ตอนที่ 143 เพื่อนบ้านใหม่
หลินเซียวทำปากจู๋อย่างไม่พอใจ “แม่ กว่าผมจะได้หยุดมันไม่ง่ายเลย ผมยังอยากไปเล่นบนภูเขากับหู่จือนะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “เล่นอะไรกัน มาช่วยแม่ซักปลอกผ้านวมก่อน”
ช่วงสองวันนี้อากาศไม่เย็นไม่ร้อนเหมาะกับซักปลอกผ้านวมและทำเสื้อนวมพอดี
“ลูกอยากได้ผ้าห่มใหม่ เสื้อนวมใหม่ใช่ไหม”
หลินเซียวได้ฟังก็ฮึดขึ้นมา “เอา”
ที่จริงแล้วเธอไม่ต้องให้หลินเซียวช่วยซัก ขอแค่เขาช่วยสะบัดก็พอ
ซักเสร็จก็เอาลงไปล้างน้ำหนึ่งรอบ ผงซักฟอกด้านบนก็ถูกชะล้างจนสะอาดเอี่ยมอ่อง
หลินเจี้ยนเยี่ยยุ่งเหลือเกิน หลินฟานยังเล็ก หลินเจี้ยนจวินก็ไม่เหมาะสม คิดดูแล้วจึงมีแค่หลินเซียวที่ทำได้
หลินเซียวเจ้าเด็กคนนี้ขอแค่รับปากว่าจะทำให้ ก็จะทุ่มเทแรงกายใจ แม้สวี่ม่ายซุ่ยจะไม่ได้ให้เขาซักแต่เขาก็หามุมด้านข้างเองแล้วค่อย ๆ ขยี้
พอคนอื่นที่มาซักปลอกผ้านวมเห็นก็ชมกันหมด สองแม่ลูกซักปลอกผ้านวมเสร็จ สวี่ม่ายซุ่ยก็พับขากางเกงเพื่อล้างเท้า
น้ำในแม่น้ำช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงเริ่มเย็นลงเล็กน้อย แต่ยังพอรับได้
สองแม่ลูกช่วยกันลากปลอกผ้านวมลงไปลอยในน้ำ ไม่นานปลอกผ้านวมก็ถูกซักจนสะอาด
“นักบัญชีสวี่ วิธีของเธอดีจัง ประหยัดเวลาไปได้เยอะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกเธอซักเสร็จก็ลองดู”
“พวกเราก็อยากลอง แต่คนบ้านพวกเราคงสู้หลินเซียวบ้านเธอไม่ได้ ป่านนี้ไม่รู้ว่าวิ่งไปเล่นที่ไหนแล้ว เป็นหลินเซียวบ้านเธอที่เชื่อฟังดี”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ชำเลืองมองหลินเซียว เห็นเขาภูมิใจจนแทบจะเงยหน้าลอยขึ้นฟ้าก็ไม่พูดให้เขาเสียกำลังใจ พูดยิ้ม ๆ ว่า “ใช่ หลินเซียวบ้านฉันในจุดนี้ดีมากนะ ปกติอยู่บ้านก็ช่วยฉันทำงานไม่น้อย”
หลินเซียวฟังจบก็มองไปทางสวี่ม่ายซุ่ยอย่างประหลาดใจ ตามธรรมเนียมแล้ว แม่เขาไม่ควรชมเขา ควรจะว่าเขาอย่างเช่น ‘มีดีที่ไหน ดูดีแค่ภายนอกเท่านั้นแหละ ที่จริงอยู่บ้านอะไรก็ไม่ทำ’
สวี่ม่ายซุ่ยกลับไม่สนใจสายตาประหลาดใจของหลินเซียว พูดกับคนอื่นสักสองประโยคถึงยกกะละมังเดินมุ่งไปด้านหน้า
หลินเซียวอดไม่ได้ที่จะซักไซ้ “แม่ เมื่อกี้ทำไมแม่ไม่รังเกียจผม?”
“ทำไมแม่ต้องรังเกียจลูก”
“มีที่ไหนชมลูกตัวเองบ้าง แม่ไม่อายหรือไง”
สวี่ม่ายซุ่ยทำเสียงฮึดฮัด “ก็แม่พอใจนี่ แล้วลูกจะทำไม”
พูดจบก็เดินไปโดยไม่หันมามอง
หลินเซียวเดินรั้งท้าย รอยยิ้มมุมปากยิ้งกว้างขึ้นกว่าเดิม สุดท้ายกะพริบตาอีกที ดวงตาก็ส่องประกายเหมือนดาวบนท้องฟ้า “แม่ แม่รอผมด้วย”
สองแม่ลูกกลับบบ้านด้วยรอยยิ้ม พอถึงบ้านก็พบว่าที่ว่างด้านข้างมีรถจี๊ปจออดอยู่หนึ่งคัน มีคนขนสัมภาระเข้าออกไม่หยุด
“แม่ เพื่อนบ้านเราที่มาใหม่เหรอ?” หลินเซียวเงยขึ้นมองสวี่ม่ายซุ่ยแล้วถามด้วยความสงสัย
สวี่ม่ายซุ่ย “พ่อลูกก็บอกไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
หลินเซียว “แม่จะเข้าไปทักไหม”
พอสวี่ม่ายซุ่ยนึกถึงเรื่องที่รองผู้บังคับบัญชาหาคนมาแทนหลินเจี้ยนเยี่ยก็โกรธ ตอบกลับอย่างไม่พอใจว่า “ไม่ไป”
พูดจบก็ยกกะละมังกลับบ้าน
หลินเซียวมองแล้วก็รีบตามไป
ทั้งสองคนเพิ่งกลับถึงบ้าน แม่สามีลูกสะใภ้บ้านข้าง ๆ ก็เข้ามากระซิบกันว่า “ฉันว่าเพื่อนบ้านกับเราคงอยู่ด้วยกันไม่ง่าย”
“แม่ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน แม่ดูหล่อนแต่งตัวสิ เหมือนคนมีเกียรติซะที่ไหน ฉันว่าสามีหล่อนก็คงไม่ใช่คนดีอะไร คนดี ๆ ที่ไหนจะหาได้แบบนี้” หญิงสาวพูดเออออตามยายเฒ่าอย่างระมัดระวัง
“ดีไม่ดีฉันไม่รู้ ยังไงซะเธอก็อย่าไปเสียนิสัยตามหล่อนล่ะ”
“แม่ แม่วางใจได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับหล่อนเลย” พูดจบก็ถือผ้าห่อของเข้าบ้านไป
สวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งจะเข้าบ้านมาด้วยสีหน้าบึ้งตึงและสั่งให้หลินเซียวช่วยพยุงผ้านวม ก็ได้ยินผู้หญิงข้างบ้านตะโกนเสียงดัง “แม่เจ้า เธอลากขี้อะไรเข้ามา รีบเข้าแปลงไป ปุ๋ยดี ๆ โดนเธอใช้สิ้นเปลืองหมด”
หลินเซียวฟังเสียงพูดคนข้างบ้านที่ลอยมา มองสวี่ม่ายซุ่ยอย่างแปลกใจแล้วถามว่า “แม่ พวกเขาพูดกันเสียงดังขนาดนี้เลยเหรอ”
ตอนหลินเซียวเกิด เขาอยู่ในโรงเรียนที่รายล้อมไปด้วยปัญญาชนที่มีการศึกษา ต่อมาย้ายมาที่เกาะก็อาศัยอยู่ในพื้นที่ตระกูล แม้คนส่วนใหญ่จะมาจากชนบท แต่ก็เป็นครอบครัวทหารมาตั้งหลายปี ก็เลยมีคุณสมบัติสูงกันหมด จึงเพิ่งเห็นความหยาบสถุลแบบนี้เป็นครั้งแรก
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะพวกเขาเคยชินกับการพูดแบบนี้มั้ง ลูกเขียนการบ้านเสร็จหรือยัง?”
หลินเซียว “เกือบแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลูกไปทำการบ้านก่อน แม่จะไปทอดกุ้งมาให้ลูก”
หลินเซียว “ดีเลยครับ”
พูดจบก็วิ่งไปที่ห้องครัว
สวี่ม่ายซุ่ยตากเสื้อผ้าเสร็จก็เข้าไปในครัว เอากุ้งที่ซื้อมาตอนเช้าใส่ไว้ในกะละมัง ซึ่งจนถึงตอนนี้มันก็ยังมีชีวิตอยู่ เธอยกกะละมังไปที่บ่อน้ำ จัดการดึงหัวและเส้นกลางหลังกุ้งออก จากนั้นก็แกะเปลือก เสร็จแล้วก็เอาไปล้างให้สะอาด
นำกุ้งที่แกะเปลือกแล้วไปชุบในแป้งที่ผสมกันดี รอน้ำมันร้อนนิด ๆ ก็วางกุ้งลงไปทอด นำกุ้งชุบแป้งวางลงไปทีละตัว ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยมา
“แม่ กลิ่นอาหารอะไร ทำไมหอมขนาดนี้” เด็กชายที่สวมกางเกงกับเสื้อคอจีนสีดำและรองเท้าผ้าสูดหายใจพลางถาม
สิ้นเสียงของเขา ผู้หญิงที่สวมชุดเข้าสีกันก็พุ่งออกมาจากห้อง ย่นจมูกสูดหายใจ “ข้างบ้านทำกับข้าวเหรอ ทำไมหอมขนาดนี้”
“แม่เจ้า นี่ต้องใช้น้ำมันขนาดไหนถึงหอมขนาดนี้”
เด็กชายฟังจบก็เอาแขนเสื้อเช็ดปาก เงยขึ้นมาถาม “แม่ ผมอยากกิน”
ผู้เป็นแม่หน้าบึ้งตึง “กินอะไรกัน บ้านเรามีเงินทำให้แกกินที่ไหน”
เด็กชายได้ฟังก็ตะเบ็งเสียงขึ้นมา ยายเฒ่าที่อยู่ในห้องจึงถามหลานกับลูกสะใภ้ด้วยสีหน้าหนักอึ้ง “จินเป่า เกิดอะไรขึ้น?”
หญิงสาวตอบกลับอย่างไม่พอใจ “ข้างบ้านไม่รู้ทำอะไร กลิ่นหอมมาถึงบ้านเรา เด็กคนนี้เลยร้องจะกิน”
ยายเฒ่า “ เขาอยากกินก็ให้เขากิน”
หญิงสาว “บ้านเราเพิ่งย้ายมา อะไร ๆ ก็ไม่มีแล้วจะกินยังไง”
ยายเฒ่าตอบกลับด้วยแววตามุ่งร้าย “ทำไมไม่มีแล้วถึงจะกินไม่ได้” นางว่าแล้วก็ลุกขึ้นพูดอย่างเงอะงะ “จินเป่า ไม่ต้องร้องแล้ว ย่าจะพาพวกหลานไปกินของอร่อย”
“จินเฟิ่ง จินหมิง พวกหลานก็มาด้วยกัน”
จินกังกับจินฮวาไม่พอใจทันที “ย่า เราก็จะไปด้วย”
แม่เฒ่ามองหลานชายหลานสาวแล้วพยักหน้า “งั้นก็ไปด้วยกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยกำลังทำอาหารอย่างใจจดใจจ่อ ก็เห็นว่าจู่ ๆ ก็มีหัวคนยื่นมาที่ประตูครัว ยิ้มตาหยีพูดกับเธอว่า “ป้า… ป้าทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ยมองหัวคนที่จู่ ๆ พลันโผล่มาก็ตกใจแทบตาย มือสั่นเทิ้ม พูดอย่างไม่ยินดีว่า “พวกเธอเป็นใคร? ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา?”
แม่เฒ่าฟังคำพูดสวี่ม่ายซุ่ยก็พลันมีสีหน้าบึ้งตึง จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอีกครั้ง “ฉันคือเพื่อนบ้านเธอ เพิ่งย้ายมาเลยคิดจะมาทักทายเธอ ไม่รู้ว่าต้องเคาะประตูก่อนด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินว่าเป็นพวกหล่อน ก็มีสีหน้าดีขึ้นมาหน่อย “เป็นพวกคุณเองเหรอ ฉันยังคิดอยู่เลยว่าทำเสร็จแล้วจะไปทักทายพวกคุณ ไม่คิดเลยว่าพวกคุณจะมาก่อน”
ถึงแม้ว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะไม่ชอบพวกเขา แต่คนมาถึงบ้านแล้วก็ควรมีมารยาท
“พวกเราเก็บของได้พอประมาณแล้ว ก็เลยอยากมาเยี่ยม” ยายเฒ่าพูดพลางเดินตามกลิ่นในกระทะของสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยสัมผัสได้ถึงสายตาของนาง ก็ยิ้มตาหยีตอบกลับ “คุณป้า ในครัวฉันกลิ่นแรง คุณไปนั่งด้านนอกก่อนเถอะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
โอ๊ยตายแล้ว มีเพื่อนบ้านแบบนี้เตรียมปวดหัวรอเลย ม่ายซุ่ยสู้ ๆ นะ
ฝีมือยัยบัวเน่าซูเจวียนเปล่าเนี่ย นี่ญาติ ๆ หลุมเดียวกับเธอใช่ไหม
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION