ตอนที่ 37 จับสายลับ
“เมื่อก่อนพี่สามเธอก็เป็นแบบนั้น สวี่ม่ายซุ่ยก็เป็นแบบนั้นเหรอ?”
หลินเจี้ยนเฟิ่งได้ฟังก็ตอบกลับอย่างเหยียดหยาม “แน่นอนว่าไม่ใช่ เมื่อก่อนหล่อนขี้กลัวอย่างกับกระต่ายตื่นตูม จะไปกล้าวางท่าขนาดนั้นได้ยังไง”
หลินเจี้ยนเฉ่า “นั่นยังไม่พอ ตอนนี้แม้แต่สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่สนใจพวกเราแล้ว เธอคิดว่าเราไปบ้านพี่สามเธอมันดีตรงไหน ถ้าจะใช้แผนนี้ไม่สู้กลับไปปรึกษาแม่ก่อนว่าจะทำยังไงดีกว่าเหรอ?”
หลินเจี้ยนเฟิ่งเลื่อมใสศรัทธาในมันสมองของหลินเจี้ยนเฉ่าเป็นอย่างมาก “พี่… พี่นี่ยังสุดยอดไปเลยนะ”
หลินเจี้ยนเฉ่า “พอแล้ว กลับไปคิดว่าจะพูดกับแม่ยังไงดีกว่า”
พวกหลินเจี้ยนเฉ่านั่งเรือไปไม่นาน เรือก็ออกจากท่า หลินเจี้ยนเยี่ยรอจนกระทั่งพวกหล่อนออกไปในที่สุดถึงได้หันหลังกลับบ้าน
พอถึงบ้านก็เห็นสวี่ม่ายซุ่ยฮัมเพลงไปพลางทำกับข้าวไป “พวกหล่อนไม่มา คุณดีใจขนาดนี้เลยเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกหล่อนไม่มาแน่นอนว่าฉันก็ต้องดีใจสิ หรือคุณไม่ดีใจ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ผมก็ดีใจ”
สวี่ม่ายซุ่ยส่งเสียงฮึดฮัดเสียงเบา “ชิ! มันยังไม่พอหรอก”
พูดจบก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ตะโกนใส่หลินเจี้ยนเยี่ยว่า “นี่! คุณสอบถามรายละเอียดงานนั้นของฉันให้หรือยัง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตบหัวตัวเอง “โอ๊ย ผมนี่ก็ยุ่งแต่กับพวกหล่อนสองคนจนลืมไปเลย”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินก็มีสีหน้าหนักอึ้ง “คุณจะไปถามตอนไหน?”
“กินข้าวเสร็จเดี๋ยวผมไปถามแล้ว”
กินข้าวเสร็จ ยังไม่ทันรอให้หลินเจี้ยนเยี่ยลุกจากโต๊ะ สวี่ม่ายซุ่ยก็รีบไปที่ห้องพวกหลินเซียว ไม่นานก็ล้วงไหเหล้าออกมาจากใต้เตียง เช็ดไปดมไป “ดีที่กลิ่นยังไม่ออก”
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นเธอถือไหเหล้าก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว “นี่คุณจะทำอะไร?”
“อีกเดี๋ยวก็ถือไปให้หัวหน้าหน่วยสิ รู้หลักธรรมเนียมก็ไร้อุปสรรค คุณไม่รู้เหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยจ้องมองเธอ “แค่ผมไปถามให้คุณไม่จำเป็นต้องเตรียมของขนาดนี้ก็ได้”
สวี่ม่ายซุ่ย “ถ้าไม่เตรียมของติดมือไปบ้าง ชาวบ้านเขาคงจะตอบรับคุณหรอกนะคะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “หัวหน้าของเราเป็นคนมีหลักการ ถ้าเตรียมอันนี้ไปจะกลายเป็นเรื่องไม่ดีเอานะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “จริงเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “จริงจนปลอมไม่ได้เลยแหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยถึงได้วางใจ ไล่เขาออกจากบ้านไปวิ่งเต้นแทนเธอแบบไม่เกรงใจทันที
ตกดึกสามทุ่ม หลินเจี้ยนเยี่ยก็กลับมา
พอกลับมาถึงสวี่ม่ายซุ่ยก็ถามอย่างร้อนอกร้อนใจทันที “เป็นอย่างไรบ้างคะ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยถอดเสื้อผ้าพลางตอบ “ตกลงกันแล้ว พรุ่งนี้คุณแค่ไปรายงานตัวก็พอ”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็หยีตาลงด้วยความดีใจ “ค่ะ เรื่องนี้คุณทำได้ไม่เลว เดี๋ยวพรุ่งนี้ให้รางวัลเป็นเนื้อผัดพริกนะคะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “แค่เนื้อผัดพริกเหรอ ไม่มีอย่างอื่นแล้ว?”
สวี่ม่ายซุ่ยกลอกตาอย่างไม่สบอารมณ์ “นอนเถอะค่ะ! อยากได้ก็ฝันเอาแล้วกัน”
หลินเจี้ยนเยี่ย…
รอหลินเจี้ยนเยี่ยหลับตา สวี่ม่ายซุ่ยก็คิดอะไรขึ้นมาได้อีกครั้ง ลุกขึ้นดึงหลินเจี้ยนเยี่ยขึ้นมาพูดว่า “ยังจับสายลับบนเกาะไม่ได้อีกเหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ยหลับตา ตอบอย่างไม่คิดอะไร “ไม่ได้”
“แล้วก็ไม่รู้ว่าไปซ่อนไหนแล้ว?”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบสีหน้าพลันหนักอึ้ง เค้นสมองคิดอย่างหนักว่าชีวิตก่อนเจอสายลับได้อย่างไร ผลปรากฏว่าเป็นเพราะเธอเอง ชีวิตเดิมในตอนที่เธอตื่นขึ้นมาได้ไม่นานเธอก็มีปัญหากับหลินเจี้ยนเยี่ยในเรื่องของซูเจวียน มันวุ่นวายเสียจนเธออยากกลับบ้านแม่ จึงทำให้มันเป็นครั้งแรกที่เธอมีปัญหากับหลินเจี้ยนเยี่ย หลินเจี้ยนเยี่ยวิ่งตามหาเธอตรงที่ขายตั๋ว จู่ ๆ ก็บังเอิญเจอสายลับที่มาส่งข่าว ถึงได้หาตัวพบ
ชาตินี้เป็นเพราะเธอไม่ได้มีปัญหากับหลินเจี้ยนเยี่ยเลยไม่เจอตัวสายลับใช่หรือไม่ คิดถึงตรงนี้ความทรงจำในหนหลังของสวี่ม่ายซุ่ยก็ค่อย ๆ หลั่งไหล ไม่รู้ว่าสายลับคนนี้ส่งข้อมูลออกไปเท่าไรแล้ว
“พวกคุณพอรู้จักสถานที่ที่คนพลุกพล่านไหม สายลับคนนี้มีส่งข่าวออกไปถึงด้านนอก พูดให้ชัดก็คือที่ที่หล่อนอยู่จะต้องมีคนไปมาหาสู่เยอะ เพื่อสะดวกต่อการแพร่ข่าวไปด้านนอก”
“อีกอย่างหล่อนจะต้องทราบเวลาออกทะเลของพวกคุณเป็นอย่างดี ถึงออกไปส่งข่าวได้ถูกเวลา คุณว่าบนเกาะเรามีที่ไหนที่เข้าเค้าบ้าง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยที่เดิมหลับตาก็ลืมตาโพลง มองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยดวงตาวาววับก่อนตอบ “คุณหมายความว่ายังไง?”
สายตาของเขาดุเดือดเกินไปจนทำเอาสวี่ม่ายซุ่ยตกใจจนแทบพูดไม่ออก ตอบอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไป “ฉัน… ฉันก็แค่โยนหินถามทางเฉย ๆ ยังไงซะฉันก็เป็นส่วนหนึ่งของเกาะ มีส่วนรับผิดชอบในการจับสายลับนี่คะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “คุณคิดว่าที่ไหนล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยลังเลอยู่นานก่อนตอบ “เช่นสหกรณ์? ห้องขายตั๋ว?”
“ไม่ก็กรมทหาร?”
“ไม่ใช่กรมทหารแน่ กรมทหารถูกตรวจสอบจนใสสะอาดตั้งนานแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดคำนี้จบ ก็ลุกพรวดขึ้นมานั่ง “ผมต้องออกไปดูสักเที่ยว”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหลินเจี้ยนเยี่ยใส่เสื้อผ้าเตรียมจะออกไปก็รีบพูด “คุณจะไปไหน?”
หลินเจี้ยนเยี่ยปิดประตูพลางตอบ “คุณไม่ต้องยุ่งแล้ว หลับก่อนเลย” พูดจบคนก็หายไปจากประตู
สวี่ม่ายซุ่ยนอนบนเตียงอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย ในใจทั้งกังวลทั้งร้อนรน ไม่รู้ว่าหลินเจี้ยนเยี่ยที่เพิ่งออกไปจะเห็นอะไรไหม
รอจนถึงดึกคนก็ไม่กลับมา วันถัดมาเธอตื่นมาหาวไปหวอดหนึ่งก็เห็นหลินเซียวถือกางเกงวิ่งไปห้องน้ำพอดี “แม่ ตาแม่เป็นอะไร”
สวี่ม่ายซุ่ย “ตาแม่ทำไม?”
หลินเซียว “เหมือนหมีแพนด้าเลย”
สวี่ม่ายซุ่ย…
“ลูกเคยเห็นหมีแพนด้าเหรอถึงพูดแบบนี้?”
หลินเซียว “ทำไมผมจะไม่เคยเห็น ครูอู่เหวินของเรามีหนังสือเล่มหนึ่ง ในนั้นมีรูปหมีแพนด้า”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกนี่ร้ายกาจจริง ๆ แล้วนี่จะยังไปเข้าห้องน้ำอยู่ไหม? ลูกไม่เข้า แม่เข้านะ”
หลินเซียว “ไป ๆ”
พูดจบก็ถือกางเกงวิ่งไปห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
สวี่ม่ายซุ่ยถอนหายใจเบา ๆ หนึ่งที หยิบกระจกบนของหน้าต่างขึ้นมาส่อง แล้วก็ถอนหายใจอีกที รีบไปทำน้ำซาวข้าวที่ห้องครัวออกมา
หลินเซียวเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็เห็นแม่เขาล้างหน้าบ้วนปากเสร็จกำลังทำกับข้าว
เด็กน้อยเกาะแนบประตู ยื่นหัวไปถาม “แม่ ตอนเช้ามีอะไรกิน?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ข้าวต้ม ต้านปิ่ง แล้วก็ยำแตงกวา”
หลินเซียวฟังจบก็มีหน้าผิดหวัง “ทำไมเป็นข้าวต้มอีกแล้ว กินมาเดือนหนึ่งแล้วนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยหยุดทำยำแตงกวาในมือ มองเขาด้วยใบหน้าจริงจัง “งั้นลูกอยากกินอะไร?”
หลินเซียว “บะหมี่ซอสดำ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พรุ่งนี้เช้าค่อยกิน วันนี้ทำเสร็จแล้ว”
หลินเซียวตอบอย่างเสียดาย “งั้นก็ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยทำข้าวเช้าเสร็จ หลินเจี้ยนเยี่ยก็ยังไม่กลับมา สวี่ม่ายซุ่ยมองแล้วก็ไม่ได้รอเขา สามแม่ลูกกินเสร็จก็กำชับหลินเซียวกับหลินฟาน แล้วออกไปข้างนอก
เดือนแปดอากาศยังคงร้อนมาก ทำให้สวี่ม่ายซุ่ยต้องเอาหมวกไปด้วยในตอนออกจากบ้าน ทางไปหมู่บ้านมีคนผ่านไปมาเยอะที่สุดพอดี ถ้าเป็นแต่ก่อนสวี่ม่ายซุ่ยจะกลัวการเดินผ่านที่นี่มากที่สุด เพราะทุกเดือนผู้คนจะมองเธออย่างเปิดเผย อีกอย่างพอเธอผ่านไปก็จะพากันซุบซิบเรื่องเธอ แต่ตอนนี้เธอไม่สนแล้ว
ภรรยาหมาจื่อ “แม่หลินเซียว นี่เธอจะไปไหน?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไปเดินเล่นในหมู่บ้าน พวกเธอกินข้าวเสร็จแล้วหรือ?”
ภรรยาหมาจื่อ “กินเสร็จแล้ว นี่ก็รอน้ำลงมาหาอาหารทะเลกันอยู่ไม่ใช่เหรอ เธอจะไปหรือเปล่า?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ให้มันรู้บ้างว่าใครเป็นใหญ่ในบ้าน
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION