ตอนที่ 135 ครอบครัวใหญ่รวมตัว
สวี่ม่ายซุ่ยมองผักบนเขียงในห้องครัว ถามอย่างประหลาดใจ “แม่ เรามีกันแค่ไม่กี่คน แม่ทำกับข้าวเยอะขนาดนี้ทำไม กินไหวเหรอ?”
แม่สวี่หั่นผัก ตอบกลับโดยไม่หันมามอง “กินไหวสิ นอกจากพวกเรา ยังมีพวกของปู่ใหญ่อีกนะ”
“พวกเขาก็มาด้วย? บอกว่าจะมาตั้งแต่ตอนไหน ทำไมฉันไม่รู้ล่ะคะ”
“เพิ่งบอกไป พ่อแกบอกว่ากว่าเจี้ยนเยี่ยจะมาทีไม่ง่าย เลยเรียกปู่ใหญ่กับบ้านอาแกมาจะได้คึกคัก”
สวี่ม่ายซุ่ย “แล้วมีที่นั่งพอเหรอคะ?”
แม่สวี่ยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก “ถ้าโต๊ะหนึ่งนั่งไม่พอก็จัดสองโต๊ะ แกอย่ามายุ่งตรงนี้เลย ไปดูซะว่าผัดอะไรได้บ้าง แกก็ไปผัดก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปรอบ ๆ พับแขนเสื้อขึ้นพลางพูด “ของพวกนี้มันกล้วย ๆ เลยไม่ใช่เหรอ”
แม่สวี่เห็นว่าเธอจะลงมือ ก็รีบเอาผักในมือไปล้างแล้วเดินมาพูดว่า “งั้นฉันไปก่อไฟให้แกก่อน”
และแล้วสามแม่ลูกก็ยุ่งกันอย่างครึกครื้นขึ้นมา พอผัดกับข้าวได้มากพอสมควร ปู่สวี่กับอาสามก็พาครอบครัวมาแล้ว
ครั้นเข้ามาในลานบ้าน อาสะใภ้สามสวี่ก็พาลูกสะใภ้หล่อนวิ่งเข้าครัวมา “สะใภ้รอง ผัดไปได้กี่อย่างแล้ว”
แม่สวี่ที่เดิมทีกำลังหั่นผัก ได้ยินคำพูดนี้ก็ทุบเอว “ม่ายซุ่ยผัดไปกี่อย่างแล้ว?”
สวี่ม่ายซุ่ยผัดไปพลางนึก “หกอย่างแล้วค่ะ”
สะใภ้สามสวี่ “นี่มันไม่น้อยแล้ว มานี่ม่ายซุ่ย เธอไม่ต้องทำแล้ว ฉันผัดเอง เธอไปดื่มไป”
หล่อนพูดเตรียมลงมือ รับตะหลิวจากมือสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยหลบไปด้านข้าง “อาสะใภ้ ให้ฉันทำก็ได้ค่ะ อย่าให้ถึงมืออาเลย”
“เธอนี่นะ เมื่อครู่ฉันที่ไม่ได้มา เธอเลยต้องช่วยแม่เธอ ตอนนี้ฉันมาแล้ว จะให้เธอทำได้ไง ลืมแล้วเหรอว่าวันนี้เธอเป็นแขกผู้มีเกียรติของงานนี้น่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มตอบกลับ “แขกผู้มีเกียรติอะไรกัน ไม่ใช่คู่แต่งงานใหม่มาสักหน่อยค่ะ”
อาสะใภ้สามสวี่ตอบอย่างจริงจัง “ยังไงก็ไม่ได้”
ครั้นเห็นว่าเถียงไม่ชนะอาสะใภ้สาม สวี่ม่ายซุ่ยก็ทำได้แค่ส่งสายตาของความช่วยเหลือจากแม่ของตน
แม่สวี่ “ในเมื่ออาสะใภ้สามแกไม่ให้แกทำ แกก็ฟังอาสะใภ้สามแกเถอะ”
เมื่อหมดหนทาง สวี่ม่ายซุ่ยจึงทำได้แค่ส่งตะหลิวให้อาสะใภ้สาม เวลานี้ป้าใหญ่สวี่ก็มาช่วยด้วย พอสวี่ม่ายซุ่ยเห็นว่าห้องครัวไม่เหลืออะไรให้ตนทำก็ออกไปดูลูก
ไม่นานก็เห็นแม่เธอเดินเช็ดมือออกมาจากครัว “เหล่าสวี่เธอไม่ต้องทำแล้ว รีบไปเตรียมกินข้าวเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยหันมาถามอย่างสงสัย “ยังผัดกับข้าวไม่เสร็จไม่ใช่เหรอคะ?”
แม่สวี่ “ผัดไปกินไปดีกว่า ไม่งั้นอีกเดี๋ยวกับข้าวเย็นหมด”
ฝั่งพวกเธอปีใหม่ทีก็มีแต่ญาติผู้ชายที่กินไปเอากับข้าวขึ้นโต๊ะไป ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงที่ผัดข้าว ผู้ชายกินก่อน
พ่อสวี่ได้ฟังก็จัดการคนให้นั่ง แม้อาสะใภ้สามจะบอกว่าพวกเธอเป็นแขกผู้มีเกียรติ แต่ตำแหน่งที่นั่งหัวโต๊ะกลับไม่ใช่ของหลินเจี้ยนเยี่ย ตอนแต่งงานกลับมาบ้านแม่เขาเคยได้นั่งไปแล้วรอบหนึ่ง ทว่าตอนนี้ต่อให้เขาเป็นแขกผู้มีเกียรติก็วนมาไม่ถึง
ปู่สวี่นั่งหัวโต๊ะ พ่อสวี่นั่งเป็นเพื่อนอยู่ด้านข้าง อาสวี่สามนั่งด้านข้างพ่อสวี่ สวี่ม่ายเถียนนั่งด้านข้างปู่สวี่ หลินเจี้ยนเยี่ยนั่งใกล้สวี่ม่ายเถียน พี่น้องฝั่งแม่ที่เหลือก็นั่งกันตามสบาย ตรงไหนว่างก็นั่งตรงนั้น
สาวน้อยวัยสิบสามบ้านสะใภ้สามเห็นที่โต๊ะมีแต่ผู้ชาย ก็หันกายวิ่งไปด้านนอก “พี่สาว”
สวี่ม่ายซุ่ยจับหล่อนไว้ ถามอย่างสงสัย “เป็นอะไร?”
น้องสาว “ที่โต๊ะมีแต่ผู้ชาย ฉันไม่อยากร่วมโต๊ะกับพวกเขาค่ะ”
“อืม งั้นให้พวกเขากินก่อน อีกเดี๋ยวเราแยกมาเปิดโต๊ะเดี่ยว”
ครั้นผัดกับข้าวเสร็จ ผู้หญิงอย่างพวกเธอกับเด็ก ๆ ก็แยกเปิดโต๊ะเดี่ยวอีกโต๊ะ แม้ว่าพวกเธอจะกินกันล่าช้าไปหน่อย แต่กับข้าวดี ๆ ร้อน ๆ ก็อยู่บนโต๊ะหมด ผู้หญิงไม่กี่คนพูดคุยหัวเราะกันอย่างผ่อนคลายสบายใจทั้งที่ไม่ดื่มเหล้า
เพราะผู้ชายฝั่งนั้นดื่มเหล้ากันหมด กระทั่งฝั่งพวกเธอกินเสร็จ พวกเขาก็ยังดื่มต่อ สวี่ม่ายซุ่ยจึงให้พวกหลินเซียวออกไปเล่นกันสองคน ด้านตัวเองก็เดินไปทางหลินเจี้ยนเยี่ย
รู้สึกได้ว่าเธอมา หลินเจี้ยนเยี่ยก็เงยมองเธอด้วยอาการเมากรึ่ม
“เป็นไงบ้าง ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องดื่มแล้วนะคะ” สวี่ม่ายซุ่ยมองเหล้าครึ่งแก้วในมือของหลินเจี้ยนเยี่ย พลางถามอย่างกังวล
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสวี่ม่ายซุ่ยยิ้มปลอบโยนว่า “ยังไหวอยู่ หลินเซียวกับหลินฟานล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ออกไปเล่นแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยม “อืม คุณไปนั่งเป็นเพื่อนแม่ไป ทางผมพูดคุยอีกหน่อยก็เสร็จแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ ถ้าคุณไม่ไหวก็บอกพ่อนะคะ”
หลินเจี้ยนเยี่ย “อืม”
สวี่ม่ายซุ่ยกำชับเขาเสร็จก็ออกไปคุยเป็นเพื่อนแม่สวี่ “แม่ ช่วงนี้พี่สาวรองได้กลับมาไหม?”
แม่สวี่ฟังจบก็ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “กลับกับผีน่ะสิ หล่อนง่วนแต่ทำบัญชีนั่น ไม่รู้ยุ่งอะไรนักหนา ตัดใจกลับมาได้ที่ไหน”
สวี่ม่ายลี่คือคนที่เหมือนแม่สวี่มากที่สุดในบ้าน นิสัยฉุนเฉียวปากร้าย แต่ดันเจอบ้านสามีแบบนั้นเข้าไป แม่สามีร่างกายอ่อนแอนิดหน่อยทำงานไม่ไหวต้องให้คนปรนนิบัติ สามีขับรถประสบอุบัติเหตุจนขาพิการ ในบ้านยังมีเด็กโตอยู่ห้าคน หล่อนเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เป็นที่พึ่งของบ้าน วัน ๆ จึงคิดแต่หาเงินแทบไม่มีเวลาว่างมาคิดเรื่องอื่น
สวี่ม่ายซุ่ย “รอวันไหนฉันมีเวลาว่างจะไปเยี่ยมพี่สาวรองนะคะ”
สวี่ม่ายซุ่ยถอนหายใจเบา ๆ “แกควรไปเยี่ยม เมื่อก่อนพี่สาวรองแกเอ็นดูแกที่สุดแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม ทำงานครั้งนี้เสร็จแล้วจะไปค่ะ ถ้าลูกพี่ใหญ่ฉันแต่งงาน พี่รองจะมาไหมคะ?”
แม่สวี่ “หล่อนมาแน่ ต่อให้ใช้ชีวิตยากลำบากก็ต้องไปงานของญาติคนนี้ให้ได้ หล่อนรู้ดีอยู่แล้ว”
ขณะฝั่งผู้ใหญ่ทางนี้พูดกันสนุกสนาน ฝั่งเด็ก ๆ กลับตึงเครียด
จวินจวินบ้านสะใภ้ใหญ่สวี่พาหลินเซียวกับหลินฟานไปเล่นทรายด้านนอก ก็เห็นว่าจู่ ๆ ด้านนอกมีเด็กผู้ชายสองสามคนโผล่มาผลักจวินจวินล้มลงไปบนพื้น พูดเสียงดังว่า “สวี่จวิ้นใครใช้ให้แกมาเล่นตรงนี้?”
ลูกชายบ้านสะใภ้ใหญ่สวี่ชื่อเล่นคือ จวินจวิน ชื่อจริงคือ สวี่จวิ้น
สวี่จวิ้นถูกผลักล้มลงก็ไม่ร้อง คลานขึ้นมามองมือตัวเองเห็นรอยถลอกก็พาหลินเซียวกับหลินฟานจากไป
หลินเซียวกับหลินฟานล้วนเป็นอันธพาลน้อยบนเกาะ มองแวบเดียวก็ไม่พอใจแล้ว “จวินจวิน ทรายนี้เป็นของบ้านพวกเขาใช่ไหม”
สวี่จวิ้นส่ายหน้า “ไม่ใช่”
หลินเซียวได้ฟังก็พลันมีสีหน้าบึ้งตึง เดินตรงไปผลักเด็กคนนั้น “ไม่ใช่ของบ้านพวกนายสักหน่อย แล้วนายจะปกป้องอะไร”
เด็กชายรังแกสวี่จวิ้นจนติดเป็นนิสัย พอเห็นคนหนุนหลังเขาก็โกรธขึ้นมา “นายเป็นใคร! นี่มันเขตฉัน ฉันไม่ให้เขาเล่น เขาก็เล่นไม่ได้”
หลินเซียวฟังจบก็หันมาถามสวี่จวิ้น “จวินจวิน เขารังแกนายบ่อยใช่ไหม”
สวี่จวิ้นพยักหน้าเงียบ ๆ
เด็กชายเห็นหลินเซียวถามขนาดนี้ก็หัวเราะเยาะทันที “วัน ๆ ฉันก็รังแกเขานั่นแหละ นายคิดยังไง ไปหนุนหลังเขา นายเป็นใครกัน!”
หลินเซียวเด็กคนนี้รับคำยั่วยุคนอื่นไม่ได้ ต่อยออกไปทันที “ฉันให้แกรังแกเขาเหรอ”
เด็กชายไม่ทันระวังถูกหลินเซียวต่อยจมูก เห็นเลือดในมือก็ตะโกนเสียงดัง “ไปต่อยมัน!”
พวกเขามีกันห้าหกคน พวกหลินเซียวมีแค่สาม โดยที่หลินฟานกับสวี่จวิ้นมองอยู่ด้านข้าง หลินฟานเห็นแบบนี้ก็ร้อนรนทันที “พี่ใหญ่ พวกเขา… ใครรังแกพี่มากสุด”
สวี่จวิ้นชี้ไปที่เด็กชายที่ใส่ชุดดำอย่างเปิดเผยพลางพูด “เขารังแกมากสุด”
หลินฟานได้ฟังก็กระโจนใส่เขา กระโจนไปร้องตะโกนไป “พี่! พี่! ต่อยเขา… เขารังแกพี่ชายมากสุด!”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มันช่างเหมือนกับบ้านเราเลย ผู้ชายกินก่อน ผู้หญิงทำครัวแล้วก็กินทีหลัง แถมกินเสร็จยังต้องเก็บกวาดจานชามไปล้างด้วย ในขณะที่บรรดาผู้ชายนั่งเล่นเกมดูทีวี
เด็ก ๆ จะต่อยตีกันแล้ว ผู้ใหญ่มาช่วยไกล่เกลี่ยเร็ว
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION