ตอนที่ 45 โอ้อวดเสียใหญ่โต
ได้ยินคำพูดคุยโวของสวี่ม่ายเฉิง สวี่ม่ายซุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะตบหลังเขาดังป้าบ “ไม่โม้ก็คงไม่ตายหรอกมั้ง”
สวี่ม่ายเฉิงโดนสวี่ม่ายซุ่ยตีจนอ้าปากค้าง ตอกกลับว่า “ฉันเป็นน้องชายแท้ ๆ ของพี่นะ ไม่รู้ว่าพี่เขยรับพี่ได้ยังไง”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่เขยก็คือพี่เขย นายก็คือนาย พวกนายสองคนจะไปเหมือนกันได้ไงล่ะ”
สวี่ม่ายเฉิง “สวี่ม่ายซุ่ยคนนี้นี่นะ เขามีแต่วางแผนฆาตกรรมสามี แต่พี่นี่วางแผนฆาตกรรมน้องชาย กลับไปฉันจะไปฟ้องแม่”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาที่พูดไปเรื่อยก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเอวเขา พอสวี่ม่ายเฉิงเจ็บเอวขึ้นมาก็เริ่มขี่รถเซไปซ้ายทีขวาที ทำเอาสวี่ม่ายซุ่ยตกใจจนต้องจับชุดเขาไว้ ทั้งข่มขู่ให้เขาหวาดกลัวสารพัด ในที่สุดทั้งสองจึงมาถึงท่าเรือได้อย่างปลอดภัย
เห็นสวี่ม่ายซุ่ยกำลังจะจากไป สวี่ม่ายเฉิงก็ตั้งใจพูดกับสวี่ม่ายซุ่ยอย่างหาได้ยาก “พี่ ถ้าพี่ว่างก็กลับมาบ่อย ๆ นะ พวกเราคิดถึงพี่มาก”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มให้สวี่ม่ายเฉิง “ได้ รอพวกนายเลิกยุ่งแล้วจะมาอยู่สักสองสามวัน”
สวี่ม่ายเฉิง “ตกลง”
พอสวี่ม่ายซุ่ยนั่งเรือแล้วเห็นสวี่ม่ายเฉิงยังรอส่งเธอที่ท่าเรือ ก็รีบโบกมือบอกให้เขาไป สวี่ม่ายเฉิงได้รับสัญญาณจากสวี่ม่ายซุ่ยแล้วก็หันหลังขี่รถกลับไป
ลมจากชายฝั่งทะเลพัดเสื้อเชิ้ตสีขาวบนร่างเด็กหนุ่มปลิวสะบัด แต่ภาพนั้นกลับดูงดงามอย่างน่าประหลาด
อารมณ์ของสวี่ม่ายซุ่ยพลันเบิกบานขึ้นมา ดีจริง ชีวิตนี้ดูเหมือนจะไม่เหมือนเดิมแล้ว
พอสวี่ม่ายซุ่ยกลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ เพิ่งจะหมุนตัวมาก็เห็นหลิวเชิ่งลี่ถือไก่สองตัวยืนอยู่หน้าบ้านเธอ ทำเอาเธอตกใจไปวูบหนึ่ง มองซ้ายแลขวาไม่เห็นใครถึงได้พุ่งเข้ามาจับแขนเขาลากไปมุมหนึ่ง
“นี่นายกำลังทำอะไรน่ะ?”
ต้องทราบก่อนว่าหลิวเชิ่งลี่เป็นชาวบ้านของหมู่บ้านประมงที่อยู่ติดทะเล เธอเพิ่งได้เป็นนักบัญชีที่นั่น เขาก็มาส่งไก่ให้เธออย่างไม่กลัวคนเข้าใจผิด
หลิวเชิ่งลี่ถูกสวี่ม่ายซุ่ยขู่ก็น้อยใจขึ้นมา “เธอให้ฉันเอาไก่มาส่งให้เธอไม่ใช่เหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันให้นายมาส่งไก่ให้ฉัน แต่ไม่ได้ให้มาส่งแบบโจ่งแจ้งตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้! ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าก็คงเข้าใจว่าฉันรับสินบนจากนายน่ะสิ”
หลิวเชิ่งลี่ฟังจบก็หยั่งเชิงถาม “งั้นมาส่งตอนกลางคืนได้ไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ย…
“พอแล้ว ตอนนายมาเมื่อครู่มีใครเห็นไหม?”
หลิวเชิ่งลี่ส่ายหัวอย่างน่าเอ็นดู “ไม่มี”
สวี่ม่ายซุ่ยเหลียวซ้ายแลขวาแต่ก็ยังไม่วางใจในตัวเขา ตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ว่านายจะมาส่งไก่หรือไม่มา วันนี้ฉันก็คงรับไว้ไม่ได้”
หลิวเชิ่งลี่ร้อนรนขึ้นมาทันที “งั้นจะทำไงดี ฉันเอามาแล้วด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ย “นายแค่ถือกลับไปอีกครั้งก็พอแล้ว”
หลิวเชิ่งลี่ “แต่ว่าซูเจวียน”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหลิวเชิ่งลี่ที่ตอนนี้ยังคิดถึงซูเจวียน ก็เหลือบมองเขาด้วยสีหน้าเห็นใจ ตอบกลับว่า “เรื่องซูเจวียนฉันกำลังหาทางอยู่ มีวี่แววแล้วฉันจะบอกนาย โอ้ ช่วงนี้นายไม่ได้เจอซูเจวียนเหรอ?”
หลิวเชิ่งลี่ส่ายหัว “ไม่ได้เจอเลย ฉันไม่ได้เจอหล่อนมาตั้งหลายวันแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยขมวดคิ้ว “จะว่าไปหล่อนก็ไม่ได้มาทำงานที่สหกรณ์ตั้งหลายวัน สหกรณ์จะยอมเหรอ?”
หลิวเชิ่งลี่ “ดูเหมือนจะยอม”
ตอนนี้สวี่ม่ายซุ่ยมองออกแล้วว่าหลิวเชิ่งลี่คือหมารับใช้ที่ไม่มีความคิด มิน่าล่ะชีวิตก่อนซูเจวียนถึงได้ใช้ประโยชน์จากเขานานขนาดนั้น
สวี่ม่ายซุ่ย “หล่อนที่เป็นพนักงานขายของลานานขนาดนี้ต้องมีสาเหตุ ทำไมนายไม่ถามดู”
หลิวเชิ่งลี่ถูกสวี่ม่ายซุ่ยเตือนขนาดนี้ก็ได้สติขึ้นมา พูดด้วยสีหน้าซาบซึ้ง “ฉันลืมไปเลย ฉันจะไปถามเดี๋ยวนี้” พูดจบก็ถือไก่สองตัววิ่งไปอย่างไม่สนทิศทาง
สวี่ม่ายซุ่มองแผ่นหลังของเขา กลอกตาอย่างจนใจแล้วหันหลังกลับเข้าบ้าน
พอถึงบ้าน หลินเซียวกับหลินฟานก็กำลังกินข้าวพอดี ทั้งสองต่างถือหมั่นโถวลูกใหญ่กินคู่กับปลาทอดอย่างเพลิดเพลิน “แม่ แม่กลับมาแล้ว”
หลินเซียวเห็นเธอเข้าก็เจียดเวลามาทักทาย
สวี่ม่ายซุ่ย “ทำไมพวกลูกกินกันแค่สองคน พ่อล่ะ?”
หลินเซียว “พ่อยังไม่กลับ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ตาคนนี้นี่”
“หมั่นโถวลูกเย็นหรือยัง แม่จะเอาไปอุ่นให้”
หลินเซียวกัดหมั่นโถวเข้าไปคำใหญ่ ตอบกลับว่า “ไม่เย็น กำลังอร่อย แม่ก็รีบมากินด้วยสิ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ ลูกสองคนกินกันไปก่อน แม่จะไปล้างมือ” พูดจบก็เดินออกไป
เด็กยุคนี้กับเด็กยุคปัจจุบันไม่เหมือนกัน โดยทั่วไปที่บ้านมีอะไรกินก็กินอันนั้น กินหมั่นโถวเย็น ดื่มน้ำเย็นเป็นเรื่องปกติ แล้วก็ไม่ค่อยท้องเสีย แต่เด็กยุคหลังพวกนั้นถูกเลี้ยงดูอย่างดี ทว่ามักจะท้องร่วงเป็นประจำ
สวี่ม่ายซุ่ยไปล้างมือกลับเข้ามากินหมั่นโถวสองสามชิ้นกับปลาทอดพร้อมเด็กทั้งสอง ขณะจะเก็บของไปล้างก็ได้ยินเสียงคนด้านนอกตะโกนเรียก
“เสมียนสวี่?”
“เสมียนสวี่อยู่ไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็เอาของไปวางที่ครัว รีบวิ่งออกไป
“อยู่ค่ะ”
คนที่หัวหน้าหน่วยส่งมาคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง พอเห็นเธอออกมาก็พูดว่า “หัวหน้าหน่วยบอกให้คุณไปที่หน่วยงาน พวกเราเริ่มเร่งมือเก็บเกี่ยวกันแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ค่ะ ฉันทราบแล้ว”
เด็กหนุ่มส่งข่าวให้สวี่ม่ายซุ่ยเสร็จก็หันกายวิ่งกลับไป สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่กล้าลังเล กลับบ้านแล้วเริ่มเก็บของ เตรียมออกไปเก็บเกี่ยว
สวี่ม่ายซุ่ยเข้ามาในห้องนอนหยิบย่ามสีเขียวซึ่งเป็นย่ามที่หลินเจี้ยนเยี่ยเคยใช้ จากนั้นก็หากาน้ำสีเขียวที่บรรจุน้ำร้อนเต็มกามาแบกไว้บนหลังแล้วใส่หมวกปีกกว้างเตรียมออกเดินทาง
หลินเซียวกับหลินฟานรู้ว่าแม่เขาเป็นนักบัญชีตั้งนานแล้ว เห็นเธอในสภาพนี้ก็ไม่ได้แปลกใจ “แม่ แม่จะกลับเมื่อไร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “แม่ก็ไม่รู้ ดูท่าว่าต้องเร่งเก็บเกี่ยว”
“ในบ้านมีข้าว ถ้าแม่ไม่กลับมาพวกลูกก็กินกันตามสบายเลยนะ”
“ถ้ามีเรื่องอะไรเร่งด่วนจริง ๆ ก็มาหาแม่ที่ไร่ ลูกรู้จักกับเพื่อนที่หมู่บ้านไม่ใช่เหรอ”
หลินเซียวมองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยตาเป็นประกาย พยักหน้าตอบกลับอย่างเร่งรีบ “รู้แล้ว รู้แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเขาเป็นแบบนั้นก็พูดอย่างจริงจังขึ้นมา “แม่ไม่อยู่บ้าน ลูกห้ามไปเล่นน้ำทะเลเชียวนะ ถ้าแม่รู้ก็คอยดูแล้วกันว่าแม่จะกลับมาจัดการลูกยังไง”
หลินเซียวฟังจบก็พลันมีสีหน้าใจสลาย
สวี่ม่ายซุ่ย “แล้วก็ตอนบ่ายลูกเขียนอักษรเก้าสิบตัวให้แม่ แม่กลับมาจะตรวจ ห้ามเขียนเหมือนที่เคยเขียน” พูดจบก็หันขวับจากไป
หลินเซียวตะโกนอยู่ที่บ้านด้วยความขัดใจ “แม่เจ้าโว้ย นี่จะให้ฉันผ่านหรือไม่ผ่านเนี่ย”
ด้านหลินฟานกลับยิ้มอย่างเบิกบานเพราะยังไม่ได้เข้าเรียน ไม่ต้องทำการบ้าน
หลินเซียวเห็นก็โกรธยิ่งกว่าเดิม “นายไม่ต้องมายิ้ม รอนายเข้าเรียนเมื่อไหร่ จะให้นายเขียนหนังสือร้อยตัว”
หลินฟาน “พี่พูดไร้สาระแล้ว”
หลินเซียว “ฉันไม่ได้พูดไร้สาระ นายไม่ได้ยินที่แม่บอกเหรอว่า รอเก็บเกี่ยวเสร็จจะส่งนายเข้าเตรียมอนุบาล”
หลินฟาน “ไปก็ไป ต่อให้ไปแล้วผมก็ยังไม่ต้องทำการบ้าน ผมยังเล็กอยู่”
หลินเซียว…
เด็กคนนี้ยิ่งโตยิ่งหลอกไม่ง่ายแล้ว
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ม่ายซุ่ยเหมือนเป็นมัมหมีของทุกคน คอยเลี้ยงเด็กตั้งแต่เด็กเล็กยันเด็กโข่ง สงสัยเลยว่าหมู่บ้านอยู่ติดทะเลแท้ ๆ แต่ไม่ได้กินปลากันมั่งเหรอไง
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION