ตอนที่ 41 ยกเลิกการหมั้น
“ว่าแต่พี่เองก็รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับแม่สามีดีนี่ ครั้งก่อนเป็นเพราะฉันไม่อยู่บ้านเลยทำให้ยายเฒ่าต้องอยู่กรมทหารตั้งกี่วัน ทางนั้นกำลังมีปัญหากับฉันพอดี ฉันเลยกลัวว่าจะพูดได้ไม่เข้าท่า”
แม่ต้าเฉียงฟังจบก็ลังเลสักพัก ซักไซ้อย่างลองเชิง “ถ้าเธอพูดกับทางนั้นไม่ได้ ก็ลองให้ผู้บังคับกองร้อยหลินไปพูดให้หน่อยสิ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่สะใภ้ เรื่องของพวกพี่ตอนนี้ไปถึงขั้นนั้นแล้ว เป็นซุ่ยซุ่ยกับเจี้ยนจวินที่ถูกใจกัน ไม่อย่างนั้นก็แค่…”
ที่เหลือไม่ต้องรอให้สวี่ม่ายพูดให้รู้ แม่ต้าเฉียงก็ฟังเข้าใจ ตอบกลับด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ฝั่งเจี้ยนจวิน ฉันไม่รู้นะ แต่ยัยเด็กน้อยบ้านฉันมันถูกใจน้องสามีเธอเข้าแล้วนี่สิ”
“พี่สะใภ้ ตอนนี้พวกพี่ก็แค่ดู ๆ กัน ถ้าพี่ไม่เห็นด้วย ขุ่ยชุ่ยก็คงไม่มีทางเลือก อีกอย่างเขาสองคนก็เห็นกันแค่ครั้งเดียว คงยังไม่มีความรู้สึกพิเศษอะไร พี่กลับไปพูดกับซุ่ยซุ่ยดี ๆ ตอบปฏิเสธไปตรง ๆ ก็สิ้นเรื่อง”
แม่ต้าเฉียง “ถ้าเห็นครั้งแรกก็ดี แต่ฉันได้ยินซุ่ยซุ่ยพูดว่าเขาสองคนไม่ได้พบกันครั้งแรกนี่สิ เมื่อก่อนเจี้ยนจวินเคยช่วยหล่อนไว้”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังเรื่องราวการช่วยชีวิตนี้ก็ตอบกลับด้วยสีหน้าจนปัญญาว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อพี่พูดมาขนาดนี้ เรื่องนี้คงไม่ง่ายแล้วละ”
แม่ต้าเฉียง “แล้วไม่ใช่หรือไงล่ะ น้องสาว… ฉันรู้ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับแม่สามีไม่ดี ฉันก็ไม่อยากทำให้เธอลำบากใจนักหรอก แต่เธอช่วยนัดเจี้ยนจวินให้หน่อยได้ไหม? ขอแค่เขามาที่เกาะได้ ที่เหลือก็ไม่ต้องรบกวนเธอแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยมองสายตาคาดหวังของแม่ต้าเฉียงก็ลังเลอยู่นานก่อนตอบ “ได้ งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปโทรหาเขา ถามว่าเขามาได้ไหม”
แม่ต้าเฉียง “เธอไปวันนี้เลยได้ไหม? ฉันกลัวจะฝันไปไกล เธอวางใจได้ ค่าโทรศัพท์ฉันออกเอง” หล่อนพูดแล้วก็จะล้วงเหรียญให้สวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วก็รีบพูด “พี่สะใภ้ นี่พี่จะทำอะไร ก็แค่โทรศัพท์ครั้งเดียวจะเอาเงินพี่ได้ที่ไหน รอฉันกินข้าวเสร็จก่อนเดี๋ยวจะไป”
แม่ต้าเฉียงฟังจบก็วางใจทันที “น้องสาว งั้นก็รบกวนเธอแล้ว เธอรีบไปกินข้าวเถอะ”
หล่อนพูดพลางลุกขึ้น แถมยังโยนเงินห้าเหมาไว้ในสวนอย่างดื้อรั้น
สวี่ม่ายซุ่ยถอนหายใจยาว ๆ ขณะก้มเก็บเงินบนพื้น สุดท้ายแล้วในเวลานั้นก็ไม่รู้ว่าควรโทรศัพท์หรือไม่
พอกลับถึงห้อง หลินเซียวก็รีบถามอย่างร้อนรน “แม่ แม่ต้าเฉียงมาหาแม่เรื่องอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “เป็นเด็กเป็นเล็กมาสืบข่าวอะไรเนี่ย”
หลินเซียว “พูดให้ผมฟังจะเป็นอะไรไป แม่ลืมตอนที่แม่ถามผมแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังคำพูดนี้ของเขา ก็เบะปากตอบอย่างจนใจ “ลูกรู้ไหมว่าคู่ดูตัวซุ่ยซุ่ยเป็นใคร”
หลินเซียว “ใครล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “อาเล็กของลูกไง”
หลินเซียวฟังจบก็ขมวดคิ้วทันที “พี่ซุ่ยซุ่ยกับอาเล็ก!”
“ถ้าเขาสองคนเกิดเป็นดองกันขึ้นมา อาเล็กกับเฉียงจื่อจะเป็นอะไรกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยคิดสักพักถึงตอบ “ถ้าดองกัน เฉียงจื่อก็จะเป็นอาเล็กของลูกไง”
“งั้นผมควรเรียกเฉียงจื่อว่าอะไร?”
“ก็เรียกอาไปเลย”
หลินเซียวฟังจบก็โมโห ตะโกนเสียงดังอย่างไม่พอใจ “ผมไม่เอาด้วยหรอก!”
“มีสิทธิ์อะไรมาให้ผมเรียกเฉียงจื่อว่าอา พวกเราสองคนคือพี่น้องกัน!”
หลินฟานมองหลินเซียวแล้วก็ตะโกนบ้าง “ผมก็ไม่เอาด้วย!”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเด็กสองคนที่โกรธเคืองก็ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องรอให้พวกลูกไม่ยอมหรอก แม่ต้าเฉียงเองก็ไม่ยอม”
หลินเซียว “แม่ต้าเฉียงยังยอดเยี่ยมเหมือนเดิม”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกพอได้แล้วนะ! ถ้าลูกว่างจนไม่มีอะไรทำก็ออกไปเอาอาหารทะเลมาล้างไป แม่จะกินข้าวก่อน”
หลินเซียวฟังจบก็ตบอกตอบกลับว่า “วางใจเถอะ! เดี๋ยวผมทำให้แม่เอง”
พอสวี่ม่ายซุ่ยกินข้าวเสร็จออกไปก็เห็นเด็กสองคนถือปูมาคว่ำบนพื้นดูว่าตัวไหนปีนได้เร็วกว่ากัน ไม่ได้ล้างของทะเลให้เธอสักอย่าง
“ไม่ใช่ว่าลูกพูดว่าจะล้างอาหารทะเลให้แม่เหรอ?”
หลินเซียวได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอแล้วตอบ “มันยังไม่ได้คายทรายออกเลย เดี๋ยวค่อยล้าง”
“แม่จะไปโทรศัพท์ที่สหกรณ์ ลูกสองคนอยู่บ้านเป็นเด็กดีหน่อยนะ”
หลินเซียว “แม่จะไปโทรหาใคร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “หาอาเล็กของลูก”
หลินเซียวได้ยินก็รีบคลานขึ้นมา “ผมไปด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกจะไปทำอะไร?”
หลินเซียว “โทรหาอาเล็กของผม”
สุดท้ายสวี่ม่ายซุ่ยก็ยังต้องพาสองพี่น้องออกไปโดยไม่หันกลับมา ผลคือเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว หลินฟานก็บ่นเหนื่อยร้องจะให้อุ้ม สวี่ม่ายซุ่ยที่จนปัญญาจึงต้องแบกเขาไปโทรศัพท์ที่สหกรณ์
เวลานี้จะติดตั้งโทรศัพท์จำเป็นต้องยื่นเรื่องให้เบื้องบน หมู่บ้านหลินก็มีโทรศัพท์ของกองทัพแค่เครื่องเดียว ตอนสวี่ม่ายซุ่ยโทรไปก็มีคนรับพอดี พอได้ยินว่าโทรหาหลินเจี้ยนจวินก็ให้เธอรอสิบนาทีแล้วค่อยโทร
ทางสวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งวางหู แตรของกองทัพก็ดังขึ้นมา “หลินเจี้ยนจวิน! หลินเจี้ยนจวิน! มีคนโทรหาคุณ ขอเชิญมาที่กรมทหารโดยด่วน!”
เวลานี้หลินเจี้ยนจวินทำงานอยู่ในแปลง ได้ยินว่ามีคนโทรหาก็ตะลึงไปชั่วครู่ หลินเจี้ยนกั๋วได้ยินก็ขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่พอใจอยู่บ้าง “นี่ทำงานอยู่นะ! ใครโทรหานายกัน?”
หลินเจี้ยนจวินตอบกลับด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉันไม่ได้รับ ฉันจะไปรู้ได้ไง?” พูดจบก็เดินออกไป
หลินเจี้ยนกั๋วได้ยินก็ตะโกนใส่ยายเฒ่าหลินทันที “แม่ แม่ดูเขา”
“นี่ยังทำงานอยู่ นึกจะไปก็ไป ไม่กลัวว่าจะได้แต้มทำงานไม่ถึงสิบ”
หลินเจี้ยนจวินได้ยินก็หัวเราะเยาะอย่างไม่เกรงใจทันที ตอกกลับว่า “พูดอย่างกับพี่จะทำได้ถึงสิบแต้มอย่างนั้นแหละ
ตอกกลับหลินเจี้ยนกั๋วเสร็จ หลินเจี้ยนจวินก็เดินไปโดยไม่หันมามอง
ยายเฒ่าหลินมองแผ่นหลังของหลินเจี้ยนจวิน พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าใหญ่ ไม่ต้องไปสนใจมัน มันทำหรือไม่ทำก็เรื่องของมัน”
หลินเจี้ยนกั๋วฟังจบถึงได้วางใจจากนั้นก็ถามอีกว่า “แม่ เมื่อไรแม่จะไปที่เกาะ ในบ้านไม่มีเนื้อกินมานานแล้ว แม่ดูหลานแม่ตั้งกี่คนที่ผอมกันหมด”
ลูกชายของบ้านหลินเจี้ยนกั๋วได้รับการเลี้ยงดูจากยายเฒ่าหลินจนขาวจ้ำม่ำ ก็ไม่รู้ว่าไปมองจากไหนถึงเห็นว่าพวกเขาผอม
หลินเจี้ยนกั๋วถูกเลี้ยงโดยยายเฒ่าหลินตั้งแต่เล็กจนโต เพียงเขายกก้นขึ้นมายายเฒ่าหลินก็รู้ว่าเขาจะอุจจาระแบบไหน รู้ว่านี่ลูกชายตัวเองหิว หล่อนคิดสักพักแล้วตอบ “ไปน่ะแม่คงไม่ไปแล้ว รอวันไหนมีโอกาสค่อยเรียกยัยสารเลวนั่นกลับมา”
หลินเจี้ยนกั๋วฟังจบก็หันไปพูดยิ้ม ๆ “แม่ ฉันว่าแม่ควรเรียกยัยนั่นกลับมาเลยดีกว่า ยังไงซะหล่อนอยู่นั่นก็ไม่ได้ทำอะไร ให้กลับมาแล้วจะได้ปรนนิบัติแม่ แม่ดูสิว่าสองสามวันนี้แม่เหนื่อยขนาดไหน ผมมองจนปวดใจไปหมด พอถึงเวลาก็ให้หล่อนมาลงแปลงแทนที่แม่ แม่ก็จะได้สบาย ๆไม่ใช่เหรอ?”
เดิมทียายเฒ่าหลินก็ไม่ได้คิดถึงตรงนี้ พอโดนเจ้าหลินคนโตเตือนขนาดนี้ก็รู้สึกว่าที่เขาพูดมีเหตุผลขึ้นมาทันที “ได้ พรุ่งนี้ฉันจะเขียนจดหมายถึงหล่อน ให้ยัยสารเลวนั่นกลับมา”
เพราะว่าในกองทัพมีโทรศัพท์ พวกเขาไปโทรที่กองทัพก็สะดวก แต่กองทัพโทรไปที่สหกรณ์ไม่ได้ ทำได้แค่เขียนจดหมาย
สิบนาทีให้หลัง สวี่ม่ายซุ่ยก็โทรศัพท์ไปที่หมู่บ้านหลินอีกครั้ง คราวนี้พอโทรศัพท์ดัง หลินเจี้ยนจวินก็รับสายทันที “สวัสดี”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หลีกหนีบ้านหลินไปให้ไกลค่ะ อายุยังน้อย ยังหาคนใหม่ได้เยอะแยะนะน้องซุ่ยซุ่ย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION