ตอนที่ 30 ซุบซิบนินทา
“แสดงว่าในวันนั้นที่ฉันไม่ได้ไปทำงาน คนที่ในตลาดเราพูดกันว่ารับมือยากก็คือหล่อนหรอกเหรอ”
คนขายของใช้ทั่วไป “ก็คือหล่อนที่เมื่อก่อนไร้เรี่ยวแรงนั่นแหละ แต่เดี๋ยวนี้ร้ายน่าดู”
คนขายครีมบุปผาหิมะฟังจบก็พึมพำอย่างหวาดผวา “โชคดีที่ฉันไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องเหลวไหลจากปากเสี่ยวจาง ไม่งั้นคนที่หน้าแตกก็คงเป็นฉัน”
คนขายของใช้ทั่วไป “เสี่ยวจางเล่าอะไรให้เธอฟัง”
คนขายครีมบุปผาหิมะ “ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่บอกว่าหล่อนชักสีหน้าใส่ตอนมาซื้อของ”
“คนขายของใช้ทั่วไป “ฉันก็ว่าอยู่ทำไมเธอทำท่าทางอย่างนั้น”
คนขายครีมบุปผาหิมะได้ฟังก็เหลียวซ้ายแลขวา ตอบกลับด้วยท่าทางเป็นกังวล “เธออย่าพูดมั่วๆ ท่าทางฉันออกจะดี”
คนขายของใช้ทั่วไปหัวเราะแหะๆ “อืม ดีมากเลยแหละ”
สวี่ม่ายซุ่ยซื้อขนมกับครีมบุปผาหิมะเสร็จก็กลับไป ยังไม่ทันถึงบ้านก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวพอๆ กับรถโรงเรียนของเด็กประถมดังมาจากลานบ้าน
คิ้วของสวี่ม่ายซุ่ยมุ่นขมวด เธออดกลั้นต่อความวุ่นวายแล้วเข้าไปในลานบ้าน
พอเข้าไปก็เห็นเด็กสิบกว่าคนอยู่ในลานบ้าน บ้างก็เล่นเกมเขวี้ยงถุงทราย บ้างก็เล่นตั้งเต บ้างก็เล่นเกมจับข้าศึกแปดทิศ คึกคักกันจนแทบทำหลังคาบ้านถล่ม
แต่เด็กๆ พวกนี้ได้ให้ความช่วยเหลือเธอ เธอจึงไม่อาจพูดอะไรได้ ได้แต่สะกดกลั้นอาการปวดเศียรเวียนเกล้าและตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ยังคงเป็นต้าเฉียงที่พบเธอก่อน รีบตะโกนเสียงดังว่า “หยุดเล่นกันได้แล้ว ป้าหลินมาแล้ว”
คนกลุ่มนี้ถึงหยุดลง หันหน้ามามองสวี่ม่ายซุ่ยอย่างรวดเร็ว
สวี่ม่ายซุ่ยแทบจะรับความกระตือรือร้นของพวกเขาไว้ไม่อยู่ ถอยโซเซไปสองก้าว
สุดท้ายยังคงเป็นหลินเซียวที่ยืนขึ้นมา “รอก่อนๆ ทุกคนรอให้หมด มาทีละคน”
“ไป ไปเข้าแถวให้หมด ไม่เข้าแถวไม่ต้องเอา”
หลินเซียวเพิ่งจะพูด เด็กกลุ่มนี้ก็รีบยืนเรียงแถวเป็นห้าแถว สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแล้วประหลาดใจมาก
“ให้ลูกมาแบ่งให้พวกเขาเถอะ” เรื่องของเด็กๆ ย่อมเป็นการดีที่สุดคือให้เด็กแก้ไขกันเอง
สวี่ม่ายซุ่ยมอบลูกกวาดให้หลินเซียว จากนั้นจึงเข้าห้องไป
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเวลาเด็กๆนั่งรถโรงเรียน คนขับรถถึงเอามือกุมหัว หากเป็นคนปกติคงรับมือไม่ไหวแน่
ขณะที่สวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งเข้าห้อง หลินเซียวก็เดินลิ่วอย่างลับๆ ล่อๆ เข้ามา “แม่~”
สวี่ม่ายซุ่ยชำเลืองมองเขาอย่างเฉื่อยชา พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “มีอะไรก็พูดมา”
หลินเซียว “ผมอยากออกไปเล่น”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกอยากไปเล่นน้ำทะเลอีกแล้วใช่ไหม”
หลินเซียว “ผมรับรองได้ว่าไม่ไป”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกจะเอาอะไรมารับรอง”
หลินเซียวคิดสักพักแล้วตอบ “ผมเอาการบ้านมารับรอง ถ้าผมไป แม่ก็ลงโทษให้ผมเขียนอักษรใหญ่ร้อยตัวเลย”
หลินเซียวเจ้าเด็กคนนี้หัวไว คิดคำนวณโจทย์ได้เร็วมาก แต่ไม่ชอบเขียนหนังสือ เพราะเกลียดการเขียนอักษรที่มีขีดเยอะ เห็นแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นสีหน้าเขามีความจริงใจ ก็ลังเลสักพักก่อนพยักหน้า “ถ้าลูกกล้าไป ลูกคอยดูเถอะว่าแม่จะกลับมาจัดการลูกยังไง”
หลินเซียว “เย้ ! ไปละ” พูดจบก็วิ่งออกไปด้านนอก
หลินฟานเห็นแล้วก็รีบก้าวขาสั้นๆ ไล่ตามไป
พอพวกเขาออกไป ในลานบ้านก็พลันเงียบสงัด สวี่ม่ายซุ่ยหาหนังสือมานั่งอ่านในห้องโถง อ่านไปเอาพัดมาพัดไป สบายอกสบายใจอย่างมาก
ตอนที่สวี่ม่ายซุ่ยผ่อนคลายจนใกล้จะเคลิ้มหลับไป อยู่ๆ ก็มีคนผลักประตูเข้ามาอย่างแรง และส่งเสียงดัง
สวี่ม่ายซุ่ยคิ้วขมวด ลุกขึ้นเดินออกไปก็เจอซูเจวียนยืนหอบเหงื่อแตกพลั่กอยู่หน้าประตูบ้านมองเธอ
“สวี่ม่ายซุ่ย นี่เธอยังรู้จักกลับมานะ! เธอรู้ไหมว่าช่วงที่เธอไม่อยู่ ป้าหลินลำบากมาก ช่วงนี้เธอหายไปทำอะไรมา!”
สวี่ม่ายซุ่ยใช้สองมือเกาะขอบประตู มองซูเจวียนที่ปรี๊ดแตกอย่างเนือยๆ ตอบอย่างใจเย็น “ฉันอยากจะทำอะไรก็ทำ จำเป็นต้องบอกเธอด้วยหรอ”
ซูเจวียน “เธอรู้ไหมว่าเพราะเธอไม่อยู่บ้าน ป้าหลินเลยโดนกองทัพจับตัวไป”
สวี่ม่ายซุ่ย “หลินเจี้ยนเย่ไม่ได้อยู่ที่กรมทหารเหรอ ป้าหลินของเธอถึงถูกจับ”
ซูเจวียนฟังจบก็หายใจติดขัด พูดด้วยอาการหอบ “พี่หลินไม่อยู่”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่หลินของเธอไม่อยู่ แล้วเธอมายุ่งกับฉันได้เหรอ ขาก็ขาฉัน ฉันอยากไปไหนก็เรื่องของฉัน เธอยังมีเรื่องอะไรอีกไหม ไม่มีก็รีบไป อย่ามากวนการนอนกลางวันฉัน”
ซูเจวียนเห็นท่าทางไม่แยแสของสวี่ม่ายซุ่ยก็ยิ่งโกรธ คิดถึงเรื่องที่หล่อนทำเพื่อแม่เฒ่าหลิน ทั้งขอลาทั้งจ่ายเงินซื้อตั๋วเรือแล้วยังซื้อของให้นางกิน แม้กระทั่งส่งนางกลับบ้าน สุดท้ายแล้วกลับไม่ได้อะไร
แล้วยังโดนด่าว่าไร้ยางอาย ด่าว่าต้องเสียค่าโง่ แล้วมาดูสวี่ม่ายซุ่ยที่กินดีอยู่ดี ไม่ใช่แค่ไม่อ้วนแล้วแต่ยังขาวอย่างคาดไม่ถึง จะให้หล่อนพอใจได้อย่างไร
“ทำไมเธอถึงชั่วร้ายขนาดนี้ เธอเข้าไปเป็นสะใภ้บ้านคนอื่นด้วยสภาพนี้เนี่ยนะ แม่สามีเธอโดนทรมานจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว เธอยังมีเวลามานอนพัก ไม่กลัวฟ้าผ่ารึไง”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังคำพูดนี้ก็พลันมีสีหน้าเย็นเยือก “เธอพล่ามอะไร? ใครกันแน่โดนทรมานจนไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ทางที่ดีเธอควรระวังคำพูดไว้นะ ไม่อย่างนั้นฉันจะต้องไปแจ้งกองทัพ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดขนาดนี้ ซูเจวียนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรไป สำหรับยุคสมัยที่อ่อนไหว พูดอะไรผิดไปประโยคเดียวก็อาจจะไปไม่กลับเลยก็ได้
“ฮึ! ฉันพูดอะไร เธอรู้อยู่แก่ใจ เธอคอยดูฉันเถอะ ฉันจะต้องเปิดโปงธาตุแท้ของเธอแน่ ให้พี่หลินรู้ว่าเธอเลวร้ายขนาดไหน”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ตะโกนใส่ซูเจวียนอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ “ได้! เธอรีบไปบอกพี่หลินของเธอเลย ให้เขาหย่ากับฉันเร็วๆ ฉันจะได้หาบ้านอยู่”
ซูเจวียน “เธอ…เธอมันหน้าไม่อาย”
สวี่ม่ายซุ่ย “ถุย จะหน้าไม่อายเท่าเธอได้ไง คนเขาก็แต่งงานแล้ว เธอก็ยังคอยตามคิดถึง ทำไมถึงได้อยากเป็นมือที่สามนัก”
ซูเจวียนมองสวี่ม่ายซุ่ย กัดฟันกรอดพลางพูด “เธอคอยดูฉันเถอะ”
ทันใดนั้นเองก็มีเสียงผู้ชายดังขึ้นที่ประตูบ้าน “ซูเจวียน มีเรื่องอะไรเหรอ?”
คนที่กัดฟันกรอดด่ากับสวี่ม่ายซุ่ยเมื่อครู่ จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นอ่อนหวานทันที
“เชิ่งลี่ นายมาได้ยังไง?”
หลิวเชิ่งลี่ “เมื่อครู่ฉันเพิ่งไปตกปลาที่ชายทะเล เห็นเธอลงเรือแล้วเงียบไปก็ไม่สบายใจ คิดว่าเธอเมาเรือเลยมาดูสักหน่อย ทำไมเธอมาที่นี่ล่ะ?”
ซูเจวียนฟังจบก็ส่ายหน้าซีดขาวเบาๆ “ ฉันไม่ได้เป็นอะไร แค่เป็นห่วงม่ายซุ่ย เลยมาดูสักหน่อย”
หลิวเชิ่งลี่มองซูเจวียนที่บอบบางเหมือนจะปลิวตามลมก็ปวดใจ “เธอก็เป็นซะแบบนี้ ทำไมหล่อนถึงไม่เชิญเธอเข้าไปนั่ง”
ซูเจวียน “ไม่…ไม่ต้องหรอก ม่ายซุ่ยไม่ค่อยชอบฉัน ฉันคงไม่อยู่ขวางหูขวางตาหล่อน”
หลิวเชิ่งลี่ “ทำไมหล่อนถึงเป็นแบบนี้ ที่เธอวิ่งวุ่นมาสองสามวันนี้ ถ้าไม่ใช่เพื่อหล่อน ไม่ใช่เพราะหล่อนไม่อยู่บ้าน ป้าหลินคงไม่โดนจับไปรีดข้อมูลหรอก คนของกองทัพก็ไม่ต้องไปตามหาเธอ เธอก็คงไม่ต้องไปเป็นห่วงอะไรมาก”
“เดิมทีมันสิ่งที่หล่อนควรทำ เธอก็ช่วยทำหมดแล้ว หล่อนไม่ซาบซึ้งเธอไม่พอ ยังทำกับเธอขนาดนี้ ทำไมหล่อนถึงได้เลวร้ายขนาดนี้”
“เธอรอก่อนนะ ฉันจะไปหาหล่อน”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อ้าว หาเรื่องม่ายซุ่ยถึงบ้านยังไม่พอ ยังพาชู้รักมาด้วยเหรอนังบัวเน่า
วางแผนสร้างสถานการณ์ให้นางหน่อยสิคะ ให้นางโดนคนในหมู่บ้านมองว่าชอบเป็นมือที่สามของชาวบ้าน จะได้บอยคอตออกจากเกาะไปเลย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION