ตอนที่ 146 แอบฟังที่มุมกำแพง
“แม่ครับ ผมกินข้าวเสร็จแล้ว เดี๋ยวผมจะออกไปเล่นข้างนอก” หลินเซียวกินกุ้งตัวสุดท้ายในชามเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืนพลางเอ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยยังไม่ทันได้ตอบรับ หลินเจี้ยนเยี่ยก็ตอบก่อนว่า “ลูกจะกลับมาตอนไหน? อย่าลืมกลับมาช่วยแม่ด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไม่ลืมเด็ดขาด” รับคำเสร็จแล้วเขาก็วิ่งออกไปทันที
หลินฟานก็ตามพี่ชายไปติด ๆ ทำให้ตอนนี้ที่บ้านเหลือพ่อแม่แค่สองคน
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปยังอาหารที่เหลือบนโต๊ะแล้วมองสลับไปที่หลินเจี้ยนเยี่ย แต่ก่อนที่เธอจะพูด หลินเจี้ยนเยี่ยก็พูดด้วยเสียงอ่อนโยนมาก “คุณไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ แต่ก็พูดด้วยความเกรงใจว่า “ช่างน่าอายเหลือเกิน ฉันทำให้หัวหน้าหลินต้องลำบากแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองรอยยิ้มของเธอและถามด้วยความไม่แน่ใจ “ถ้าเป็นแบบนั้น ผมไม่ต้องทำดีไหม?”
“เฮอะ ถ้าคุณไม่ล้างจาน งั้นก็ไม่ต้องกินข้าวเหมือนกัน” สวี่ม่ายซุ่ยพูดด้วยความหมั่นไส้
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดด้วยความผิดหวัง “ก็เห็นคุณพูดเหมือนรู้สึกผิด”
“ฉันแค่พูดประชดคุณอยู่ แต่คุณเชื่อว่าจริงซะงั้น อย่าลืมเอาหม้อไปล้างด้วยนะ” พูดจบก็อ้าปากหาวหวอดแล้วเดินเข้าห้อง
หลินเจี้ยนเยี่ยมองตามแผ่นหลังของเธอพลางส่ายหน้ายิ้มอย่างเอ็นดู จากนั้นก็เริ่มเก็บกวาดโต๊ะและไปล้างจาน
หลังทำความสะอาดโต๊ะอาหารที่บ้านเสร็จแล้ว เขาก็หยิบกระเป๋าแล้วออกไปทำงาน
แต่เมื่อเดินออกไปก็ได้พบกับหัวหน้าเฉิน หลินเจี้ยนเยี่ยจึงพยักหน้าให้เขาตามมารยาท จากนั้นก็ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งแม้ว่าหัวหน้าเฉินจะไม่ชอบอีกฝ่ายมากนัก แต่เขาก็ยังวิ่งตามและเดินไปพร้อม ๆ กัน
“หัวหน้าหลินดูมีชีวิตชีวามากจริง ๆ ดูเหมือนจะได้งีบกลางวันสบายเชียวนะ” หัวหน้าเฉินมองอีกฝ่ายและพูดติดตลกโดยไม่คิด
หลินเจี้ยนเยี่ยหัวเราะเยาะ “หัวหน้าเฉินก็คงจะหลับสบายเหมือนกัน”
“ก็ไม่เลวนะ แค่รู้สึกแปลกที่นิด ๆ เท่านั้น” ทั้งสองเดินไปทางกลุ่มของตนขณะพูดคุยกันไปด้วย
ด้านสวี่ม่ายซุ่ยนอนหลับสบายที่บ้าน แต่เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ลูกทั้งสองคนยังไม่กลับมา แต่ห้องนั่งเล่นมีกลิ่นที่สะอาดสดชื่นมาก
เธอไม่คิดว่าลูกทั้งสองคนจะกลับมาช่วยงานแล้ว จึงเดินไปที่ห้องครัวและเริ่มปรุงเนื้อปลาอินทรี จากนั้นยกเขียงนวดแป้งกับอุปกรณ์ทั้งหมดไปที่ห้องหลักซึ่งกว้างขวางและเหมาะสำหรับการทำเกี๊ยวมากกว่า
ทันทีที่เอาเนื้อปลาอินทรีออกมา เธอก็ได้ยินเสียงคนเรียกจากข้างนอก สวี่ม่ายซุ่ยจึงตะโกนตอบรับและเดินออกไปดู
เมื่อออกไปแล้วก็เห็นหลี่ต้านียืนอยู่หน้าประตูบ้าน หล่อนกำลังยืนเขย่งเท้าแล้วชะโงกศีรษะมองเข้ามา
“ที่แท้เธอก็อยู่บ้าน! ฉันเห็นว่าประตูล็อกไว้เลยนึกว่าเธอไม่อยู่บ้านน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยเปิดประตูแล้วตอบว่า “ฉันปิดไว้ตอนที่งีบหลับน่ะ พอตื่นแล้วก็ลืมมาเปิด ทำไมพี่ว่างมานี่ได้ล่ะ”
หลี่ต้านีพูดว่า “ฉันมาขอความช่วยเหลือจากเธอน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่เก่งรอบด้านขนาดนี้ แล้วยังจะมีอะไรที่ฉันช่วยได้อีกเนี่ย”
หลี่ต้านีพูดว่า “แต่เธอเป็นคนเดียวบนเกาะเราที่สามารถช่วยเหลือเรื่องนี้ได้เลยล่ะ ฉันเลือกผ้าผืนหนึ่งให้เหม่ยฟางน่ะ เลยอยากจะขอให้เธอช่วยตัดเสื้อนวมให้หน่อย”
ทันทีที่หลี่ต้านีพูดคำเหล่านี้ออกมา สวี่ม่ายซุ่ยก็หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เฉียนเสี่ยวเหลียนมาขอให้เธอตัดชุดให้หลิวซุ่ยได้
นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมา ทั้งสองก็ไม่ได้พูดกันอีกเลย และทุกครั้งที่เจอหน้ากันก็แค่แกล้งทำเป็นไม่เห็นอีกฝ่าย
“แต่พี่ก็ฝีมือดีนะ ทำไมพี่ถึงอยากให้ฉันเย็บล่ะ?”
“ฝีมือดีก็จริง แต่เทียบกันไม่ได้เลย เพราะมันล้าสมัยกว่าเสื้อผ้าที่เธอเย็บมาก เธอออกแบบแทนฉันได้เลยนะ เอาแบบที่สาวน้อยรักสวยรักงามจะชอบน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็มองไปที่ตะกร้าในมือของหลี่ต้านีแล้วพูดว่า “พี่ให้ฉันดูหน่อยว่าซื้อผ้าแบบไหนมา”
“นี่ ๆ เธอลองดูนะ”
สิ่งที่ดึงดูดสายตาของเธอคือผ้าลายดอกไม้สีชมพูหนึ่งผืน และสวี่ม่ายซุ่ยก็รู้สึกว่าสมองกำลังปั่นป่วน นึกไม่ออกว่าเสื้อนวมที่ทำจากผ้าลายดอกไม้สีชมพูตัวนี้จะทันสมัยได้อย่างไร เพราะมันให้ความรู้สึกแบบชนบทจริง ๆ
“ทำไมพี่ซื้อผ้าลายนี้มาล่ะ?”
หลี่ต้านีชะงักแล้วตอบว่า “ถ้าไม่ซื้อลายนี้แล้วจะให้ซื้อลายไหนล่ะ สาวน้อยทุกคนชอบสีชมพูไม่ใช่เหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ชอบก็ส่วนชอบ แต่มันตัดเย็บไม่ง่าย โดยเฉพาะลายดอกแบบนี้น่ะ”
หลี่ต้านีมองผ้าผืนนั้นอีกทีและถามด้วยความสงสัย “ทำไมมันยากนักล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้ว่าตนกับหลี่ต้านีมีช่องว่างระหว่างวัย หากอธิบายต่อไปจะไม่มีวันจบสิ้น เธอจึงตอบรับแบบหมดทางเลือก “ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันจะลองดูนะ แต่วันนี้ฉันไม่ว่าง คงยังทำไม่ได้ทันที”
หลี่ต้านีได้ยินแบบนี้ก็โล่งใจแล้ว “เพิ่งเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงแค่ไม่กี่วันเอง ไม่ต้องรีบนะ เธอค่อย ๆ ทำไปเถอะ แล้วตอนนี้เธออยู่บ้านทำอะไรล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ปรุงเนื้อปลาอินทรีน่ะ เราจะทำเกี๊ยวปลาอินทรีกินกัน”
หลี่ต้านีได้ยินแล้วก็ตอบกลับว่า “เธอนี่ช่างเอาใจลูกจริง ๆ นะ แล้วห่อหรือยัง? ฉันจะช่วยเธอเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบขี้เล่น “ยังเลย ฉันก็รอพี่อยู่ไง” ทันทีที่พูดจบ เธอก็ได้ยินเสียงก่นด่าเด็ก ๆ ดังมาจากข้างบ้าน
การแสดงออกของหลี่ต้านีเปลี่ยนไปหลังจากได้ยิน หล่อนกระซิบถามว่า “เพิ่งย้ายมาเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยก็ทำแค่พยักหน้า
“ดูน่าคบหาด้วยไหม?”
ตอนนี้เองที่สีหน้าของสวี่ม่ายซุ่ยมืดมนลงทันที “ไปคุยกันในบ้านเถอะ”
ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องหลัก หลี่ต้านีก็อดรนทนไม่ไหวและถามว่า “เป็นยังไงบ้าง? เป็นคนสุภาพอ่อนโยนไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วจึงเล่าเรื่องที่แม่สามีกับลูกสะใภ้บ้านข้าง ๆ ทั้งมาเก็บผักและยืมวัตถุดิบด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
หลี่ต้านีพูดด้วยอารมณ์เหน็บแนม “เห็นครอบครัวของพวกเธอเป็นแหล่งสินค้าหรือไง?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ก็นั่นน่ะสิ”
หลี่ต้านีเดาะลิ้นสองครั้งแล้วพูดว่า “แม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้ไม่น่าจะรับมือง่าย ๆ แล้วละ เธอต้องระวังให้มากนะ ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอล็อกประตูตอนอยู่บ้านน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ถ้าไม่ล็อกประตูก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะโดนปล้นบ้านตอนไหน”
เพราะมีหลี่ต้านีอยู่ด้วย สวี่ม่ายซุ่ยที่ได้ระบายให้หล่อนฟังจึงรู้สึกดีขึ้นมาก
แต่เมื่อหลี่ต้านีช่วยสวี่ม่ายซุ่ยห่อเกี๊ยวปลาอินทรีเสร็จ หล่อนก็เป็นคนที่รู้สึกทรมานเสียเอง
“ไม่ได้การละ ฉันต้องซื้อปลาอินทรีด้วย แล้วเธอก็ไปช่วยฉันห่อเกี๊ยวหน่อยนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบรับ “ตราบใดที่พี่เต็มใจจะซื้อ ฉันก็จะไปช่วยพรุ่งนี้เลย”
หลี่ต้านีพูดว่า “ถ้างั้นเธอก็เตรียมตัวได้เลย”
ในตอนเย็น หลังจากที่สวี่ม่ายซุ่ยกินเกี๊ยวเสร็จแล้ว เธอก็มองไปที่จานเสริมและตะโกนบอกหลินเซียวว่า “หลินเซียวไปเอาตะกร้ามาหน่อย”
หลินเซียวสงสัย “เอามาทำไมครับ?”
“ลูกช่วยเอาเกี๊ยวจานนี้ไปส่งให้ป้าสะใภ้จ้าวหน่อยนะ”
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเซียวก็รีบวิ่งกลับมาพร้อมตะกร้าในมือพลางเอ่ย “แค่เกี๊ยวไม่กี่จานนี้ก็ไม่พอให้เรากินแล้ว ทำไมเราต้องให้หล่อนด้วยครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยอธิบายว่า “ป้าสะใภ้จ้าวช่วยแม่ห่อเกี๊ยวพวกนี้ ลูกคิดว่าเราควรจะแบ่งให้ไหมล่ะ? ที่สำคัญคือครั้งล่าสุดนี้ลูกก็กินข้าวที่บ้านป้าสะใภ้จ้าวไม่ใช่เหรอ”
หลินเซียวนึกถึงความเมตตาของหลี่ต้านีที่มีต่อตน ทำให้ความเสียดายบนใบหน้าของเขาหายไปทันที “สมควรให้ครับ งั้นเอาจานที่พอให้พวกเขากินไปนะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลองดูเองแล้วกัน อย่าลืมว่าตัวเองต้องกินอิ่มด้วย”
หลินเซียว “งั้นผมไปก่อน แล้วอย่าลืมเหลือให้ผมบ้างนะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งส่งให้หลินเซียวออกไป แต่ที่อีกด้านหนึ่งของกำแพง แม่เฒ่าเฉินกำลังยืดตัวขึ้นพลางสบถด้วยเสียงเบาไปทางลานบ้านของสวี่ม่ายซุ่ย “โจวปาผี*[1] เราเป็นเพื่อนบ้านกันแท้ ๆ แต่พวกหล่อนทำเกี๊ยวแล้วไม่คิดจะแบ่งมาให้เราด้วยซ้ำ”
จินเป่าได้กลิ่นหอมลอยมา จึงสูดจมูกดมกลิ่นแล้วพูดว่า “คุณย่า เราไปเยี่ยมบ้านพวกเขาไม่ได้เหรอครับ?”
เมื่อก่อนเวลามีคนทำอาหารอร่อย ๆ ในหมู่บ้าน ย่าจะพาเขาไปเยี่ยมบ้านนั้นเสมอ และเมื่อเจ้าบ้านกำลังกินข้าว เขาก็จะยืนมองอยู่ตรงนั้น ถ้าอีกฝ่ายรู้สึกกระดากอายก็จะแบ่งให้เขากินด้วยเสมอ
ใบหน้าของแม่เฒ่าเฉินมืดลง “วันนี้เราได้ไปที่นั่นแล้ว ถ้าไปอีกก็จะไม่ดี”
จินเป่ามองคุณย่าแล้วรบเร้าด้วยท่าทางน่าสมเพช “แต่คุณย่า ผมอยากกินนี่นา ผมไม่เคยได้กินของที่มีกลิ่นหอมน่าอร่อยขนาดนี้มาก่อนเลย”
เมื่อเห็นว่าหลานชายตัวน้อยของตนน่าสงสารเพียงใด แม่เฒ่าเฉินก็กลอกตาใช้ความคิดแล้วพูดว่า “แกมานี่สิ ตั้งใจฟังย่านะ”
[1] 周扒皮 คือ ตัวร้ายจากหนังเรื่องไก่กาตอนเที่ยงคืน เป็นเจ้าของที่ดินหน้าเลือด
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ต้องทำยังไงพี่เยี่ยถึงจะหายซื่อบื้อ อย่าให้ต้องเรียกว่าพี่เฮี่ยนะ
วางแผนชั่วร้ายอะไรอีกนังเฒ่า เดี๋ยวก็เจอเขาวางยากลับหรอก
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION