ตอนที่ 42 แสนสิ่งน่ารู้
“เจี้ยนจวิน ฉันสะใภ้สามเองนะ” พอได้ยินว่าเป็นเสียงหลินเจี้ยนจวิน สวี่ม่ายซุ่ยก็พูดออกมาโดยตรง
“สะใภ้สาม?”
“เกิดอะไรขึ้น พี่ชายผมเกิดเรื่องเหรอ?” หลินเจี้ยนจวินได้ยินก็รีบถามทันที เพราะเขาคิดไม่ออกว่านอกจากเกิดเรื่องขึ้นกับหลินเจี้ยนเยี่ยแล้ว พี่สะใภ้สามของเขาจะโทรหาด้วยเรื่องอะไร
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่สามของนายไม่เป็นไร ฉันแค่โทรมาถามเรื่องนาย เพราะได้ยินมาว่าแม่ของเราหาคนมาแนะนำคู่ดูตัวให้นายเหรอ”
เจี้ยนจวินเกาหัวอย่างเขินอาย “เรื่องนี้พี่ก็รู้หมดเลยเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันก็เคยได้ยินมา นายคิดว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นยังไงบ้าง?”
หลินเจี้ยนจวิน “ก็พอได้ แค่อายุน้อยไปหน่อย พี่สะใภ้สาม พี่โทรมาแค่อยากถามเรื่องนี้?”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “เจี้ยนจวิน ฉันพูดกับนายตามตรงเลยนะว่าสาวน้อยคนนั้นเป็นคนบนเกาะพวกฉัน แม่หล่อนเคยเห็นแม่เรา”
พูดกับคนฉลาด ไม่ต้องพูดออกมาตรง ๆ แค่บอกเป็นนัยก็เข้าใจแล้ว
“พี่สะใภ้สาม ผมรู้ว่าพี่หมายความว่าอะไร พี่วางใจเถอะ ผมคงไม่เข้าไปพัวพันกับเขา”
หลินเจี้ยนจวินเองก็รู้นิสัยของแม่ตัวเอง อย่างไรเม่หล่อนก็เคยสัมผัสแม่เขามาก่อน คงไม่ให้ลูกสาวต้องแต่งเข้าบ้านพวกเขาหรอก แต่พี่สามเป็นข้อยกเว้น สุดท้ายพี่สามของเขาก็เป็นถึงผู้บังคับกองร้อย แต่งงานแล้วก็ไม่ต้องอาศัยในบ้าน
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ เรื่องนี้ไม่ง่ายสำหรับพวกนายเลย สาวน้อยคนนั้นถูกใจนายแล้ว ตอนนี้กำลังมีปัญหากับที่บ้าน เว้นแต่นายจะไม่แต่ง”
“ที่แม่หล่อนจะสื่อคืออยากให้นายขึ้นมาบนเกาะ คุยกันต่อหน้า”
หลินเจี้ยนจวิน “พี่สะใภ้ ทางผมปฏิเสธแม่สื่อไปก็พอแล้ว ไม่ต้องไปถึงบนเกาะหรอก อีกอย่างเจอหน้ากันมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็พยักหน้าตอบรับ “ได้ งั้นฉันจะไปพูดกับหล่อนสักหน่อย นายอยู่ทางนั้นเป็นไงบ้าง แม่คงไม่ได้ทำให้นายลำบากใจใช่ไหม?”
หลินเจี้ยนจวินได้ยินแม่เขาพูดมาตั้งนานแล้วว่าพี่สะใภ้สามของเขาไม่เหมือนเดิม พอฟังผ่านโทรศัพท์สายนี้ ก็พบว่าไม่เหมือนเดิมจริง ๆ แต่เหมาะกับพี่ชายเขามาก
“ผมไม่เป็นไร ตอนนี้แม่ก็ไม่กล้าทำให้ผมลำบากใจ แต่พี่นั่นแหละ ถ้าช่วงนี้ไม่มีอะไรก็ไม่ต้องกลับมา ตอนนี้แม่ไม่กล้าไปบนเกาะ กำลังคิดหาทางเรียกพี่กลับมา”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันรู้แล้ว พอนายเสร็จจากตรงนี้ มาถึงเกาะก็แวะมาสักสองสามวัน”
หลินเจี้ยนจวิน “ได้”
ทั้งสองคนพูดจบก็วางสายไป พอกลับไปก็พบว่าแม่ต้าเฉียงกำลังยืนรออยู่หน้าประตู สวี่ม่ายซุ่ยมองแล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ ช่างน่าสงสารใจคนเป็นพ่อเป็นแม่เสียจริง
“พี่สะใภ้”
“น้องสาว นี่เธอจะไปไหน?” แม่ต้าเฉียงเห็นสวี่ม่ายซุ่ยก็ซักถาม
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันไปโทรหาหลินเจี้ยนจวินมา พวกเราเข้าไปคุยกันเถอะ” พูดจบก็ผลักประตูเดินเข้าไป
พอเข้าไปก็เห็นแม่ต้าเฉียงถามอย่างร้อนรน “เป็นยังไงบ้าง?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ที่พี่จะสื่อ ฉันบอกเจี้ยนจวินไปหมดแล้ว เขาว่าเขาจะไปพูดกับแม่สื่อ แล้วก็เรื่องขึ้นเกาะน่ะเขาคงไม่มาแล้ว ไม่มีความจำเป็น”
แม่ต้าเฉียงฟังจบถึงวางใจ “น้องสาว ขอบคุณเธอมากนะ เจี้ยนจวินเองก็เป็นคนดีคนหนึ่ง แต่ดันมีแม่แบบนี้”
สวี่ม่านซุ่ย “อืม น้องสามีฉันคนนี้เป็นคนดีจริง ๆ ถ้าซุ่ยซุ่ยบ้านพี่เอาเรื่องกว่านี้นะ ฉันคงไม่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับพี่แน่”
“โธ่ ใครว่าไม่ใช่ล่ะ เด็กสองคนนี้พูดได้แค่มีบุพเพแต่ไร้วาสนา”
“ได้ยินประโยคนี้ของเธอฉันก็สบายใจแล้ว วันนี้ทั้งวันฉันไม่เป็นอันทำอะไรเลย กังวลอยู่แต่กับเรื่องนี้ พอแล้ว เธอไปทำอะไรของเธอต่อเถอะ ฉันกลับละ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ พี่กลับดี ๆ นะ”
หลังส่งแม่ต้าเฉียง เธอคิดเรื่องหลินเจี้ยนจวินแล้วก็รู้สึกสงสารเขาอีกครั้ง แค่เพราะมีแม่แบบนี้ที่แม้แต่ลูกสะใภ้ยังหาได้ไม่ง่ายเลย
หลินเซียว “แม่ แม่ถอนหายใจอีกทำไม?”
สวี่ม่านซุ่ย “แม่สงสารอาเล็กของลูก”
หลินเซียว “อาเล็กผมหล่อขนาดนี้ เขามีอะไรให้น่าสงสารอีก?”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่ยินยอมที่จะไหลตามหลินเซียว หันมาถามว่า “แม่ให้ลูกล้างอาหารทะเล ลูกล้างให้แม่รึยัง?”
หลินเซียว “มันยังไม่พ่นทรายออกมาสะอาดดีเลย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกไปเอาน้ำมันในครัวมาให้แม่”
“เอาน้ำมันอะไร?”
“ที่มันมีประโยชน์ วัน ๆ ลูกอยู่กับแสนสิ่งน่ารู้เพื่ออะไรล่ะ?”
หลินเซียว “อะไรคือแสนสิ่งน่ารู้?”
“ลูกก็แค่รีบไป”
อาศัยช่วงที่หลินเซียวไปเอาน้ำมัน สวี่ม่ายซุ่ยก็เอาปู กุ้ง สาหร่าย ปลาดาบ สิ่งมีชีวิตพวกนี้ออกมา จนเหลือสิ่งมีชีวิตจำพวกหอย
รอหลินเซียวเอาน้ำมันมา สวี่ม่ายซุ่ยก็หันไปเหยาะน้ำมันสองสามหยด จากนั้นก็ยกอ่างเข้ามาจัดการสิ่งมีชีวิตพวกนี้
เธอวางแผนว่าจะนึ่งปู ปลากับกุ้งเอาไว้ทอด สาหร่ายทำความสะอาดแล้วก็เก็บไว้ทำยำสาหร่ายได้ ส่วนพวกหอยค่อยเก็บพรุ่งนี้
หลินเจี้ยนเยี่ยเลิกงานกลับมาก็รู้สึกได้ถึงไอร้อนในลานบ้าน เห็นหลินเซียวกับหลินฟานเล่นอยู่ด้านข้างก็นึกถามขึ้นมา “แม่ลูกกำลังทำอะไร?”
หลินเซียว “แม่ผมกำลังทอดปลา”
หลินเจี้ยนเยี่ยฟังจบก็เข้าไปในครัวทั้งที่หมวกกับกระเป๋ายังไม่ทันวาง เห็นสวี่ม่ายซุ่ยใส่ผ้ากันเปื้อนกำลังวางปลาดาบลงกระทะ ด้านข้างยังมีกุ้งที่ทอดเสร็จแล้ว
“วันนี้ปีใหม่เหรอ ถึงทำอาหารมากมายขนาดนี้?” เขาพูดพลางยื่นมือออกไปคีบกุ้งเข้าปาก
สวี่ม่ายซุ่ยจ้องเขาอย่างหมดคำจะพูด “ล้างมือหรือยัง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองไปด้านนอก ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจนัก “เขาสองคนไม่เห็นก็ไม่เป็นไรหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ย “พูดเรื่องสุขอนามัยแล้วยังต้องให้คนอื่นดูเหรอ หน่วยงานสอนคุณมาแบบนี้หรือไง?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “หน่วยงานไม่ได้สอนผมมาแบบนี้ ผมเรียนรู้เอง”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ทำเสียงฮึดฮัด “คุณนี่มันสุดยอดจริง ๆ เรียนด้วยตัวเองได้ด้วย”
“ผมมีเรื่องยอดเยี่ยมหลายด้านนะ เดี๋ยวคุณก็ได้เรียนรู้เองละ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันคงไม่สนใจหรอก” พูดจบก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ถามด้วยความประหลาดใจ “คุณไม่กลับบ้านมาหนึ่งวัน จับสายลับคนนั้นได้ไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยหยุดมือที่คีบกุ้ง ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “เรื่องของหน่วยงานถามให้มันน้อย ๆ หน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันแค่ถามดูว่าจับได้ไหม ไม่ได้ถามรายละเอียดสักหน่อย”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองเธออย่างจนใจแล้วตอบ “จับได้แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “จับได้ยังไง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยถลึงตา ตอกกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณนี่สงสัยจะเป็นพวกได้คืบจะเอาศอกสินะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่พูดก็ไม่พูด จะมาประชดทำไม งั้นถ้าฉันมีเรื่องอะไรก็จะไม่เล่าให้คุณฟังเหมือนกัน”
หลินเจี้ยนเยี่ยหยุดฝีเท้าที่จะเข้าห้อง หันมามองเธอพลางถาม “คุณมีเรื่องอะไรไม่บอกผม?”
สวี่ม่ายซุ่ย “เรื่องอะไรก็ไม่บอกคุณหรอก”
หลินเจี้ยนเยี่ยสบถ “ชิ” พูดจบก็หันไปหาหลินเซียว “เจ้าใหญ่ วันนี้บ้านเรามีเรื่องอะไรไหม?”
หลินเซียวที่ยังไม่ได้สติ ตอบกลับอย่างไม่รู้ตัว “ก็ไม่มีเรื่องอะไรนะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ไม่มีจริง ๆ?”
หลินเซียวคิดสักพักแล้วตอบ “วันนี้บ้านเราโทรหาอาเล็ก”
หลินเจี้ยนเยี่ยขมวดคิ้ว “โทรหาอาเล็กของลูกทำไม?”
หลินเซียวกำลังจะพูด สวี่ม่ายซุ่ยก็พุ่งเข้ามากระแอมหนึ่งที มองหลินเซียวด้วยสายตาคาดโทษ
หลินเซียวเข้าใจความหมายนั้นทันที เขารีบปิดปาก ถามอย่างไรก็ไม่พูด
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่เยี่ย สิ่งที่พี่ทำมันไม่ได้เท่เลยค่ะ กลับทำให้ผู้แปลอยากเชียร์ให้ม่ายซุ่ยหย่ากับพี่เป็นร้อยเป็นพันหน กรรมอะไรของม่ายซุ่ยหนอถึงได้มาแต่งงานกับเด็กอมมือที่มีดีแค่เป็นทหารยศใหญ่แบบนี้
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION