ตอนที่ 137 โอ๊ย แม่เบามือหน่อยครับ
แม่สวี่ตอบอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอะไรมากหรอก แค่เรื่องเจ้าเด็กวั่งเซิ่งคนนั้นรังแกจวินจวินน่ะ ไม่รู้ว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของแกรู้เรื่องแล้วจะโกรธขนาดไหน แต่การกลับมาของหล่อนวันนี้จะไม่กลับมาพร้อมคำว่าขาดทุนเด็ดขาด”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินคำอธิบายของแม่สวี่แล้วก็โล่งใจ เธอเงยหน้ามองเด็กทั้งสามคนแล้วพูดว่า “เข้ามาในบ้านด้วยกันหน่อยสิ พวกเธอทั้งสามคนน่ะ โดนคนรังแกแต่ไม่รู้วิธีปกป้องตัวเองบ้างเหรอ ไม่เห็นสภาพใบหน้าของพวกลูกหรือไง”
หลินเซียวพูดว่า “พวกเขามีเยอะมาก เราจะป้องกันยังไงล่ะครับ ยิ่งหลบมากเท่าไรก็ยิ่งโดนมากขึ้นเท่านั้น”
“ลูกก็รู้ดีนี่ มาสิ แม่จะทำแผลให้” สวี่ม่ายซุ่ยหยิบสำลีก้อน ทิงเจอร์ไอโอดีน และแหนบจากลิ้นชักพลางพูดกับเขา
หลินเซียวมองเธอด้วยสายตาต่อต้าน “แม่ครับ แม่ทำเป็นเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ก็แค่ฆ่าเชื้อแผลจะต้องใช้ความสามารถอะไรนักล่ะ รีบมานี่สิ”
เมื่อเห็นท่าทางไม่อดทนของแม่แล้ว หลินเซียวก็เดินเข้ามาและพูดว่า “แม่ต้องเบามือหน่อยนะครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยจุ่มก้อนสำลีกับทิงเจอร์ไอโอดีนแล้วทาบนใบหน้าของลูกชายพลางเอ่ย “ลูกอย่าดิ้นก็พอ แม่จะทำเบา ๆ แต่ถ้ายิ่งขยับก็จะยิ่งเจ็บนะ”
“ผมจะไม่… โอ๊ย…” หลินเซียวอุทานแล้วอดสูดหายใจเข้าแรง ๆ ไม่ได้
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ลูกอย่าตื่นเต้น แม่จะเบามือแน่นอน”
แค่ทำแผลให้เด็ก ๆ ทั้งสามคนนี้ สวี่ม่ายซุ่ยก็เสียเวลาไปมากกว่าครึ่งชั่วโมงกว่าจะเสร็จ
เธอมองหลานชายซึ่งนั่งเงียบขรึมอยู่ข้าง ๆ พร้อมทั้งประสานมือกันแน่น จึงถามเขาแบบสบาย ๆ ว่า “จวินจวิน วันนี้หลานได้ต่อสู้กับคนอื่นแล้วรู้สึกยังไง?”
สวี่จวิ้นเงยหน้าขึ้นมองสวี่ม่ายซุ่ย เขาเงียบไปสักพักก่อนจะตอบว่า “มันเยี่ยมมากเลยครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “งั้นถ้าครั้งต่อไปมีคนรังแกอีก พวกลูกควรทำยังไง?”
หลินฟานตอบโดยไม่ต้องคิด “จะทำอะไรได้อีกล่ะครับ ก็กลับมาบอกพี่ชายของผมไง”
สวี่ม่ายซุ่ยสูดหายใจเข้าลึก ๆ และพูดแบบหมดหนทาง “ถ้าลูกสองคนมีปีก ถึงจะบินมาฟ้องได้ทันเวลาน่ะนะ”
หลินฟาน “นั่นสิครับ แต่ความจริงคือเราสองคนไม่มีปีก”
สวี่จวิ้นที่เงียบไปครู่หนึ่งก็ตอบว่า “ถ้าพวกเขารังแกผม ผมก็จะสู้กลับ”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลานชายก็มีพลังขึ้นมา สวี่ม่ายซุ่ยจึงยกมือลูบหัวของเขาพลางเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “อืม ทำถูกแล้วล่ะ”
“ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชายของตระกูลสวี่ จงอย่าสร้างปัญหาและอย่ากลัวปัญหา”
หลินเซียวพูดว่า “ถ้ามาเรียกฉันไม่ทันจริง ๆ นายแค่จดชื่อคนทำไว้ในสมุด แล้วฉันจะไปล้างแค้นให้นายเอง”
ดวงตาของสวี่ม่ายซุ่ยเบิกกว้าง “ลูกมุ่งมั่นเกินไปไหม ทำราวกับว่ามาที่นี่ทุกครั้ง ลูกก็จะมีเรื่องทะเลาะทุกครั้งน่ะ”
หลินเซียวตอบว่า “ผมไม่ได้จะทำแบบนั้นหรอกครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ลูกจะทำแน่”
ขณะที่พูด สะใภ้ใหญ่สวี่ก็เดินเข้ามาด้วยความกระตือรือร้น ทันทีที่หล่อนมาถึงก็หยิบชาสมุนไพรบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียว
หลินฟานรีบวิ่งไปหาและเงยหน้าถามด้วยความสงสัย “ป้าสะใภ้ใหญ่ เป็นยังไงบ้างครับ?”
สะใภ้ใหญ่สวี่ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดปาก แล้วตอบด้วยความตื่นเต้น “ดีใจจัง ฉันไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว”
“ฉัน!… หลิวจาวตี้คนนี้ชอบเอาชนะมาทั้งชีวิต ไม่เคยเผชิญกับการขาดทุนแบบนี้มาก่อน ในที่สุดฉันก็พลิกกลับมาเอาชนะได้ ถ้าฉันไม่ด่าหล่อนชนิดดุเดือดเลือดพล่าน ฉันก็ไม่ใช่หลิวจาวตี้แล้วล่ะ”
หลินฟานรีบพูดยกย่องทันที “ป้าสะใภ้ใหญ่สุดยอดมาก ๆ เลยครับ”
สะใภ้ใหญ่สวี่พูดว่า “ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพวกหลานนะ ถ้าในวันข้างหน้าว่างก็มาอีก จะได้ช่วยสอนญาติผู้พี่ด้วย”
“หลานก็เห็นว่าฉันกับลุงใหญ่ไม่ใช่คนขี้ขลาด แล้วทำไมญาติผู้พี่ถึงขี้ขลาดแบบนี้ล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปที่สวี่จวิ้นซึ่งไม่ค่อยพูดมาก เธอคิดว่าเป็นเพราะพ่อแม่มีพลังมากเกินไป จึงทำให้ลูกถูกกดดันแบบนี้
“จวินจวิน ถ้ามีวันหยุดก็ไปอยู่ที่บ้านอาหญิงสักสองสามวันเถอะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่ได้ยินแล้วก็เห็นด้วย “เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ เมื่อถึงเวลานั้นก็ให้น้องเขยสอนวิชาป้องกันตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เขา จะได้ไม่ถูกรังแกง่าย ๆ อีก”
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
สะใภ้ใหญ่สวี่นั่งพักผ่อนสักครู่ จากนั้นก็ตบต้นขาแล้วยืนขึ้นพลางเอ่ย “พวกหลานเล่นกันที่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอาไข่เป็ด”
หลังจากนั้นหล่อนก็เดินออกไปทันที
สวี่ม่ายซุ่ยเหลือบมองตามแผ่นหลังของสะใภ้ใหญ่สวี่และพูดกับหลินเซียวว่า “ลูกไปดูสิว่าพ่อกินข้าวเสร็จหรือยัง?”
“ครับ” เมื่อรับคำสั่งแล้วเขาก็วิ่งออกไปราวกับลมพัด
หลังจากนั้นไม่นานหลินเซียวก็วิ่งกลับมารายงานว่า “แม่ครับ พวกพ่อกินเสร็จแล้ว พ่อถามว่าแม่ล่ะเสร็จแล้วเหรอ? ถ้าเสร็จแล้วเราจะได้กลับกันครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “กลับกันได้เลย”
เมื่อพวกเธอเดินออกมา พวกหลินเจี้ยนเยี่ยก็เดินออกมาขณะคุยกับลุงใหญ่สวี่ไปด้วย
ตอนนี้ลุงใหญ่สวี่มีสีหน้าแดงปลั่งและการก้าวเดินของเขาก็ดูไม่มั่นคง มองแวบแรกก็รู้ว่าดื่มหนัก
ลูกชายคนเล็กของลุงใหญ่สวี่คอยช่วยประคองเขาไว้ด้วยสีหน้ากังวล
“เจี้ยนเยี่ย กลับไปแล้วก็ทำให้ดีที่สุดนะ ตระกูลสวี่ของเรากำลังหวังพึ่งนายอยู่” ลุงใหญ่สวี่พูดกับหลินเจี้ยนเยี่ยพลางเรอกลิ่นเหล้าออกมา
หลินเจี้ยนเยี่ยยิ้มและตอบรับ “ไม่ต้องกังวลนะครับ ผมจะทำหน้าที่ให้ดีแน่นอน”
ลูกชายของลุงใหญ่สวี่เห็นว่าพ่ออยากจะต่อบทสนทนาอีกครั้ง จึงรีบพูดว่า “พ่อหยุดพูดเถอะ พี่เจี้ยนเยี่ยเป็นผู้บังคับการ เขาย่อมเข้าใจดี ยังต้องให้พ่อสอนอีกเหรอ”
เมื่อลุงใหญ่สวี่ได้ยินแบบนี้แล้ว เขาก็หันขวับมามองลูกชายพร้อมกับเสียงเรอ จากนั้นก็ยกมือตบหัวแล้วพูดว่า “สมองของฉันนี่นะ เมื่อฉันแก่ตัวลงแล้วก็ไร้ประโยชน์จริง ๆ”
“ทุกคนคุยกันไปเถอะนะ ฉันต้องกลับไปนอนแล้ว” พูดจบแล้วเขาก็เดินโซเซออกไป
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นแบบนี้จึงรีบเดินไปช่วยประคอง แต่ลูกชายของลุงใหญ่สวี่จับเขาไว้ก่อนและพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เจี้ยนเยี่ย พวกพี่คุยกันไปเถอะนะ พวกเราจะออกไปก่อน”
เมื่อพูดจบแล้วเขาก็ประคองลุงใหญ่สวี่และเดินนำพวกป้าสะใภ้ใหญ่สวี่ออกไป
จากนั้นอาสามสวี่ก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าแดงก่ำไม่แพ้กันเพื่อกล่าวคำอำลา และทันใดนั้นก็เหลือแค่พวกเธอที่บ้าน
สวี่ม่ายซุ่ยเดินไปหาหลินเจี้ยนเยี่ยและกระตุกชายเสื้อของเขาพลางเอ่ย “คุณยังไหวไหม?”
ดวงตาของหลินเจี้ยนเยี่ยไม่แจ่มใสเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนลงกว่าเดิมมาก เขาจับมือของสวี่ม่ายซุ่ยโดยใช้นิ้วหัวแม่มือลูบหลังมือของเธอพลางเอ่ย “ไหวสิ ผมไม่ได้เมา”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “งั้นเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานอีก”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบรับ “ตกลง”
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปหาแม่สวี่ที่กำลังจัดของในห้องแล้วตะโกนบอกว่า “แม่คะ ไม่รบกวนเวลาพวกแม่แล้ว พวกเรากลับก่อนนะคะ”
ทันทีที่แม่สวี่ได้ยินแล้ว หล่อนก็รีบออกจากห้องโดยไม่มีเวลาวางตะเกียบในมือด้วยซ้ำ “เพิ่งกินข้าวเสร็จก็จะกลับแล้วเหรอ ไม่นั่งเล่นก่อนเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “มันเริ่มสายแล้วค่ะ ถ้าสายเกินไปก็จะไม่มีเรือ และพรุ่งนี้เจี้ยนเยี่ยจะต้องไปทำงานด้วย”
แม่สวี่รู้ลักษณะงานของหลินเจี้ยนเยี่ยดี หลังจากได้ยินแบบนี้แล้วหล่อนก็ไม่ได้พยายามที่จะโน้มน้าวไว้อีกต่อไป หันหลังแล้วเดินเข้าไปในบ้านพลางพูดว่า “งั้นก็รอหน่อย เดี๋ยวเอาของกลับไปด้วย”
หลินเจี้ยนเยี่ยกระซิบบอก “รีบบอกแม่ว่าไม่ต้องเอามาสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ตะโกนเสียงดังว่า “แม่อย่าลำบากเลยค่ะ พวกเรากลับนะคะ” หลังจากนั้นเธอก็จูงมือหลินเซียวกับหลินฟานออกไปทันที
ทันทีที่พวกเธอเดินไปถึงประตูก็เห็นสะใภ้ใหญ่สวี่รีบวิ่งมาหาพร้อมกับขวดโหลใบหนึ่ง “พวกเธอรอก่อนสิ!”
สวี่ม่ายซุ่ยหยุดฝีเท้าและหันหลังมองกลับไป สะใภ้ใหญ่สวี่ตามมาถึงพร้อมขวดโหลในมือพอดี “เอาไข่เป็ดนี้กลับไปด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก กว่าพี่จะเก็บได้นะ พวกพี่เก็บไว้กินเองเถอะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่ยัดขวดโหลใส่มือของสวี่ม่ายซุ่ยแรง ๆ แล้วพูดว่า “ที่บ้านยังมีของกินเยอะแยะ หลินเซียวกับหลินฟานชอบกินไข่เป็ด พวกเธอนำไปด้วยเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยยังอยากจะปฏิเสธ แต่ได้ยินสะใภ้ใหญ่สวี่พูดว่า “เธอกำลังดูถูกพี่สะใภ้เหรอ แม้แต่ไข่เป็ดก็ไม่ยอมรับไว้ด้วยซ้ำ ทั้งที่ฉันไม่ได้ให้เธอ ฉันมอบให้หลานชายต่างหากล่ะ”
เมื่อเห็นสีหน้าที่จริงใจของสะใภ้ใหญ่สวี่แล้ว สวี่ม่ายซุ่ยจึงตอบรับ “ก็ได้ งั้นฉันจะรับไว้ ทำไมลูกสองคนไม่รีบขอบคุณป้าสะใภ้ใหญ่ล่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หลินเซียวนี่เปรี้ยวได้ใครกันนะ ถึงขั้นจดรายชื่อลงแบล็กลิสต์เลย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION