไม่มีเรื่องอะไร”
แม่ต้าเฉียง “ตั้งแต่เล็กชุ่ยชุ่ยก็ไม่เคยออกจากบ้าน ฉันไม่วางใจ ม่ายซุ่ย เธอโทรถามเจี้ยนจวินให้หน่อยได้ไหม ถามเขาว่าเจอชุ่ยชุ่ยหรือยัง”
“พี่ไม่ต้องกังวล ฉันจะไปโทรหาเขาเดี๋ยวนี้”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดจบก็ร้องบอกผู้จัดการฝ่ายสตรี แล้ววิ่งไปที่สหกรณ์กับแม่ต้าเฉียงอย่างเร่งรีบ โทรเสร็จก็รออย่างกังวล
ด้านหลินเจี้ยนจวินที่กำลังทำงานในไร่ได้ยินเสียงแตรเริ่มประกาศชื่อเขาก็ตะลึงไปชั่วขณะ
หลินเจี้ยนกั๋วได้ยินว่ามาหาเขาอีกก็พูดอย่างแปลกใจ “เห็นปกติไม่มีปากมีเสียง ไม่คิดเลยว่าจะมีคนโทรหาเยอะขนาดนี้ เจ้าสี่ แกไปคุยเรื่องดูตัวมาแล้วใช่ไหม ถึงได้ไม่สนใจคนที่แม่สื่อแนะนำให้”
หลินเจี้ยนจวิน “เกี่ยวอะไรกับพี่”
หลินเจี้ยนกั๋วกระทืบเท้าทันที เขาชี้หลินเจี้ยนจวินพลางตะโกน “แม่ แม่มาดูเจ้าสี่เร็ว เขาไม่เห็นฉันที่เป็นพี่ชายใหญ่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว”
ยายเฒ่าหลินฟังจบก็พลันมีสีหน้าบึ้งตึง หล่อนมองหลินเจี้ยนจวิน พูดอย่างไม่เห็นชอบ “เจ้าสี่ ทำไมแกพูดกับพี่ใหญ่ของแกอย่างนี้ พี่สามของแกสอนแกมาแบบนี้เหรอ แล้วก็ใครโทรหาแกอีกแล้ว แกรู้ไหมว่างานพวกเราเยอะมาก ทำกันไม่ถึงไหนแกก็ไม่ต้องรับโทรศัพท์หรอก”
หลินเจี้ยนจวินไม่ได้ฟังทั้งสองคน เขาวางพลั่วแล้วเดินไปทางหน่วยงานใหญ่
ยายเฒ่าหลินเห็นแล้วก็คันปาก หยิบก้อนดินขึ้นมาเขวี้ยงไปโดนหลังหลินเจี้ยนจวินจนเกิดเสียงดังปั้ก
หลินเจี้ยนจวินหันมามองยายเฒ่าหลินอย่างเย็นชาก่อนจะเดินตรงไปโดยไม่หันมามองอีกเลย
ยายเฒ่าหลินมองแผ่นหลังของหลินเจี้ยนจวิน “ถุย” พลางพูดด่า “ไอเจ้าลูกกระต่ายเอ๊ย! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ”
หลินเจี้ยนจวินมาถึงหน่วยงานใหญ่ ก็มีโทรศัพท์มา พอรับสายฟังพบว่าเป็นพี่สะใภ้สามของเขาก็อึ้งไป “พี่สะใภ้สาม”
สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ได้ทักทายเขา ถามไปตรง ๆ ว่า “เจี้ยนจวิน นายได้เจอชุ่ยชุ่ยบ้างไหม”
หลินเจี้ยนจวินตกตะลึง “ไม่ได้เจอ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังก็ขยับปากบอกแม่ต้าเฉียงว่าไม่ได้เจอ แม่ต้าเฉียงได้ฟังก็ร้อนรน
สวี่ม่ายซุ่ย “เจี้ยนจวิน ตอนนี้ชุ่ยชุ่ยไปหานาย ถ้านายเจอหล่อนก็พาหล่อนไปสักที่แล้วโทรมาบอกพวกเราหน่อยนะ”
หลินเจี้ยนจวิน “หาฉัน?”
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม หล่อนไม่เชื่อที่แม่สื่อพูด ต้องไปถามนายต่อหน้าให้ได้”
หลินเจี้ยนจวิน “ถามต่อหน้าฉัน หล่อนเองก็ไม่รู้ว่าบ้านพวกเราอยู่ไหนนี่”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบกลับมา “พวกนายสองคนครั้งก่อนเจอกันที่ไหน นายก็ไปหาหล่อนที่นั่นแหละ พอแล้ว ฉันไม่คุยกับนายแล้ว นายรีบไปหาคนก่อน”
หลินเจี้ยนจวิน “ได้” พูดจบก็วางสายไป
แม่ต้าเฉียงลากสวี่ม่ายซุ่ยมาถาม “เป็นไงบ้าง หาคนเจอหรือยัง”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่สะใภ้ไม่ต้องกังวล ชุ่ยชุ่ยไม่รู้ว่าเจี้ยนจวินอยู่ไหน ไม่แน่ว่าอาจจะไปบ้านแม่สื่อแล้ว ฉันจะให้เขาไปดูสักหน่อย”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ชุ่ยชุ่ยหายไปไหนกันนะ ขอให้ปลอดภัยด้วยเถอะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION