ตอนที่ 31 ซูเจวียนเป็นลม
ซูเจวียนได้ยินว่าหลิวเชิ่งลี่จะไปหาสวี่ม่ายซุ่ย นัยน์ตาก็พลันทอประกายดีใจ แต่ไม่นานก็ปกปิดไว้ แสดงออกด้วยท่าทางหวาดระแวง ดึงแขนหลิวเชิ่งลี่แล้วพูด “พี่เชิ่งลี่ พี่อย่าไปเลยค่ะ ม่ายซุ่ยตอนนี้อารมณ์ไม่ดี”
หลิวเชิ่งลี่เห็นคนในใจเป็นแบบนี้ ในใจของชายชาตรีก็พลันฮึกเหิมขึ้นมา ปลอบโยนซูเจวียนว่า “เธอไม่ต้องสนใจหรอก วันนี้ฉันต้องพาหล่อนมาพูดกับเราให้ได้”
พูดจบก็เดินตรงไปยังลานบ้านด้วยอารมณ์เดือดพล่าน
“ม่ายซุ่ย! เธอออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้!”
สวี่ม่ายซุ่ยที่เพิ่งไล่ซูเจวียนไปไม่คิดเลยว่าจะมีมาอีกคน เธอจึงรู้สึกโมโหขึ้นมาทันที เดิมออกมาด้านนอกด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
ก่อนเจอหลิวเชิ่งลี่ในชุดจับปลา ผมเผ้ายุ่งเหยิง จ้องมองเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึ้ง
“สวี่ม่ายซุ่ย ทำไมเธอถึงเลวร้ายขนาดนี้ เธอยังมีมโนธรรมอยู่ไหม?”
“ซูเจวียนทำเพื่อเธอมากขนาดนี้ เธอไม่ชวนหล่อนเข้ามาดื่มชาสักแก้ว แม้แต่ขอบคุณสักคำยังไม่มี มิน่าล่ะคนบนเกาะถึงได้ดูถูกเธอ เธอเป็นแบบนี้ก็สมควรโดนรังแกแล้ว”
พอเห็นเธอ ความทรงจำจากชีวิตก่อนของสวี่ม่ายซุ่ยก็ผุดขึ้นมาเป็นฉาก ๆ ผู้ชายคนนี้คือสุนัขผู้ภักดีของซูเจวียน เลียประจบหล่อนตั้งแต่สาวยันแก่ แม้ซูเจวียนจะไม่เคยตกปากรับคำว่าจะคบกับเขา แต่ในใจเขากลับปล่อยวางซูเจวียนไม่ลง พอฝ่ายนั้นมีเรื่องนิดหน่อยก็วิ่งโร่ไปช่วย กระทั่งตอนที่ภรรยาท้องได้สิบเดือนก็ยังทิ้งหล่อนไว้ที่บ้านไปหาซูเจวียน สุดท้ายก็ทำให้หล่อนแท้งเสียเด็กไป
ตั้งแต่นั้นมาภรรยาเขาก็มองคน ๆ นี้ทะลุปรุโปร่ง รีบหย่ากับเขาโดยเร็วที่สุด กระทั่งกวาดทรัพย์สินไปหมดบ้าน เพียงชั่วคืนเดียวเขาก็กลายเป็นชายโสดที่ไม่มีอะไรเลย
ซูเจวียนเองก็มองข้ามเขา เมื่อก่อนยังโน้มน้าวเอาผลประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ จากเขาได้ ต่อมาภรรยาเขาเก่งกล้าให้เขาเอาของที่หล่อนอยากได้ไปหมด แต่พอภายหลังเห็นเขาไม่เหลืออะไรก็รีบตัดขาดความสัมพันธ์ ได้ยินว่าสุดท้ายก็แก่ตายไปอย่างโดดเดี่ยว
พอเห็นสภาพถือหางปกป้องคนในใจของเขาตอนนี้ นัยน์ตาของสวี่ม่ายซุ่ยก็เผยแววสุดจะทนวูบหนึ่ง ย้อนถามอย่างไม่สบอารมณ์ “นายเป็นอะไรกับหล่อน? มันเรื่องของฉันกับซูเจวียน เกี่ยวอะไรกับนาย ถึงได้มาทำตัวเป็นหมาป่าหางโต*[1]แบบนี้”
หลิวเชิ่งลี่ไม่คิดว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะร้ายกาจขนาดนี้ก็ผงะไปชั่วขณะ มองเธออย่างไม่อยากเชื่อ เกือบจะพูดแล้วว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนไป
“ฉันเป็นอะไรกับเธอไม่สำคัญ ที่สำคัญคือฉันทนมองเธอรังแกคนขนาดนี้ไม่ได้”
ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอคงไม่ตอบกลับเขา แต่พอคิดถึงชีวิตน่าอนาถของเจ้าของร่างเดิม สวี่ม่ายซุ่ยก็ทนไม่ไหวอยู่บ้าง คนจำพวกหญิงร้ายชายเลวแบบนี้มัดรวมให้อยู่ด้วยกันน่าจะดี
“ทำไมจะไม่สำคัญล่ะ ถ้านายเป็นคนรักหล่อน นายถามอะไรฉันก็จะบอกอันนั้น”
“แต่ถ้านายไม่ใช่คนรักเขา นายมีสิทธิ์อะไรมาถามฉัน อย่ามาพูดว่าฉันคือใครไม่สำคัญ ตื่นเช้าไปก็ไม่มีประโยชน์*[2]ใครจะไปเชื่อ”
หลิวเชิ่งลี่ฟังจบก็ผงะ ทำไมเขาถึงรู้สึกอยู่ราง ๆ ว่าเธอกำลังช่วยเขา เขาตามจีบซูเจวียนมานานแล้ว แต่ซูเจวียนก็ไม่เคยเอ่ยปากรับคำ ถ้าตอนนี้หล่อนรับปากแล้ว งั้นเขาก็คง…
คิดถึงตรงนี้หลิวเชิ่งลี่ก็พลันซาบซึ้งขึ้นมา มองไปที่ซูเจวียนด้วยสายตาวาววับ แทบจะรอให้ซูเจวียนพยักหน้ารับรองสถานะเขา
ซูเจวียนไม่คิดว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะร้ายกาจขนาดนี้ แค่สองสามประโยคก็ทำให้หลิวเชิ่งลี่หันกลับมาคาดคั้นตัวเองได้ สีหน้านางพลันแข็งค้าง ตอบกลับด้วยท่าทางเก้อกระดาก “พี่เชิ่งลี่ ทำไมฉันรู้สึกว่าหัวมันมึน ๆ”
พูดจบก็ล้มลงในอ้อมกอดของหลิวเชิ่งลี่
หลิวเชิ่งลี่เห็นซูเจวียนล้มลงในอ้อมแขนก็ทำตัวไม่ถูกขึ้นมา “ซูเจวียน… ซูเจวียน เธอเป็นอะไร? อย่าทำให้ฉันตกใจสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองซูเจวียนที่เป็นลมด้วยสีหน้าไม่สู้ดี ต้นปีนี้ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญกับชื่อเสียง ถ้ามีคนลือว่าเธอด่าซูเจวียนจนเป็นลม จะแก้ตัวอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้น
เธอตะบึงไปข้างหน้า ผลักแขนหลิวเชิ่งลี่ออก พูดอย่าเฉียบขาดว่า “อย่าบัง” พูดแล้วก็หยิกซูเจวียนจนแดง แต่ก็ไม่เห็นว่าหล่อนจะตอบสนอง สวี่ม่ายซุ่ยจึงตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “น่าจะเป็นลมแดด รีบพาเข้าไปในศูนย์อนามัยไป”
หลิวเชิ่งลี่ “หา! ไปอย่างไรล่ะ? บ้านเธอมีรถไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ย “จะร้องหาอะไรอีกล่ะ คนเป็นลมไปแล้วยังจะมาถามหารถอะไร รีบอุ้มไปเร็ว!”
หลิวเชิ่งลี่ฟังจบก็รีบอุ้มซูเจวียนในท่าเจ้าหญิงวิ่งไปด้านนอก เพราะเกิดเรื่องที่บ้านพวกเธอ แม้ว่าจะไม่เต็มใจ สวี่ม่ายซุ่ยก็ปิดประตูไล่ตามไป
ตอนแเรกสวี่ม่ายซุ่ยคิดว่าซูเจวียนเสแสร้ง ผลคือพอตรวจแล้วคนคนนี้กลับเหนื่อยจนเป็นลมจริง ๆ ไม่รู้ว่าสองวันนี้ที่หล่อนปรนนิบัติแม่เฒ่าหลิน แม่เฒ่าหลินทำอะไรกับหล่อนบ้าง
พอตรวจเสร็จแล้วเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไร สวี่ม่ายซุ่ยก็กำลังจะจากไป ใครจะรู้ว่าเพิ่งจะเดินไป หลิวเชิ่งลี่ก็ขวางเธอไว้ด้วยท่าทางอกสั่นขวัญหาย “เธอ… เธอจะไปทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ยกลอกตา “แน่นอนว่ากลับบ้าน”
หลิวเชิ่งลี่ “เธอกลับไปซูเจวียนจะทำยังไง?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่ใช่ว่ายังมีนายอยู่เหรอ?”
หลิวเชิ่งลี่ “ฉันเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ฉันจะไปดูแลหล่อนได้ยังไง”
สวี่ม่ายซุ่ยมองสภาพหลิวเชิ่งลี่ ในที่สุดก็รู้ว่าทำไมสุดท้ายแล้วซูเจวียนถึงไม่เลือกเขา ก็ผู้ชายที่แค่ความเป็นผู้นำยังไม่มี ซูเจวียนต้องตามเขาสิแปลก
“ทำไมนายจะดูแลหล่อนไม่ได้ หล่อนแค่เหนื่อยจนเป็นลม ไม่ใช่ป่วยหรือพิการ นายก็อยู่นี่รอหล่อนฟื้นมาก็พอ”
หลิวเชิ่งลี่ “ทำได้… ทำได้เหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “นายดูแลหล่อนได้หรือไม่ได้กันแน่ ไม่ใช่ว่าช่วงนี้นายตามจีบซูเจวียนอยู่เหรอ? โอกาสดีขนาดนี้ทำไมนายไม่คว้าไว้ นายคิดจะคว้าตอนไหน?”
หลิวเชิ่งลี่เห็นท่าทางสงบนิ่งใจเย็นของสวี่ม่ายซุ่ย ก็ผงกหัวอย่างไม่รู้ตัว “ได้ ฉันจะเชื่อฟังเธอ”
สวี่ม่ายซุ่ย…..
“งั้นฉันไปละ”
หลิวเชิ่งลี่ “ได้”
เดิมทีก็คิดว่าหลังผ่านเรื่องนี้ไปเธอกับหลิวเชิ่งลี่คงไม่มีโอกาสไปมาหาสู่กันอีก ใครจะรู้ว่าหมอนี่เป็นคนพิลึก เมื่อรู้สึกว่าสวี่ม่ายซุ่ยดีต่อเขาอย่างคาดไม่ถึง ภายหลังขอให้เป็นเรื่องของซูเจวียนเท่านั้นแหละ หลิวเชิ่งลี่ก็จะวิ่งโร่มาปรึกษาเธอ ทำให้สวี่ม่ายซุ่ยรู้สึกเหมือนกินแอปเปิลแล้วเจอหนอนครึ่งตัว น่ารำคาญไม่ไหว
หลังออกจากห้องอนามัย สวี่ม่ายซุ่ยก็ตรงดิ่งมาที่บ้าน ใครจะรู้ว่าเดินมาครึ่งทางจะชนกับร่างที่เปียกชุ่มทั่วทั้งตัวเว้นแค่ช่วงไหล่ของหลินเซียวที่ถือรองเท้าพอดี หลินเซียวมองเธอชั่วครู่ก็ตกใจจนหน้าขาวซีด
หันกลับไปได้ก็วิ่งหนีทันที ทำให้หู่จือกับต้าเฉียงตอบสนองไม่ทัน
สวี่ม่ายซุ่ยมองหลินเซียวที่วิ่งหนีไปก็โกรธจนหัวหมุน เห็นกองฟืนด้านข้างก็หยิบกิ่งไม้มาวิ่งไล่ตามไป
“ไอ้ลูกกระต่ายนี่ กล้าหลอกแม่ทุกวันเลยนะ ถ้าวันนี้แม่จับลูกได้จะตีให้ก้นลายเลย”
ต้าเฉียงกับหู่จือเห็นดังนั้นก็สบตากัน พุ่งไปขวางสวี่ม่ายซุ่ย พูดแทนหลินเซียว “ป้าครับ ป้าอย่าโกรธเลย หลินเซียวไม่ได้ลงน้ำ”
“เราเป็นคนสาดน้ำใส่เขาเองครับ”
สวี่ม่ายหยุดชะงัก มองเขาสองคนพลางตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “เธออย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ พวกเธอสามคนสมคบคิดกันมีเรื่องดีที่ไหน”
“พวกเธอสองคนหลีกทางให้ฉัน ฉันจะเชื่อหรือไม่ เดี๋ยวไปคุยกับแม่พวกเธอก็รู้”
[1] ทำตัวอวดเบ่งเพราะกลัวถูกมองข้าม
[2] เรื่องที่ทำได้ยากหากไร้ซึ่งผลประโยชน์แล้วก็ไม่ควรค่าพอให้ทำ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ไอ้หนุ่มช่วยรับเอาแม่ดอกบัวเน่านี่ไปหน่อยค่ะ อย่าให้มารังควานม่ายซุ่ยอีก
ก้นลายแน่หลินเซียว หลักฐานคาตาแม่ขนาดนั้น
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION