ตอนที่ 33 หลินเจี้ยนเฟิ่งมาเยี่ยม
สวี่ม่ายซุ่ยผินหน้าไปด้านข้าง ถึงได้รู้สึกดีหน่อย
“ทำไมคุณเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ตลอดเลย”
ตั้งแต่สวรรค์ล่มครั้งที่แล้ว ทั้งสองคนก็ยังไม่เคยสัมผัสกันเลย
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดเสียงแหบข้างหูสวี่ม่ายซุ่ย “ห่างกันบ้างจะยิ่งรักกันยิ่งกว่าช่วงแต่งงานใหม่คุณไม่เข้าใจเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยใช้มือผลักเขา “ไม่ใช่อย่างนั้น”
หลินเจี้ยนเยี่ย “วางใจเถอะ ผมเตรียมการไว้หมดแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็หน้าแดงทันที ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไร้ยางอายขนาดนี้
กระแสน้ำในค่ำคืนนี้ซัดสาดชายฝั่งไม่หยุด และสวี่ม่ายซุ่ยก็เหมือนนั่งอยู่ในเรือที่โคลงเคลงไปมา
วันถัดมาพอเธอตื่นขึ้น ข้างกายก็ไร้ซึ่งเงาของสามีแล้ว
กลับเป็นหลินเซียวที่ผลักประตูโผล่หัวเข้ามา ยิ้มเผล่หยอกล้อว่า “แม่น่าอาย! ตะวันส่องก้นแล้วแม่ยังไม่ลุกอีก”
สวี่ม่ายซุ่ย…
พอไล่หลินเซียวไปแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็นอนบนเตียงต่อ สักพักถึงลุกขึ้น
เธอมัดผมพลางเดินไปข้างนอก พอถึงห้องรับแขกก็เห็นบนโต๊ะมีโจ๊กวางเรียงชามหนึ่งกับกับข้าวชามเล็ก แล้วยังมีแป้งทอดวางอย่างเรียบร้อยบนจาน
“นี่ใครเป็นคนทำ?”
หลินเซียวนอนคว่ำทำการบ้านพลางตอบ “นอกจากพ่อผมแล้วจะมีใครอีก”
สวี่ม่ายซุ่ย “เขามีฝือมือทำครัวด้วยเหรอ?”
หลินเซียว “พ่อบอกว่าให้รางวัลแม่ แม่… แม่ทำอะไร? พ่อถึงให้รางวัลแม่”
สวี่ม่ายซุ่ยคิดถึงการกระทำห่าม ๆ ของหลินเจี้ยนเยี่ยเมื่อคืนแล้วก็หน้าแดงไม่หยุด
“ลูกก็ฟังเขาพูดไร้สาระ แม่จะไปทำอะไรได้”
หลินเซียวมองสวี่ม่ายซุ่ยอย่างสงสัยพลางถาม “ไม่ได้ทำอะไรแล้วทำไมหน้าแม่แดง”
สวี่ม่ายซุ่ย “โดนแดดส่องเยอะ… ทำไมลูกชอบแอบฟังขนาดนี้นะ เขียนการบ้านถึงไหนแล้ว”
หลินเซียว…
สวี่ม่ายซุ่ยโมโหหลินเซียวเสร็จก็สังเกตเห็นความผิดปกติ หันมามองหลินเซียวพร้อมกับถามว่า “ทำไมมีลูกคนเดียว หลินฟานล่ะ?”
หลินเซียว “เขาไม่มีการบ้านต้องทำ เลยออกไปเล่นตั้งนานแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไปเล่นที่ไหนล่ะ?”
หลินเซียว “ไปเล่นที่บ้านจื้อลี่”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินว่าเขาไปเล่นที่บ้านจ้าวเป่ากั๋วก็วางใจ
หลังกินข้าวเสร็จ ทำความสะอาดห้องเรียบร้อย สวี่ม่ายซุ่ยก็เข้าไปในห้องของพวกหลินเซียว แบกเสื้อผ้า รองเท้า ปลอกผ้าห่ม ฟูก ออกมาทั้งหมด
หลินเซียว “แม่ หลินฟานไม่ได้ฉี่รดที่นอนนะ นี่แม่จะทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ถึงไม่ได้ฉี่รดที่นอน ลูกก็ลองดมกลิ่นเท้าเหม็น ๆ ของลูกสองคนสิ ยังจะอยู่ได้ไหม?”
หลินเซียว “ทำไมจะอยู่ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเราสองคนอยู่กันได้ดี ๆ เหรอ”
หลังจากที่นิสัยสวี่ม่ายซุ่ยเปลี่ยนไป เธอก็พบว่านิสัยของหลินเซียวก็เปลี่ยนไปไม่น้อย
แต่ก่อนเป็นเด็กเย็นชาไม่ชอบพูด ตอนนี้พูดเป็นต่อยหอย เทียบกับคนพูดมากยังพูดมากกว่า
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ อีกเดี๋ยวแม่จะวางรองเท้าของลูกกับหลินฟานไว้ที่เดิม ลูกไปทำการบ้านในห้องพวกลูกซะ”
หลินเซียว “แค่นั้นก็จบแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย…
“ถ้าลูกทำให้แม่โกรธ วันนั้นกรอกยาให้ลูกเป็นใบ้ซะก็จบ”
หลินเซียว “แม่วางใจเถอะ ผมรับรองว่าจะไม่พูดอีก”
“ลำบากแม่แล้ว ลำบากแม่แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยกลอกตาอย่างขุ่นเคือง หอบผ้าห่มได้ก็ออกไปข้างนอก เอาผ้านวมกับฟูกไปตากไว้บนเชือกตากผ้า จากนั้นก็หากะละมังมา เริ่มนั่งขัดรองเท้าในที่ร่ม และเพราะทนกลิ่นตอนขัดไม่ไหว จึงขยำกระดาษชำระสองก้อนมาอุดจมูก
ตอนที่เธอเริ่มคุ้นชินกับกลิ่นแล้ว จู่ ๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งผลักประตูอย่างรุนแรงเข้ามาที่ลานบ้านพวกเธอ
“สวี่ม่ายซุ่ย! ไสหัวออกมาหาฉัน”
สวี่ม่ายซุ่ยที่นั่งอยู่ในร่มเงามองผู้หญิงรูปร่างอ้วนเล็กน้อยที่กำลังโกรธขึ้ง ใบหน้าก็พลันหม่นลง
ก็ว่าอยู่ว่าแม่เฒ่าหลินจะสงบเสงี่ยมขนาดนี้ได้ยังไง ที่แท้ตัวเองมาไม่ได้ก็ส่งผู้ช่วยมาแทน
แล้วผู้ช่วยที่ว่าก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นผู้หญิงที่รังแกเธอมากที่สุด ดูเหมือนว่ายายเฒ่าหลินอยู่ในนั้นจะโดนใส่อารมณ์ไม่น้อย คงคิดจะเอาคืนทั้นต้นทั้งดอก
“ฉันอยู่นี่”
หลินเจี้ยนเฟิ่งตามเสียงมาจนเจอมุมที่สวี่ม่ายซุ่ยอยู่ เห็นสายตาเย็นชาไม่ได้มีท่าทางหวาดระแวงลุกลี้ลุกลนเหมือนแต่ก่อนก็รู้สึกไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา หล่อนสาวเท้าไปอยู่หน้าสวี่ม่ายซุ่ย อาศัยตอนที่เธอยังไม่ทันตอบสนองพลิกกะละมังของเธอจนคว่ำ
ในมือสวี่ม่ายซุ่ยยังมีรองเท้าของหลินฟานกับแปรงขัด ขณะน้ำสาดกระจายนองพื้น ใบหน้าเธอพลันหม่นลง
“ขอโทษ!”
หลินเจี้ยนเฟิ่งมองน้ำบนพื้นและกะละมังที่พลิกคว่ำ ใบหน้าฉายความพอใจวูบหนึ่ง “คิดจะให้ฉันขอโทษ? ฝันไปเถอะ! เมื่อสองสามวันก่อนแกทำอะไรไว้ แกรู้ทั้งรู้ว่าแม่จะมา ก็ยังจะไม่อยู่บ้าน แกคิดมาแล้วใช่ไหม?”
หลินเจี้ยนเฟิ่งด่าทอเธอพลางกอดอกกวาดตาไปรอบข้าง เห็นลานบ้านที่สวี่ม่ายซุ่ยจัดการไว้อย่างเรียบร้อย นัยน์ตาก็พลันฉายแววริษยาว่า ทำไมชีวิตของเธอถึงดีขนาดนี้ แต่งงานกับพี่สามได้ พอถึงเกาะยังได้เป็นภรรยานายทหาร แล้วยังได้อยู่ในบ้านที่ดีขนาดนี้อีก
“พูดสิ แม่แกไม่ได้ให้ปากแกมาเหรอ?”
“คนเขาเล่าลือกันว่าแม่แกร้ายกาจนักหนา ทำไมถึงสอนแกออกมาได้ขี้ขลาดขนาดนี้ คงไม่ใช่ว่าหล่อนทำเรื่องที่ไม่สมควรไว้หรอกนะ พระเจ้าถึงได้จงใจลงโทษ” หลินเจี้ยนเฟิ่งยักคิ้วพูดเหน็บแนมสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยมองหลินเจี้ยนเฟิ่งที่กำลังกอดอกพูดโอ้อวด ก็เม้มปากยกมือขึ้นโบกทันใด ทำเอาหลินเจี้ยนเฟิ่งรับมือไม่ทัน ปิดปากมองเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“อ๊า! ยัยคนสารเลวหน้าไม่อาย แกกล้าตีฉันเหรอ!?” หล่อนพูดพลางพุ่งเข้ามาหาสวี่ม่ายซุ่ย
หลินเจี้ยนเฟิ่งก็เหมือนยายเฒ่าหลิน รูปร่างไม่สูง แต่เป็นคนเจ้าเนื้อ ตอนที่หล่อนพุ่งเข้ามา สวี่ม่ายซุ่ยก็เตรียมการไว้แล้ว ผลักหล่อนล้มลงไปตรง ๆ
“แม่แกไม่ได้สอนให้พูดภาษาคนเหรอ อ้าปากก็สารเลว ปิดปากก็สารเลว ที่พูดนี่หมายถึงแกใช่ไหม!”
หลินเจี้ยนเฟิ่งไม่คิดว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะกล้าลงมือกับหล่อน ถูกเธอผลักจนสะดุด จากนั้นก็กระโจนเข้าไปหาเธอ “ยัยคนสารเลวหน้าไม่อาย แกกล้าตีฉัน คอยดูว่าฉันจะทำให้แกตายได้ไหม!?”
สวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ม้วนแขนเสื้อขึ้นแล้วสู้กับหล่อน อาศัยร่างรูปร่างที่สูงกว่าดึงหัวหลินเจี้ยนเฟิ่งกดลงบนพื้น หลินเจี้ยนเฟิ่งที่น้ำหนักมากก็ดึงแขนสวี่ม่ายซุ่ยอย่างไม่ยินยอม
เสียงเอะอะของทั้งสองคนไม่นานก็ดึงดูดหลินเซียวให้ออกมา เห็นสวี่ม่ายซุ่ยถูกทำร้ายก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งเข้าไปเตะต่อยหลินเจี้ยนเฟิ่ง
สองสาวตีกันจนใกล้รู้ผล ในช่วงเวลาที่ทั้งสามคนตะลุมบอนอยู่นั้นก็มีผู้หญิงผอมแห้งแรงน้อยพุ่งเข้ามาในลานบ้าน เห็นสองคนที่กำลังตะลุมบอนกันก็รีบเข้าไปหา
“แม่เจ้าโว้ย นี่เธอสองคนทำอะไรกัน เริ่มมาดีทำไมจู่ ๆ ถึงตีกันได้ล่ะ?” หล่อนพูดพลางพยายามแยกทั้งออกจากกันอย่างสุดกำลัง
หลังหลินเจี้ยนเฟิ่งถูกแยกออกก็ยังคงโวยวาย “พี่หญิงใหญ่ เป็นมันที่ตีฉันก่อน”
หลินเจี้ยนเฉ่าฟังจบก็เงยหน้าขึ้นมามองสวี่ม่ายซุ่ย กล่าวด้วยสีหน้าไม่เห็นชอบ “ม่ายซุ่ย เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ตอนแรกยังดี ๆ แล้วทำไมถึงตีกับเจี้ยนเฟิ่งได้ ดูรอยข่วนบนหน้าหล่อนที่เธอทำไว้สิ หล่อนยังไม่มีคู่ แล้วต่อจากนี้จะทำยังไง?”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มาเยี่ยมหรือมาหาเรื่องกันแน่ เขาซักผ้าอยู่ดี ๆ ก็มาคว่ำกะละมังเขา ไม่โดนเขาเอารองเท้ายัดปากก็บุญแล้ว
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION