ตอนที่ 4 ก้าวร้าวใส่ดอกบัวขาว
สวี่ม่ายซุ่ยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “เธอมีอะไรก็พูดกับฉันมาตรง ๆ เถอะ ไม่ใช่ว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เสียหน่อย เธอไม่จำเป็นที่จะต้องไปฟ้องเขา”
เมื่อถูกสวี่ม่ายซุ่ยพูดเช่นนี้ใส่ ซูเจวียนก็ทนอยู่ต่อไปไม่ได้ หล่อนถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา จากนั้นก็หันหลังวิ่งออกไป
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสวี่ม่ายซุ่ย เอ่ยอย่างจนใจ “ถ้าคุณโกรธก็มาลงที่ผมสิ ทำไมต้องไปหาเรื่องซูเจวียนด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ยแค่นเสียง “หึ! ถ้าหล่อนไม่หาเรื่องก่อน ฉันจะด่าหล่อนไหม” ขณะเดียวกันก็กลอกตาทั้งที่กำลังพูดเหน็บแนม “ทำไม คุณปวดใจเหรอ”
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นสวี่ม่ายซุ่ยมีท่าทางไม่แยแส ใบหน้าของเขาก็เขียวคล้ำ “สวี่ม่ายซุ่ย!”
สวี่ม่ายซุ่ยตะโกนดังกว่าเขา “อย่าตะโกน ฉันไม่ได้หูหนวก!” หลังจากพูดจบ เธอก็ถามจ้าวเป่ากั๋วที่นั่งมองอยู่ “ผบ.จ้าว คุณคิดว่าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้คะ!”
จ้าวเป่ากั๋วอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมามีสติอย่างรวดเร็ว เขาเหลือบมองจางหงเหมยซึ่งยืนร้องไห้อยู่ข้าง ๆ ด้วยสีหน้าสับสน “สหายสวี่ เรื่องการทะเลาะกันระหว่างครอบครัวทหารไม่ได้อยู่ในการพิจารณาของผม และไม่ใช่เรื่องที่ผมจัดการได้ง่าย ๆ เลย”
สวี่ม่ายซุ่ย “คุณพูดแบบนี้หมายความว่าคุณอนุญาตให้หล่อนรังแกฉัน พวกคุณสนับสนุนหล่อนเหรอ นี่ฉันถูกรังแกแต่ไม่มีใครเข้าข้างใช่ไหม!”
“หรือครอบครัวทหารต้องยอมถูกคนรังแกเพียงฝ่ายเดียว ถ้าคุณพูดเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร หลินเจี้ยนเยี่ย คุณรีบเปลี่ยนงานแล้วกลับบ้านเถอะ ฉันทนถูกรังแกทุกวันไม่ไหวแล้ว”
เมื่อได้ยินคำของสวี่ม่ายซุ่ย สีหน้าของจ้าวเป่ากั๋วก็เคร่งขึมขึ้นมา มองหน้าจางหงเหมยและเอ่ยอย่างเกรงใจ “สหายจาง เมื่อคุณนำเรื่องร้อนใจเข้ามาในกองทัพ พวกเราก็ไม่ใช่จะไม่แก้ แต่ถ้าพวกเราแก้อยู่ฝ่ายเดียวก็จะไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ”
“คุณรอที่นี่สักครู่ ผมส่งคนไปเรียกสามีของคุณและผู้นำหมู่บ้านของคุณมาแล้ว พวกเราต้องพูดเรื่องนี้กันให้กระจ่าง”
จางหงเหมยเป็นคนชอบหนีปัญหาอยู่เสมอ พอได้ยินว่าอีกฝ่ายจะตามผู้นำหมู่บ้านมาก็ตื่นตระหนกทันที “ผู้บังคับการจ้าว ไม่ต้องตามผู้นำหมู่บ้านมาหรอก ฉันขอตัวกลับก่อน!” พอพูดจบก็วิ่งออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
สวี่ม่ายซุ่ยกำลังมองจางเหมยหงที่วิ่งเตลิดไปพลางเบะปากใส่อย่างรังเกียจ เธอลุกขึ้นพูดกับคนที่เหลือ “พวกคุณสองคนยังมีปัญหาอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะได้กลับ”
จ้าวเป่ากั๋วมองสวี่ม่ายซุ่ยที่โกรธเกรี้ยวแล้วก็ตกใจจนรีบส่ายหัว “ไม่มีอะไรแล้ว ๆ เธอกลับไปเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยแอบเหลือบมองหลินเจี้ยนเยี่ยและหันหลังเดินออกไป
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นเธอกลับก็จะตามกลับด้วย ใครจะรู้ว่าทันทีที่เขาขยับจะถูกผู้บังคับการจ้าวดึงแขนไว้และถามด้วยสีหน้าแปลกใจ “นี่คือภรรยาที่เงียบขรึมไม่พูดไม่จาคนนั้นใช่ไหม”
หลินเจี้ยนเยี่ยขมวดคิ้ว “จะเป็นใครได้อีกถ้าไม่ใช่เธอ”
ผู้บังคับการจ้าว “หล่อนกล้าขนาดนี้เลยหรือ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ผมตอบว่าไม่รู้เหมือนกันได้ไหม”
ผู้บังคับการจ้าว “คุณไม่ตื่นเต้นเหรอ รีบตามไปดูสิ!”
หลินเจี้ยนเยี่ยฟังจบก็เหลือบมองมือของจ้าวเป่ากั๋ว จ้าวเป่ากั๋วยิ้มแหยและรีบปล่อยแขนเขา
รอจนอีกฝ่ายไปแล้ว ผู้บังคับการจ้าวจึงส่ายหัวและพึมพำ “ดูเหมือนชีวิตของหลินเจี้ยนเยี่ยหลังจากนี้จะไม่ราบรื่นแล้ว”
หลังจากสวี่ม่ายซุ่ยออกมาจากสำนักงานด้านใน เธอก็เดินยืดอกเชิ่ดหน้า รอบ ๆ มีทหารอยู่ไม่น้อย เมื่อพวกเขาเห็นเธอก็ตะโกนเรียก ‘พี่สะใภ้’ ด้วยความสุภาพ
เมื่อก่อนเวลาได้ยินคำนี้เธอมักจะทำตัวไม่ถูก แต่ครั้งนี้พอมีคนเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เธอกลับพยักหน้าตอบรับอย่างเต็มใจ ทุกคนจึงมองเธออย่างแปลกใจปนอึ้ง ไม่นานเรื่องที่นิสัยของสวี่ม่ายซุ่ยเปลี่ยนไปก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเกาะอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็เห็นว่าตอนนี้ลูกสะใภ้ของครอบครัวหลินกล้าหาญกว่าเดิมมาก
สวี่ม่ายซุ่ยเดินตรงออกมาจากกรมทหาร เมื่อเดินได้สักพักก็มาถึงจุดปลอดคน เธอหยุดและนั่งลงกอดเข่าช้า ๆ จากนั้นก็เริ่มร้องไห้ออกมา
แท้จริงแล้วการไม่ถูกคนอื่นรังแกมันง่ายดายเพียงนี้เอง ขอแค่ไม่ขี้ขลาดและมีเหตุผล ตลอดชีวิตของเธอไม่เคยรู้สึกมีความสุขเท่านี้มาก่อน วันนี้เป็นวันที่ควรค่าแก่การจดจำจริง ๆ
ในขณะที่สวี่ม่ายซุ่ยมีความสุขและกำลังจะลุกขึ้น เธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นเหนือหัว “ไหนว่าคุณไม่ได้ทำผิดไง แล้วจะร้องไห้ทำไมอีก”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินก็เงยหน้ามองไปทางต้นเสียง พบว่าเป็นหลินเจี้ยนเยี่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขากำลังมองเธอจากด้านบน อีกฝ่ายยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้
สวี่ม่ายซุ่ยส่งเสียงหึเบา ๆ แล้วจึงเอื้อมมือไปคว้าผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตา ก่อนจะตอบกลับอย่างไม่พอใจ “ใครบอกว่าฉันไม่ได้ทำผิด ฉันทำผิดอย่างมาก ผิดตั้งแต่ตัดสินใจแต่งงานกับคุณแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยกำลังมองผมที่ยุ่งเหยิงของภรรยา ไหนจะรอยเล็บสีแดงบนใบหน้าและเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งอีก เขาเปิดปากพูดหลังจากที่เงียบอยู่นาน “ขอโทษ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ฟัง มือของเธอที่เช็ดน้ำตาอยู่ก็หยุดชะงัก ชีวิตที่แล้วเธอคับข้องใจอย่างมากและไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากเขาเลย
“คุณไม่รังเกียจที่ฉันระเบิดอารมณ์และทำให้คุณต้องอับอายเหรอ”
ตอนแรกหลินเจี้ยนเยี่ยตกใจที่ท่าทางของสวี่ม่ายซุ่ยเปลี่ยนไปมาก แน่นอนว่าต้องสงสัย แต่เมื่อเห็นเธอกอดขาร้องไห้โฮอย่างหนัก ความสงสัยทั้งหมดก็หายไปทันที
หลู่ซวิ่นกล่าวไว้ว่า ถ้าคุณไม่ระเบิดความเงียบ คุณก็จะพินาศในความเงียบนั้น ที่สวี่ม่ายซุ่ยเป็นเช่นนี้ คงเพราะเธอโดนยั่วยุมานาน
“เพียงแค่พวกเธอไม่ถูกรังแก ฉันก็ไม่กลัวที่จะต้องอับอาย” หลินเจี้ยนเยี่ยมองไปที่สวี่ม่ายซุ่ยและพูดอย่างใจเย็น
สวี่ม่ายซุ่ยเองก็อึ้งไปชั่วขณะหลังจากได้ยินเขาพูด ในชีวิตก่อนของเธอหลินเจี้ยนเยี่ยก็เป็นแบบนี้ เขารู้ถูกผิด ไม่เคยขอร้องให้เธอยอมถูกทุบตีโดยไม่สู้กลับ เขาเคยพูดกับเธออย่างไม่อ้อมค้อมหลายครั้ง แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจไม่ยอมลุกขึ้นสู้
สวี่ม่ายซุ่ย “แต่เมื่อกี้คุณตะคอกใส่ฉัน”
หลินเจี้ยนเยี่ยเหลือบมองเธอและตอบแบบไม่มีทางเลือก “นิสัยของคุณเมื่อก่อน ถ้าไม่โดนตะคอกใส่ คุณจะพูดความจริงไหม”
เมื่อหลินเจี้ยนเยี่ยพูดเช่นนั้น สวี่ม่ายซุ่ยก็เงียบไปทันที เมื่อก่อนเวลาเธอถูกเรียกเข้าไปในกลุ่ม เธอจะรีบยอมรับผิดโดยไม่รอให้ทุกคนได้พูด ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร เธอจะไม่ยอมพูดถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นเธอไม่พูด หลินเจี้ยนเยี่ยก็ถอนหายใจพูดเบา ๆ “กลับบ้านเถอะ”
เมื่อก่อนเขาแค่หวังว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะมีความกล้ากว่านี้หน่อย เตือนไปไม่รู้กี่ครั้งแต่เธอก็ยังไม่ยอมแก้ไข เขาจึงเบื่อที่จะพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ
สวี่ม่ายซุ่ยมองตามเงาของหลินเจี้ยนเยี่ยที่เดินอยู่ข้างหน้าและก้าวตามไปโดยไม่รู้ตัว ราวกับเป็นภรรยาตัวน้อย
เมื่อเดินมาจนถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ซูเจวียนที่ถักผมเปียและสวมชุดกระโปรงก็วิ่งเข้ามาตะโกนเรียกหลินเจี้ยนเยี่ยด้วยเสียงหวาน “พี่เจี้ยนเยี่ย”
สวี่ม่ายซุ่ยกลับมามีสติอีกครั้ง เธอจงใจเดินชนหลินเจี้ยนเยี่ย พูดด้วยความหงุดหงิด “ยังจะเรียกพี่เจี้ยนเยี่ยอยู่อีก น่าขยะแขยง” พูดจบก็เดินกลับบ้านไป
เมื่อซูเจวียนได้ยิน สีหน้าหล่อนก็ซีดลงทันที ส่วนหลินเจี้ยนเยี่ยเองก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก เขาเพียงแค่หวังให้สวี่ม่ายซุ่ยกล้าขึ้นสักหน่อย แต่ไม่คิดว่าเธอจะกล้าถึงขนาดนี้
“พี่เจี้ยนเยี่ย เกิดอะไรขึ้นกับม่ายซุ่ยคะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูด “หล่อนหงุดหงิดน่ะ ผมขอโทษแทนหล่อนด้วยก็แล้วกัน”
ซูเจวียนก้มหัวลงต่ำแล้วกัดริมฝีปาก ตอบกลับไปอย่างนุ่มนวล “ไม่เป็นไรค่ะ เธอคงยังโกรธอยู่”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ประกาศศักดาไปเลยค่ะว่าม่ายซุ่ยคนนี้จะไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกรังแกอีกแล้ว
ยัยบัวเน่ามาทำอะไรถึงบ้านเขาเนี่ย คิดจะแย่งสามีเขาเหรอ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION