ตอนที่ 138 ดื่มมากจนกลายเป็นคนช่างพูด
หลินเซียวกับหลินฟานก็เป็นเด็กรู้ความ เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของแม่แล้วก็ตะโกนทันที “ขอบคุณครับป้าสะใภ้ใหญ่”
สะใภ้ใหญ่สวี่ยิ้มมีความสุขจนปากแทบฉีก “เด็กชายสองคนนี้ของครอบครัวเธอดีจริง ๆ นะ ไม่เหมือนกับเด็กในครอบครัวของฉันสักนิด”
หล่อนพูดพลางมองจวินจวินเป็นเชิงตำหนิ
สวี่ม่ายซุ่ยกลัวว่าหล่อนจะสร้างความกระทบกระเทือนจิตใจให้ลูก จึงรีบพูดว่า “พี่อย่าพูดแบบนั้นสิ จวินจวินออกจะเก่งขนาดนี้”
เมื่อเห็นว่าสะใภ้ใหญ่สวี่ยังอยากเอ่ยดูแคลนจวินจวินต่อไป เธอก็รีบเปลี่ยนประเด็น “พี่สะใภ้ ฉันจะไม่คุยกับพี่แล้ว เพราะเราจะต้องรีบไปขึ้นรถกลับแล้วน่ะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่พูดว่า “เธอจะรีบทำไม แม่ยังจะเอาของมาให้เธออยู่นะ”
“มันสายมากแล้วจริง ๆ ฝากพี่บอกแม่ด้วยนะ พวกเราจะกลับก่อนละ” หลังจากพูดจบแล้วทั้งครอบครัวก็รีบเดินจากไป
เมื่อแม่สวี่เก็บของและเดินออกมาก็ไม่เห็นพวกเธอแล้ว “น้องสาวของเธออยู่ไหน?”
“ไปแล้วค่ะ”
“ฉันไม่ได้บอกให้เธอมาหยุดพวกเขาไว้เหรอ? ทำไมยังปล่อยให้จากไปอีกล่ะ”
“ก็พวกเขารีบไปขึ้นเรือ ฉันจะหยุดยังไงล่ะคะ”
หลังจากได้ยินคำตอบแล้ว แม่สวี่ก็กลอกตาใส่อย่างขุ่นเคือง “ฉันคิดว่าเธอกลัวจะเสียของพวกนี้ต่างหาก”
พูดจบแล้วหล่อนก็หอบหิ้วของกลับเข้าบ้านด้วยความโกรธ
สะใภ้ใหญ่สวี่ถึงขั้นพูดไม่ออก จากนั้นหล่อนก็รีบวิ่งตามหลังไปและอธิบายว่า “แม่จะพูดแบบนั้นไม่ได้นะ ทำไมฉันต้องกลัวเสียของด้วยล่ะ ฉันเพิ่งให้ไข่เป็ดหนึ่งขวดโหลแก่พวกหล่อนโดยไม่ยอมเก็บไว้ให้พ่อแม่ของฉันด้วยซ้ำ”
แม่สวี่พูดว่า “เพราะเธอไม่ตั้งใจไม่ให้ หรือเพราะน้องชายของเธอเบื่อจะกินมันแล้วล่ะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่แทบจะเถียงไม่ออก “แม่ นี่เป็นเรื่องของจิตสำนึกต่างหาก ฉัน… ฉัน… ฉันก็ยังมีจิตสำนึกอยู่นะคะ!”
สวี่ม่ายเถียนดื่มเหล้าและนั่งงีบหลับอยู่ใต้ชายคา เมื่อเขาได้ยินบทสนทนานี้แล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นพลางพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณโง่หรือเปล่าเนี่ย คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่ของผมกำลังหยอกคุณอยู่น่ะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่เบะปาก “ทำไมฉันไม่รู้สึกว่ามันตลกเลยล่ะ”
เนื่องจากขากลับมีคนเยอะมาก เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ตอนขามา สวี่ม่ายซุ่ยจึงบอกให้หลินเจี้ยนเยี่ยเปลี่ยนใส่ชุดลำลองแทน
แต่ไม่คาดคิดว่าหลินเจี้ยนเยี่ยจะคัดค้านและยืนกรานที่จะสวมชุดทหารขึ้นรถ โดยบอกว่าเขาเป็นทหารและมีเกียรติ จะไม่มีวันปิดบังตัวตน เนื่องจากความรับผิดชอบของเขาคือการช่วยเหลือประชาชน
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็พึมพำแบบช่วยไม่ได้ “ก็คนแบบคุณนี่แหละที่ผลิตอันธพาลพวกนั้นออกมาเรื่อย ๆ น่ะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยเถียงข้าง ๆ คู ๆ ออกมา “ไม่ได้เป็นอันธพาลทุกคนหรอก ยังมีคนดี ๆ อยู่ด้วย คุณลืมไปแล้วเหรอว่าสหายเหลยเฟิง*[1]ปฏิบัติต่อประชาชนยังไง ท่านผู้นำยังสอนว่าเราควรเรียนรู้จากกรณีของเหลยเฟิง ครั้งล่าสุดที่คุณได้ร่วมฝึกทหาร คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างเนี่ย?”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่อยากได้ยินเขาพูดมาก เธอจึงอุ้มหลินฟานขึ้นมาแล้วกลอกตาเดินนำหน้าไป
เมื่อหลินเจี้ยนเยี่ยเห็นสวี่ม่ายซุ่ยตั้งใจเดินหนี เขาจึงพูดกับหลินเซียวทันที “ดูแม่ของลูกสิ หล่อนไม่มีจิตสำนึกเลย ลูกอย่าเลียนแบบเด็ดขาด”
หลินเซียวตอบด้วยความสงสัย “แต่ผมคิดว่าจิตสำนึกของแม่ไม่มีปัญหานะครับ”
“ไม่มีปัญหาธรรมดา ๆ นะ แต่มีปัญหาใหญ่มาก ลูกก็เห็นว่าแม่มีจิตวิญญาณแห่งการเอาชนะสูงมาก ถ้าไม่ได้นั่งก็จะยืนตลอดทางกลับบ้านไม่ได้”
“แต่ผมคิดว่าแม่ปกติดี การนั่งกลับบ้านย่อมสบายกว่ายืนแน่นอนสิครับ”
“ลูกน่ะถูกแม่ล้างสมองหมดแล้ว ทำให้พลอยไม่มีจิตสำนึกไปด้วย”
“พ่อครับ ถ้าคุณสมบัติพื้นฐานของการมีจิตสำนึกคือการทำให้ลูกชายของตนลำบาก ผมคิดว่าไม่มีจิตสำนึกจะดีกว่าครับ”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ทิ้งหลินเจี้ยนเยี่ยโดยการวิ่งออกไปหาสวี่ม่ายซุ่ยทันที
สวี่ม่ายซุ่ยก้มหน้ามองเขาพลางเอ่ยถาม “ลูกวิ่งมาตรงนี้ทำไม?”
หลินเซียวตอบว่า “พ่อพูดมากไปหน่อยครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วหัวเราะชอบใจ “ดูเหมือนว่าพ่อจะดื่มหนักเกินไปจริง ๆ”
หลินเซียว “เพราะเขาดื่มหนักเหรอครับ”
สวี่ม่ายซุ่ย “แล้วลูกเคยเห็นพ่อพูดมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไรล่ะ”
หลินเซียวได้ยินแบบนี้แล้วก็นิ่งคิด จากนั้นพูดว่า “ช่างเถอะ ผมเดินกลับไปหาพ่อดีกว่าครับ”
ขากลับก็เหมือนขามา คือสวี่ม่ายซุ่ยกับหลินฟานได้นั่ง ส่วนหลินเซียวกับหลินเจี้ยนเยี่ยยืน แต่คราวนี้ไม่เจอคนเอาเปรียบ
เดิมทีคิดว่าเมื่อกลับถึงบ้านแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยจะสร่างเมาลงบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าพลังการพูดมากจะยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนเกือบจะทำให้สวี่ม่ายซุ่ยรำคาญจนอกแตกตาย
“คุณภรรยา คุณภรรยาจ๋า! ช่วยรินน้ำให้ผมแก้วหนึ่ง” หลินเจี้ยนเยี่ยยืนพิงประตูและตะโกนบอกสวี่ม่ายซุ่ยที่เพิ่งล้างมือเสร็จ
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “คุณก็รินเองสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ผมรินเองไม่อร่อยเท่าคุณรินให้นี่นา”
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
“อะ ดื่มน้ำสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยรับแก้วน้ำมา จากนั้นก็ยิ้มหวานหยดให้สวี่ม่ายซุ่ยและยกดื่มหมดในคราวเดียว “ผมอยากดื่มอีก”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากไปรินน้ำให้เขาอีก และเธอต้องเดินกลับไปมาถึงห้ารอบกว่าเขาจะพอใจ
“ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายตัวก็ไปนอนก่อนเถอะ”
“ไม่รู้สึกเลยนะ คุณภรรยา ดึกขนาดนี้แล้วคุณยังจะซักผ้าอีกเหรอ?”
“คุณภรรยา คุณอยากกินแตงกวาไหม?”
“คุณภรรยา คุณอยากกินมะเขือเทศไหม?”
“คุณภรรยาจ๋า อยากดื่มน้ำไหม?”
“คุณภรรยาอยากจุดธูปหอมสักหน่อยไหม?”
“คุณภรรยา คุณ…”
สวี่ม่ายซุ่ยซึ่งกำลังจะไปเข้าห้องน้ำพลันหันหน้ามามองชายที่ส่งเสียงอื้ออึงอยู่ในหูของเธอ ทันใดนั้นเธอก็คว้ามะเขือเทศจากมือของเขาแล้วยัดใส่ปากเขาเลย “หุบปากซะ!”
“หลินเซียว! ออกมาเฝ้าพ่อไว้หน่อยสิ อย่าให้เขาตามแม่มานะ!”
เมื่อหลินเซียวได้ยินเสียงตะโกนเรียก เขาก็เปิดประตูทันทีแล้วโผล่แค่หัวออกมามอง “ไม่เอาครับ ผมเองก็ทนพ่อไม่ไหวเหมือนกัน แม่จัดการเองนะครับ”
พูดจบแล้วเขาก็ปิดประตูดังปังแบบไม่แยแส
จังหวะนี้หลินเจี้ยนจวินเดินเข้ามาพร้อมจอบที่แบกไว้ เนื่องจากช่วงนี้ในหมู่บ้านไม่ค่อยมีงานบัญชีมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นงานใช้แรงทั้งหมด หลินเจี้ยนจวินจึงมักจะไปทำงานแทนเธอ
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหลินเจี้ยนจวินเดินเข้ามาก็ไม่ต่างจากการเห็นแสงสว่างแห่งชีวิต เธอรีบกวักมือเรียกเขาด้วยความกระตือรือร้น “เจี้ยนจวินรีบมาทางนี้เร็ว”
หลินเจี้ยนจวินวางจอบลงแล้วไปล้างมือที่บ่อน้ำ จากนั้นเขาก็เดินเข้ามาพร้อมสีหน้างุนงง “พี่สะใภ้มีอะไรเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยยื่นมือออกไปผลักหลินเจี้ยนเยี่ยพลางพูดว่า “ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ นายคอยจับตามองพี่ชายไว้นะ”
หลินเจี้ยนจวินมองหลินเจี้ยนเยี่ยซึ่งเหมือนคนปกติมาก เขาจึงตะโกนถามสวี่ม่ายซุ่ยด้วยความสับสน “พี่สะใภ้ พี่ชายผมเป็นอะไรเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “อีกเดี๋ยวนายก็จะรู้”
แน่นอนว่าเมื่อเธอออกจากห้องน้ำ เธอก็ได้เห็นหลินเจี้ยนจวินมองเธอด้วยท่าทางสิ้นหวัง “พี่สะใภ้ พวกพี่กลับไปบ้านพ่อแม่ไม่ใช่เหรอ ทำไมพี่ชายของผมกลายเป็นงี้ล่ะ?”
“เขาดื่มหนักไปหน่อยน่ะ”
“อ้อ เพราะดื่มหนักนี่เอง ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่ชายถึงพูดมากขนาดนี้”
“เมื่อก่อนเขาไม่พูดมากเหรอ?”
“เมื่อก่อนนี้ผมไม่เคยเห็นเขาดื่มหนักเลย”
“แล้วเมื่อครู่นี้พี่ชายพูดอะไรกับนายบ้างล่ะ?” สวี่ม่ายซุ่ยเห็นสีหน้าหดหู่ของหลินเจี้ยนจวินแล้วจึงอดถามไม่ได้
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอก พี่สะใภ้เฝ้าพี่ชายต่อนะ ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว” พูดจบแล้วเขาก็เดินจากไปทันที
และทันทีที่ประตูห้องข้าง ๆ ปิดลง ประตูของห้องหลินเซียวก็เปิดออก และเขาก็กระซิบกับสวี่ม่ายซุ่ยว่า “แม่ครับ พ่อรู้สึกแย่ที่อาเล็กไม่เล่าเรื่องอาสะใภ้เล็กให้ฟัง แถมยังตำหนิอาเล็กด้วยครับ”
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
“เอาละ พวกลูกสองคนรีบเข้านอนนะ แม่จะพาพ่อกลับห้องแล้ว”
หลินเซียวตอบรับ “ครับ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยกลับถึงห้อง เธอก็จะช่วยถอดเสื้อผ้าให้หลินเจี้ยนเยี่ย แต่ทันใดนั้นเขาก็จับมือเธอไว้แน่นแล้วพูดเสียงแผ่ว “ผมทำเอง”
จากสภาพของเขาตอนนี้ ทำให้สวี่ม่ายซุ่ยไม่วางใจในตัวเขานัก “คุณไหวเหรอ?”
แต่ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เธอพูดจบ หลินเจี้ยนเยี่ยก็จับคางของเธอและบังคับให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา จากนั้นเขาก็ถามด้วยสีหน้าที่มีเสน่ห์ว่า “ผมทำไหวไหม คุณไม่รู้เลยเหรอ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยเห็นเขาเป็นแบบนี้แล้ว เธอก็เกิดความประหม่าจนไม่กล้ามองเขาตรง ๆ ได้แต่เบนสายตาไปมองทางอื่นเท่านั้น
[1] เหลยเฟิง เป็นบุคคลต้นแบบที่อุทิศตนเพื่อประชาชนแบบสุดหัวใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บทเรียนที่ได้จากการกลับบ้านแม่ครั้งนี้ – อย่าให้พี่เยี่ยดื่มเหล้าเด็ดขาด
หลินเซียวจะโตไปเป็นเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าใช่ไหมคะ ช็อตฟีลพ่อแรงมาก
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION