ตอนที่ 51 ปฏิรูป
สวี่ม่ายซุ่ย “คุณนี่มันไม่พลาดโอกาสที่จะบีบคั้นฉันจริง ๆ”
“คุณทำกับข้าวไป ผมจะไปเรียกหมูขี้เกียจสองตัวนั่นก่อน” พูดจบเขาก็เดินลิ่วออกไป
โชคดีที่เธอทำไปพอประมาณแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยแค่ตักแล้วยกออกไปก็พอ
หลังกินข้าวแล้วกำชับหลินเซียวกับหลินฟานเสร็จ สวี่ม่ายซุ่ยกับหลินเจี้ยนเยี่ยก็ออกไปข้างนอกด้วยกัน
เห็นตัวเองเดินเคียงข้างกับหลินเจี้ยนเยี่ย สวี่ม่ายซุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “เดี๋ยวก็ถึงสมาคมข่าวกรองแล้ว คุณไม่ไปก่อนเหรอ”
หลินเจี้ยนเยี่ยจ้องเธอ ตอบอย่างไม่เกรงใจ “ทำไมผมต้องไปก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่กลัวมีผลกระทบเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “เหลวไหล ผมเคยกลัวผลกระทบตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สวี่ม่ายซุ่ยพ่นลมหายใจ พูดอย่างเหยียดหยาม “ชิ!”
ผลคือพวกเขาเพิ่งไปถึงสมาคมข่าวกรอง หลินเจี้ยนเยี่ยก็หยุดกึก ทำให้สวี่ม่ายซุ่ยหันมาถามเขา “เกิดอะไรขึ้น?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ผมมีธุระนิดหน่อย คุณไปก่อนเถอะ!”
สวี่ม่ายซุ่ยบึนปาก “กลัวก็พูดมาตรง ๆ ปั้นเรื่องพูดไปเรื่อย” พูดจบเธอก็เดินตรงดิ่งเข้าไปยังกลุ่มคน
เพิ่งจะผ่านไปก็ถูกคนขวางทาง “แม่หลินเซียว จะไปไหนเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไปหมู่บ้าน”
ภรรยาหมาจื่อ “ในหมู่บ้านมีญาติเธอเหรอ? สองวันนี้เธอถึงได้ไปบ่อย”
“ในหมู่บ้านไม่มีญาติฉันหรอก ฉันไปทำงานที่หมู่บ้าน พวกเธอคุยกันเถอะ ฉันจะไปแล้ว” พูดจบก็ไม่รอให้พวกหล่อนถาม สวี่ม่ายซุ่ยก็จ้ำอ้าวจากไป
เธอเพิ่งจะไป พวกหล่อนสองสามคนก็จับกลุ่มคุยเรื่องงานของสวี่ม่ายซุ่ย ต่างคาดเดาว่าเธอทำงานอะไรในหมู่บ้าน
ตอนนั้นเองที่พวกหล่อนกำลังคุยอย่างออกรสออกชาติ หลินเจี้ยนเยี่ยก็เดินผ่านมา ทำเอาพวกหล่อนตกใจเสียจนเสียงหาย
หลินเจี้ยนเยี่ยเดินผ่านไป คนกลุ่มนี้ถึงได้คุยกันอีกครั้ง พวกหล่อนมีท่าทางต่อจ้าวเป่ากั๋วกับหลินเจี้ยนเยี่ยต่างกัน เจอกับจ้าวเป่ากั๋วยังพอแทรกเรื่องตลกขำขันได้หมด แต่พอเจอกับใบหน้าเย็นชาของหลินเจี้ยนเยี่ย ใครเห็นใครก็กลัว
หลินเจี้ยนเยี่ยออกจากสมาคมข่าวกรองก็ไล่ตามสวี่ม่ายซุ่ย “ม่ายซุ่ย ม่ายซุ่ย!”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินเสียงหลินเจี้ยนเยี่ยก็หันไปมองเขาทีหนึ่ง เธอหยุดรอเขาด้วยสีหน้าสงสัย
“คุณไม่ไปกรมทหารเหรอ มาไล่ตามฉันทำไม”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ผมไม่วางใจ เลยมาดูคุณสักหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาในชุดทหาร ขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “ฉันไม่ได้อยากให้คุณไปเป็นเพื่อน คุณรีบไปทำงานเถอะ!”
หลินเจี้ยนเยี่ย “คุณจัดการเองได้ ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “จัดการไม่ได้ฉันก็ไม่ทำแล้ว คุณไม่ต้องตามไปหรอก เดี๋ยวถึงเวลาจะมีผลกระทบในทางไม่ดี”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองใบหน้าเคร่งขรึมของสวี่ม่ายซุ่ย กระตุกมุมปากขณะพูด “คุณรู้เหรอว่าจะมีผลกระทบในทางไม่ดี?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันก็ไม่รู้เมื่อไหร่ พอแล้ว คุณยังมีธุระอีกไหม? ไม่มีก็รีบไปซะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “งั้นผมไปจริง ๆ แล้วนะ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไปเถอะ! ไปเถอะ!”
หลังไล่หลินเจี้ยนเยี่ยไปได้ สวี่ม่ายซุ่ยก็เดินเข้าไปในหมู่บ้านต่อ ใครจะรู้ว่าเดินไปไม่กี่ก้าวจะได้ยินหลินเจี้ยนเยี่ยตะโกนอยู่ด้านหลังเธอ “นักบัญชีสวี่ สู้ ๆ นะ!”
สวี่ม่ายซุ่ย…
เพราะเมื่อวานแบ่งงานกันดีแล้ว วันนี้เลยตรงไปที่ไร่ได้ ตอนที่สวี่ม่ายซุ่ยไปถึง หัวหน้าหน่วยย่อยสองสามคนต่างก็มาถึงกันหมดแล้ว
เห็นสวี่ม่ายซุ่ยผ่านมา ทั้งหมดก็พยักหน้าให้เธออย่างสุภาพ
สวี่ม่ายซุ่ยเองก็พยักหน้าให้เช่นเดียวกัน จากนั้นก็มองไปรอบ ๆ ตามหาเย่หลาน
“นักบัญชีสวี่ คุณหาอะไรอยู่เหรอ?”
“ฉันมองหาเย่หลานน่ะค่ะ”
“อีกเดี๋ยวหล่อนน่าจะมาถึง”
สวี่ม่ายซุ่ย “ค่ะ”
ไม่นานเย่หลานก็มาอย่างที่คาด แล้วยังเอาสมุดบันทึกกลับมา สวี่ม่ายซุ่ยรับมันมาดูก็เห็นมีคนทำเครื่องหมายอยู่บนสมุดหลายรอย ทำให้ดูละเอียด สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
สวี่ม่ายซุ่ยมองเย่หลานอย่างสงสัย “นี่?”
เย่หลาน “นี่คือที่พ่อให้ฉันเขียน เขาบอกว่ามันช่วยพี่ได้”
สวี่ม่ายซุ่ย “ขอบใจนะ” พูดจบเธอก็เริ่มรอคนมา
รอสมาชิกมากันประมาณหนึ่งแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยถึงเริ่มยืนด้านหน้ากลุ่มคน ทุกคนนึกว่าเธอจะขานชื่อ แต่เธอกลับโพล่งขึ้นมาว่า “วันนี้พวกเราจะเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน”
พอคำพูดนี้โพล่งออกมาก็มีคนไม่สบอารมณ์ “นักบัญชีสวี่ เธอหมายความว่ายังไง?”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่เปลี่ยนสีหน้า ตอบกลับว่า “วันนี้จากที่พวกเราบันทึกแต้มทำงานตามเวลา จะแก้เป็นบันทึกแต้มทำงานตามปริมาณงาน อีกสักพักฉันจะเอาค่าแต้มทำงานของทุกที่มาบอกพวกคุณ พวกคุณก็เลือกแต้มทำงานกับสถานที่ที่สอดคล้องกับความสามารถของตัวเองนะคะ”
ต้าหล่านในหมู่บ้านได้ยินก็ตะโกนอย่างไม่พอใจทันที “เธอหมายความว่ายังไง คิดจะแก้ก็แก้เหรอ เธอเป็นใครฮะ!”
“หัวหน้าหลี่ คุณก็คิดแบบนี้เหรอ?”
หลี่โหย่วไฉโดนคนเรียกชื่อถึงยืนขึ้นมา มองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยสีหน้าทะมึนพลางพูด “นักบัญชีสวี่ พวกเราก็บันทึกแต้มทำงานตามเวลามาตลอด เธอมาถึงก็จะเปลี่ยนวิธีเลย มันจะไม่เคารพพวกเราเกินไปหน่อยไหม”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันรู้ว่าพวกคุณบันทึกแต้มทำงานตามเวลามาโดยตลอด ฉันเสนอวิธีขึ้นมาตอนนี้ก็เพราะเคารพพวกคุณ”
หลี่โหย่วไฉ “ถ้าเธอเคารพพวกเราก็อย่าแก้กฎ ก่อนหน้านี้พวกเราทำยังไงก็ทำอย่างงั้น ไม่ต้องให้เธอมาชี้มือชี้ไม้หรอก”
“นี่ฉันไม่ได้จะชี้มือชี้ไม้ ฉันหวังดีกับพวกคุณ” พูดจบสวี่ม่ายซุ่ยก็พูดกับฝูงชนว่า “ฉันรู้ว่าพวกคุณต่างคิดกันหมดว่าฉันที่เป็นแค่นักบัญชีจากต่างที่ จะมาแก้นั่นนี่นับว่าเป็นเรื่องไม่เล็ก แต่ฉันบอกพวกคุณได้ชัดเจนเลยว่า ฉันคิดเพื่อพวกคุณทุกคนถึงได้ทำขนาดนี้”
ต้าหล่าน “ พวกเราไม่ต้องให้เธอมาคิดเพื่อพวกเราหรอก แต่ก่อนพวกเราคิดยังไง ตอนนี้ก็คิดอย่างนั้น”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาด้วยสายตาจริงจัง “เป็นไปไม่ได้ ขอแค่ฉัน สวี่ม่ายซุ่ยอยู่ที่นี่วันนี้ ฉันจะไม่อนุญาตให้มีคนมาคดโกงระบบเด็ดขาด ถึงพวกเราไม่ว่า คนอื่นก็จะว่าคุณแทน คุณคิดว่าด้วยพละกำลังของคุณแล้วจะได้แปดแต้มทำงานทุกวันไหม ชาวบ้านเขาถอนถั่วลิสงไปสามแถว คุณถอนไปแถวเดียว คุณขี้เกียจจนมือเจ็บไปหมดแต่ยังได้แปดแต้มทำงาน จะให้คนอื่นที่เขาตั้งใจทำยังไง”
“ยังมีอีกหน่อย ฉันจะพูดตรงนี้ให้ชัดเจน งานนี้ของพวกเราใครรับไปก็คนนั้นทำ ใครทำเสร็จก่อนคนนั้นก็กลับบ้านไปพักผ่อนได้ ไม่ต้องรออยู่นี่ให้เสียเวลา และด้วยเวลาว่างตรงนี้ พวกคุณกลับบ้านไปนอน ซักเสื้อผ้า คุยกันทั้งวันก็ยังได้!”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดจบก็มองไปรอบ ๆ เห็นคนจำนวนไม่น้อยดูอ่อนลงก็พูดต่อ “ถ้าพวกคุณเต็มใจก็มาเลือกสถานที่ที่ฉัน ฉันบอกพวกคุณเลยนะว่าใครมาก่อนได้ก่อน แย่งที่ดี ๆ ไม่ทัน อย่ามาโทษฉันนะ”
พูดจบก็นั่งลงด้านข้าง
หัวหน้าหน่วยย่อยสองสามคนฟังสวี่ม่ายซุ่ยจบก็มองกันไปมา “หัวหน้าหลี่ คุณไม่จัดการหน่อยเหรอ?”
หลี่โหย่วไฉมองฝูงชนที่ดูกระเหี้ยนกระหือรือแล้วตอบกลับ “ไม่ต้องยุ่ง”
บ้านพวกเขาเป็นแรงงานที่มีกำลัง กฎนี้พวกเขามีแต่ได้กับได้ เขาคงบ้าแล้วละถ้าเข้าไปยุ่ง
ตอนที่หัวหน้าหน่วยย่อยลังเล ก็มีวัยรุ่นสองสามคนยืนขึ้นมาเดินไปหน้าสวี่ม่ายซุ่ย “นักบัญชีสวี่ พวกอันที่ที่มีสิบแต้มทำงาน เอามาให้ฉันเลือกก่อน เสียเวลาอยู่ตรงนี้ทั้งวันตั้งนานแล้ว พอกันที”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำไมคะ ไม่กล้าเดินกับภรรยา กลัวโดนแซวเหรอพี่
ระบบใหม่ดูดีกว่าเดิมนะ แทนที่จะเสียเวลาไปอยู่ในไร่ทั้งวัน ก็จะได้มีเวลาทำอย่างอื่นบ้าง
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION