ตอนที่ 19 พี่สะใภ้ใหญ่
สวี่ม่ายซุ่ยมองแม่สวี่เก็บของพลางพูด “แม่วางใจได้ รอบนี้ขนไก่สักเส้นหล่อนก็จะเอาไปไม่ได้”
แม่สวี่ค่อยวางใจลงได้ “ควรเป็นแบบนี้ตั้งนานแล้ว เมื่อก่อนแกมัวแต่ห่วงชื่อเสียงของเจี้ยนเยี่ย แกดูเอาว่ามันทำให้ความเป็นอยู่บ้านแกเป็นยังไง ถ้าเป็นฉันนะ หย่าก็หย่า แม่ก็ใช่ว่าจะเลี้ยงแกไม่ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ซาบซึ้งมาก เธอตรงไปกอดแม่สวี่แล้วออดอ้อน “แม่ฉันดีที่สุดเลย”
แม่สวี่ “แม่มีแกกับพี่สาวแกเป็นลูกสาวแค่สองคน ไม่ดีกับแกแล้วจะให้ไปดีกับใคร พอแล้ว แกมาดูซิว่าของพอกินไหม? ถึงเวลาไม่พอกินก็ให้พ่อแกหาทางเอา”
สวี่ม่ายซุ่ยมองแม่สวี่ห่อของให้เธอแล้วรีบพูด “พอแล้ว พอแล้ว”
แม่สวี่ “ได้ ซ่อนไว้ก่อน รอให้แกกลับไปแล้วค่อยเอาไป ฉันจะออกไปดูว่าน้องชายแกฆ่าไก่เสร็จรึยัง แกพักอยู่นี่ก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็รีบพูด “ฉันจะไปช่วยแม่”
แม่สวี่ฟังจบก็พูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่ต้อง แกทำกับข้าวไม่เป็นด้วยซ้ำ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันทำเป็นนะ ใครบอกฉันทำไม่เป็น”
แม่สวี่ฟังจบก็หยุดฝีเท้า มองเธอด้วยความสงสัยพลางถาม “แกทำกับข้าวเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มอย่างถ่อมตน “ไม่เคยกินเนื้อหมูแต่อย่างน้อยก็เคยเห็นหมูวิ่ง[1]นะ”
“ไฟที่ฉันใช้มาหลายปีคงไม่เสียเปล่าแล้ว”
แม่สวี่ฟังจบค่อยคลายความสงสัย “ฉันพูดอยู่ว่าแกร้าย พ่อแกยังไม่เชื่อ ไป… วันนี้ให้แกแสดงฝีมือแล้วกัน”
ตอนที่สองแม่ลูกเดินออกมา สวี่ม่ายเฉิงก็กำลังถอนขนไก่ พอเห็นคนทั้งสอง เขาก็บ่นพึมพำอย่างไม่ชอบใจ “สองคนนี้นี่มันดีจริง ๆ อะไรที่สกปรก อะไรที่เหนื่อยให้ผมทำหมด”
แม่สวี่ “ก็แกกินเยอะ แกไม่ทำแล้วใครจะทำ เก็บกวาดให้สะอาดหน่อย วันนี้พี่สาวแกจะทำกับข้าว”
สวี่ม่ายเฉิงได้ยินก็พลันมีสีหน้าแตกสลาย “หา! พี่สาวฉันทำกับข้าว อาหารนี้ยังกินได้อยู่ไหม?”
แม่สวี่ “กินได้ เมื่อก่อนพี่สาวแกแค่แกล้ง หล่อนทำกับข้าวดีมากนะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
รอสวี่ม่ายเฉิงเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็ยกให้เป็นหน้าที่สวี่ม่ายซุ่ย
แม่สวี่เห็นสวี่ม่ายซุ่ยท่าทางดูเข้าท่าเข้าทีก็ผงกหัวด้วยความพอใจ “ฉันจะไปดูแปลงสักหน่อย พวกแกทำให้ดี ๆ ล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ แม่เดินระวัง ๆ ด้วย”
เธอเอาไก่ลงผัดในกระทะจนเลือดแห้ง หลังผัดจนน้ำมันออกก็เติมน้ำเพื่อเคี่ยว
สวี่ม่ายซุ่ยอาศัยความเชี่ยวชาญนี้ราดแป้งผสมเครื่องปรุงลงไป
สวี่ม่ายเฉิงเห็นก็ถามด้วยความแปลกใจ “นี่พี่ทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ทำแผ่นแป้ง สักพักก็วางในกระทะ อร่อยมากนะ”
สวี่ม่ายเฉิง “พี่นี่สุดยอดเลย”
เพราะที่บ้านมีคนเยอะ สวีม่ายซุ่ยเลยไม่ทำแค่แผ่นแป้ง แต่ยังยัดไส้ไก่ด้วยแป้งผสมมันฝรั่ง อาหารเต็มกระทะใหญ่ดูน่ารับประทานมาก
เด็กสองคนได้กลิ่นหอมก็รีบวิ่งไปยังห้องครัวยืนรออยู่ข้าง ๆ
“แม่ ผมขอกินแผ่นแป้งชิ้นหนึ่งได้ไหม” หลินเซียวเห็นแผ่นแป้งชุ่มไปด้วยน้ำซุปก็กลืนน้ำลายพลางถาม
สวี่ม่ายซุ่ย “รอก่อน รอยาย ตา น้าลูกมากินด้วยกัน”
หลินเซียวฟังจบก็ไม่ได้ถามอะไรอีก พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
ด้านสวี่ม่ายเฉิงเห็นแล้วก็พูดว่า “พี่ แป้งแผ่นเดียวไม่ใช่เนื้อด้วยซ้ำ เอาให้เด็กกินก่อนเถอะ ไม่รู้ว่าพ่อจะกลับมาตอนไหน”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็สงสารเด็กสองคนที่หิวอยู่ ให้ไปคนละชิ้น “ยังไม่ขอบคุณน้าอีก”
หลินเซียวกับหลินฟานพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ขอบคุณครับน้า” พูดจบก็วิ่งออกไปข้างนอก
สวี่ม่ายซุ่ยเองก็เจียดเวลามาเก็บของ ใครจะรู้ว่าเพิ่งเริ่มเก็บก็ได้ยินเสียงเอะอะดังเข้ามา ทำสวี่ม่ายซุ่ยกับสวี่ม่ายเฉิงตกใจจนวิ่งออกไป แล้วก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่มองเด็กสองคนด้วยสีหน้าดำทะมึน
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่สะใภ้ใหญ่”
สะใภ้ใหญ่สวี่เหลือบมองสวี่ม่ายซุ่ย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ พูดเหน็บแนมว่า “ไม่ใช่ว่าเพิ่งมารบกวนไปหรอกหรอ ทำไมยังมาอีกล่ะ?”
สีหน้าสวี่ม่ายซุ่ยหนักอึ้ง แล้วพลันซีดขาว
สวี่ม่ายเฉิงทนมองไม่ไหวรีบพูดว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ทำไมพูดแบบนี้?”
สะใภ้ใหญ่สวี่ “ฉันพูดทำไมน่ะเหรอ ก็ไม่เคยเห็นน้องสามีที่ไหนวัน ๆ เอาแต่กลับมารบกวนบ้านแม่น่ะสิ ทำไมล่ะ ของบ้านฉันมันดึงดูดนักหรือไง วัน ๆ ถึงได้มา?”
หลินเซียวกับหลินฟานฟังจบก็ไม่สนใจกินปิ่งแล้วค่อย ๆหลบไปอยู่ด้านหลังสวี่ม่ายซุ่ย
เมื่อก่อนสวี่ม่ายซุ่ยมาทีไรก็โดนสะใภ้ใหญ่สวี่เหน็บแนมทุกที แค่ครั้งนี้ร้ายกาจกว่าเดิมหน่อย
สวี่ม่ายซุ่ยกำลังจะพูดด้วยสีหน้าเย็นชา ก็เห็นสะใภ้ใหญ่สวี่ดมกลิ่น หันวิ่งไปทางห้องครัว
หล่อนเห็นเนื้อไก่ที่วางไว้บนโต๊ะก็หน้าครึ้มลงทันที หันมาเข่นเขี้ยวฟันถาม “ใครให้เธอฆ่าไก่ เธอมีสิทธิ์อะไรมาฆ่าไก่บ้านฉัน?”
สวี่ม่ายซุ่ยกำหมัดกำลังจะอธิบาย ก็เห็นแม่สวี่หน้าบึ้งตึงเดินเข้ามาด้านใน “ฉันให้หล่อนฆ่าเอง เธอจะทำไม?”
สะใภ้ใหญ่สวี่ฟังจบก็เลือดขึ้นตา “แม่ก็รู้ทั้งรู้ว่าฉันจะเอาไปให้พ่อฉัน”
แม่สวี่ฟังจบก็หัวเราะเสียงเย็น “ให้พ่อเธอแล้วทำไม พ่อเธอกินได้ ลูกสาวฉันกินไม่ได้เหรอ? หลิวเจาตี้ ฉันจะบอกอะไรเธอให้ พวกเรายังไม่แยกบ้าน บ้านนี้ฉันเป็นใหญ่สุด ลูกสาวฉันอยากมาตอนไหนก็มาตอนนั้น อยากเอาอะไรไปก็เอาไป ไม่ต้องให้คนอื่นมาวิพากษ์วิจารณ์ แล้วก็อย่าคิดว่าลูกสาวฉันอยู่ต่ำกว่าเธอ ของของธอคือของที่ฉันกับพ่อเธอหามาให้ ถ้าเธอคิดอยากจะแยกบ้านเมื่อไหร่ อีกเดี๋ยวฉันจะส่งของของเธอไปให้”
หลิวเจาตี้ถูกแม่สวี่ด่าจนหน้าขึ้นสี ก็ตอบอย่างสั่นเทาด้วยความโกรธ “แม่รังแกฉันนี่”
แม่สวี่ “ใครรังแกเธอ? เธอว่าลูกสาวฉันกลับบ้านมารบกวน ทีฉันยังไม่ว่าเธอว่าเห็นขี้ดีกว่าไส้เลย ออกไปดูสิว่าบ้านไหนเหมือนเธอบ้าง วัน ๆ คิดหาแผนมาเอาของบ้านแม่สามีกลับไปให้แม่ตัวเอง”
หลิวเจาตี้ “คุณก็รู้ว่าบ้านฉันฐานะไม่ดี ก่อนแต่งงานก็ตกลงกันแล้วไง”
แม่สวี่เห็นหลิวเจาตี้ดูสำนึกผิด สีหน้าพลันอ่อนลง “ใช่ ตกลงกันไว้แล้ว เธอช่วยบ้านแม่ตัวเองได้ แต่ไม่ใช่ให้ทำแบบนี้ กินอยู่ในจานแต่ดันมองในหม้อ อนุญาตผู้ว่าวางเพลิง แต่ไม่ให้ประชาชนจุดตะเกียง”
หลิวเจาตี้ “บ้านพวกเขาดีกว่าบ้านเราเยอะ”
แม่สวี่ “งั้นทำไมเธอไม่ดูว่าแม่สามีเขาเป็นยังไง”
หลิวเจาตี้ฟังจบก็ไม่พูดอะไร
เวลานี้สวี่ม่ายเถียนกลับมาแล้ว เขาเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเย็นชา “แม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงเอะอะมาแต่ไกลเลย”
แม่สวี่สีหน้าพลันมืดครึ้ม ดึงสวี่ม่ายซุ่ยมาแล้วพลางพูด “ถามเมียแกเองละกัน ถ้าเขาไม่ลงให้น้องแกง่าย ๆ พวกเราก็แยกบ้านกันเลย จะได้ไม่เป็นภาระเวลาเขาเอาเงินไปช่วยบ้านแม่เขา”
พูดจบก็ดึงสวี่ม่ายซุ่ยออกไป
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นแม่สวี่ถอนหายใจอย่างหมดแรง “แม่ ไม่อย่างนั้นก็ให้ฉันไปเถอะ!”
แม่สวี่ดึงมือเธอไปพลางพูด “ไปอะไรกัน แกไม่ได้ผิดด้วยซ้ำ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันแต่งเข้าบ้านคนอื่นไปแล้ว มารบกวนที่บ้านก็ไม่ดีจริง ๆ”
แม่สวี่ฟังจบก็ถอนหายใจยาว ๆ “แกเป็นลูกสาวแม่ แม่ไม่ช่วยแกแล้วใครจะช่วย”
[1] ไม่เคยกินเนื้อหมูแต่อย่างน้อยก็เคยเห็นหมูวิ่ง หมายถึง การอุปมาว่าแม้ไม่เคยมีประสบการณ์ในเรื่องนั้น แต่ก็เคยได้ยินผ่านหูผ่านตามาบ้าง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะว่าอะไรน้องสามีก็เหมือนจะเข้าตัวเองแหละสะใภ้ใหญ่
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION