ตอนที่ 44 โอ้อวด
ครั้นแม่สวี่ได้ยินว่าไม่ได้พาเด็กมาด้วยก็ไม่ชอบใจขึ้นมาทันที “แกนะแก แกมาทั้งทีไม่เอาลูกมาด้วย แกมาทำอะไรกัน?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันแค่คิดจะมาส่งของให้แม่ ส่งเสร็จก็ไปแล้ว ที่บ้านฉันยังวุ่นวายอยู่น่ะค่ะ”
แม่สวี่ “แกแค่อยู่บ้านดูแลลูกทำกับข้าว ไม่ต้องลงมาทำงานในไร่ด้วยซ้ำ มีอะไรให้ยุ่ง?”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็เบะปาก เห็นไหมล่ะว่าขนาดแม่แท้ ๆ ยังคิดว่าเธออยู่บ้านเป็นแม่บ้านก็มีความสุขอยู่แล้ว ใครเลยจะรู้ถึงความลำบากของแม่บ้าน
ลูกไม่ต้องดู ข้าวไม่ต้องทำ เสื้อผ้าไม่ต้องซัก หรือว่างานบ้านไม่ต้องทำ
“ใครว่าล่ะ นอกจากดูลูกฉันก็ทำงานเยอะอยู่นะ แม่ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม? ถ้าไม่มีฉันจะได้กลับ”
แม่สวี่มองเธอที่เป็นแบบนั้น ก็โบกมือไล่อย่างรังเกียจรังงอนทันที “งั้นก็กลับไป! กลับไปซะ! ไม่รู้ว่าวัน ๆ ยุ่งอะไรนักหนา ประธานาธิบดียังไม่ยุ่งเท่าแกเลยมั้ง”
สวี่ม่ายซุ่ย…
“ได้ งั้นฉันไปแล้วนะ” พูดจบก็ปิดผ้าบนตะกร้าเตรียมจากไป
ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันได้ออกไป แม่โก่วเชิ่งที่ทำงานอยู่ด้านข้างจะถามด้วยความประหลาดใจ “แม่ม่ายเถียน ม่ายซุ่ยบ้านเธอเอาอะไรอร่อย ๆ มาให้เธอเหรอ ไม่เอาออกมาให้พวกฉันดูหน่อย?”
แม่สวี่หันไปชำเลืองมอง ฉีกมุมปากยิ้มแบบฝืน ๆตอบกลับอย่างยั่วเย้า “ดูอะไรกัน ฉันกลัวพวกเธอจะมองจนถอนสายตาไม่ได้น่ะสิ”
แม่โก่วเชิ่ง “แหม ๆ ของดีอะไรถึงทำพวกฉันละสายตาไม่ได้กัน หรือว่าจะเป็นขนมวอโถวสองชิ้น ถ้าอย่างนั้นฉันคงละสายตาไม่ได้จริง ๆ”
แม่สวี่ “เธอนี่นะ! ก็เหมาะที่จะดูขนมวอโถวสองชิ้นแหละ”
แม่โก่วเชิ่งไม่ถูกกับแม่ม่ายเถียน แน่นอนว่าแม่โก่วเชิ่งเองก็ไม่ถูกกับแม่สวี่ด้วย พอหล่อนได้ยินคำพูดนี้ก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
“แก…”
“ก็ลูกสาวเธอน่ะ ถ้าเธอให้ขนมวอโถวสองชิ้นได้ก็ถือว่าฉันประเมินเธอสูงไปหน่อย”
แม่สวี่ “งั้นถ้าวันหลังเธอเห็นลูกสาวฉันก็จำใส่สมองไว้ด้วยนะ” พูดจบก็ลากสวี่ม่ายซุ่ยกลับมา เปิดผ้าบนตะกร้าเอาชามออกมา
ฝูงชนเห็นชามที่ล้นหลามไปด้วยอาหาร ก็จ้องตาโต “แม่เจ้าโว้ย! เอามาเยอะขนาดนี้ นี่หมดไปเท่าไรเนี่ย ใช่น้ำมันไปเท่าไร!”
แม่สวี่ฟังคำพูดฝูงชนก็ยิ้มอย่างภูมิใจ จากนั้นก็เอาชามกลับไปวาง หันมามองแม่โก่วเชิ่งพลางพูดว่า “รู้แล้วสินะว่าทำไมไม่ให้เธอดู? กลัวว่าเธอจะคิดไม่ตกไง”
แม่โก่วเชิ่งโกรธจนหน้าเขียว กัดฟันตอบ “ก็แค่อาหารทอดจานหนึ่ง มีอะไรเลิศเลอนักหนา อย่างกับว่าไม่มีใครเคยกินอย่างนั้นแหละ”
แม่สวี่มองใบหน้าที่โกรธจนเขียวของหล่อนก็ยิ้มอย่างภูมิใจในชัยชนะ “ใช่ อะไรเธอก็ไม่เคยเห็น จะไปเห็นว่ากับข้าวจานนี้เข้าตาได้ยังไง พอแล้ว กลับไปเถอะ จะได้ไม่ต้องมีคนอิจฉาตาร้อน”
พอคำพูดนี้ของแม่สวี่ลอยมา หลิวจาวตี้ที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมา ทำเอาแม่โก่วเชิ่งโกรธจนงานการไม่ทำแล้ว หล่อนทิ้งจอบในมือ ลุกขึ้นแล้วเดินจากไป
โก่วเชิ่งที่อยู่ไม่ไกลเห็นเข้าก็รีบไล่ตามไป ต่อมาก็ไม่รู้ว่าสองแม่ลูกพูดอะไร ถึงได้มีสีหน้าไม่น่ามอง
สวี่ม่ายซุ่ยพาจวินจวินกับซิ่วซิ่วกลับบ้าน พอถึงบ้านก็เอาของให้พวกเขา แล้วก็รีบจากไป
ตอนนี้เธอเป็นนักบัญชีอยู่ในหน่วยงาน แม้ว่าหัวหน้าหน่วยจะไม่ได้บอกว่าช่วงไหนคือฤดูเร่งเก็บเกี่ยว เธอก็ไม่อยากขาดงานตั้งแต่เพิ่งได้ตำแหน่งหรอกนะ
แต่ระหว่างทางกลับไปก็พบคนที่คิดไม่ถึงสองคน ทำเอาเธอตกใจจนต้องรีบหลบฉาก
เธอเห็นซูเจวียนกับชายฟันเหลืองเมื่อครั้งก่อนกำลังจูบกันนัวเนียอยู่ในพงหญ้า มิน่าล่ะช่วงนี้ซูเจวียนถึงได้ไม่สนใจหลิวเชิ่งลี่ ที่แท้ก็หาบ้านใหม่ได้แล้ว แต่สายตาหล่อนเหมือนจะตกต่ำลงไม่น้อย! ชายคนนี้สู้อีกคนไม่ได้เลย
ตอนที่สวี่ม่ายซุ่ยลังเลว่าจะแอบวิ่งไปหรือไม่ ไหล่กลับถูกตบเบา ๆ ก็เห็นน้องชายผู้หล่อเหลาจิ้มลิ้มกำลังมองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“พี่ พี่ทำอะไรน่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยรีบพูดใส่เขา “ชู่ว เบาเสียงหน่อย”
สวี่ม่ายเฉิงมองเธอด้วยสีหน้าสงสัย จากนั้นก็มองด้านหลังเธอ และเห็นคนทั้งสองที่ยังลูบคลำกันอยู่
“ฉิบหาย นี่มันใครกัน! ช่างกล้าจริง ๆ” พอพูดจบ ดวงตาของสวี่ม่ายเฉิงก็หรี่ลง “นี่ไม่ใช่ผู้ชายที่เคยตามรังควานพี่คนนั้นหรอกเหรอ?”
“ให้ตายสิ ! ความจำสั้นจริง ๆ ยังกล้ามารังแกคน” พูดจบเขาก็ทำท่าจะก้าวรุดไปข้างหน้า
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นก็รีบลากเขาออกมาพูดเสียงเบา “นายโง่หรือเปล่าเนี่ย ดูไม่ออกเหรอว่าคนเขาเต็มใจกันทั้งคู่”
สวี่ม่ายเฉิงฟังจบถึงหยุด พูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ “ใครกัน! ตาถั่วขนาดนี้”
สวี่ม่ายซุ่ย “เพื่อนเล่นสมัยเด็กของพี่เขยนายไง”
ชีวิตก่อนสวี่ม่ายซุ่ยอยู่จนถึงอายุแปดสิบกว่าปี เธอจึงเข้าใจคำพูดฮิดติดปากในสังคมทั้งหมด
สวี่ม่ายเฉิง “ตาถั่วจริง ๆ ว่าแต่พี่มาทำอะไรตรงนี้?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันกำลังจับผิดคนน่ะ โธ่ นายอยู่ในเมืองก็รู้จักคนเยอะแยะไม่ใช่เหรอ?”
สวี่ม่ายเฉิงฟังจบก็มองเธออย่างหวาดระแวง “พี่จะทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่ได้จะทำอะไรหรอก แค่อยากให้นายช่วยสืบว่าผู้ชายคนนี้ทำอะไร ดีที่สุดให้สืบเรื่องในบ้านเขามาให้ชัดเจนด้วย”
สวี่ม่ายเฉิงฟังจบก็ลังเลสักพักก่อนตอบ “ได้สิ! เห็นแก่ที่พี่เป็นพี่สาวฉัน จะรับปากพี่สักครั้ง”
สวี่ม่ายซุ่ยย่นจมูก พูดอย่างเหยียดหยาม “ชิ!”
ตอนที่ทั้งคู่พูดคุยกันสวี่ม่ายเฉิงก็เหลือบมองทางนั้นไปด้วย หูก็พลันแดงขึ้นมา ไม่รอให้สวี่ม่ายซุ่ยแสดงอาการ ก็ลากเธอไปด้านนอก “พอแล้ว ไม่ต้องดูแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ?”
สวี่ม่ายเฉิง “ไม่ทำไมหรอก พี่ต้องรีบกลับไม่ใช่เหรอ ผมไปส่งพี่นะ”
พูดจบก็พยุงสวี่ม่ายซุ่ยไป
สวี่ม่ายเฉิงปีนี้อายุสิบเจ็ด ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพสังคม ปีหน้าก็คงได้สอบเข้ามหาวิทยาลัย
“นายนี่จะสิบแปดแล้วใช่ไหมมีคนมาดูตัวให้หรือยัง?”
สวี่ม่ายเฉิงฟังจบก็รีบตอบ “ไม่มี อย่ากลุ้มใจไปเลยน่า”
สวี่ม่ายซุ่ย “คิดว่านายจะยินดีที่ฉันเป็นห่วงนายเสียอีก ฉันก็แค่ถามดู หลายปีมานี้นายไม่ได้ฟังแม่เหรอ ควรอ่านหนังสือก็ต้องอ่านหนังสือ”
เพราะสวี่ม่ายเฉิงเติบโตมาอย่างดี มีความสามารถ ทั้งยังเป็นนักบัญชีของหมู่บ้าน ชีวิตก่อนในตอนนี้มีคนมาทาบทามให้เขาดูตัวมาก แต่เขากลับไม่ตอบรับใครเลย ตอนที่แม่สวี่โกรธจนจะไล่เขาออกจากบ้าน เขากลับไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยที่ไม่ได้โวยวาย
ปีนั้นเขาคือคนได้คะแนนสูงสุดของมณฑล S ทำเอาแม่สวี่กับพ่อสวี่ตกใจไม่น้อย ใครจะคิดว่าเขาที่เงียบ ๆ จะเยี่ยมยอดขนาดนี้
ต่อมาถึงรู้ว่าช่วงปีเหล่านั้นเขาขลุกอยู่กับพวกปัญญาชนซึ่งเคยเป็นผู้นำของมหาวิทยาลัยจิงตูมาก่อนที่แอบสอนเขาอย่างลับ ๆ
สวี่ม่ายเฉิงฟังเธอจบก็หันมามองอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “พี่ พี่คงไม่ได้ไปฟังพี่เขยพูดอะไรมาใช่ไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยมองซ้ายแลขวาถึงกระซิบ “เขาจะไปพูดอะไรได้ ฉันแค่คิดว่าแต่ก่อนนายคะแนนดีขนาดนั้น ไม่ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยก็น่าเสียดาย คิดว่าต่อจากนี้ถ้ายังสอบได้ นายก็ต้องเตรียมตัวไว้”
สวี่ม่ายเฉิงฟังจบถึงวางใจ ตอบเสียงผ่อนคลาย “วางใจเถอะ น้องพี่คือใครล่ะ! ต่อให้ฉันไม่ดูโจทย์พวกนั้น ถึงเวลาจริง ๆ ฉันก็ยังเป็นที่หนึ่งอยู่ดี”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ให้มันรู้ไปว่าบ้านสวี่ไม่ใช่ลูกพลับนิ่ม คิดจะมาเยาะเย้ยละสิ ตัวเองเถอะเคยกินอาหารทะเลหรือเปล่า
โอ๊ะ เจอฉากเด็ดของยัยบัวเน่าแล้ว เสียดายที่เป็นสมัยก่อน ถ้าเป็นสมัยนี้คลิปลับได้หลุดว่อนทั่วเน็ตแน่
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION