ตอนที่ 131 ออกจากบ้านกับหลินเจี้ยนเยี่ย
“ช่วงนี้ทะเลไม่ค่อยสงบคุณก็รู้ พวกเหล่าซุน เหล่าหลี่ต่างลอยอยู่ข้างนอกนั่น มีแค่ฉันกับเหล่าหลิวที่อยู่นี่ เหล่าหลิวสภาพเป็นยังไงใช่ว่าคุณไม่รู้ ถ้าผมอยู่นี่แล้วไม่ออกไป เกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง ผู้ใหญ่ไม่อยู่แล้วผู้น้อยจะทำอะไรได้”
“อีกอย่างผมเชื่อว่าคุณมีความสามารถในการจัดการเรื่องนี้ ดูสิว่าวันนี้คุณทำได้งดงามแค่ไหน ไม่เพียงแค่ไล่ยายเฒ่าออกไป แต่ยังลากเจี้ยนจวินออกมาจากขุมนรกนั่นด้วย คุณไปดูได้เลยว่าตอนนี้ใครไม่ชมคุณว่าเก่งกาจบ้าง”
สวี่ม่ายซุ่ย “เก่งกาจแล้วมีประโยชน์อะไร ก็ยังโดนคนมาทำร้ายได้อยู่ดี”
หลินเจี้ยนเยี่ยจับแก้มสวี่ม่ายซุ่ยอย่างรักใคร่ “เรื่องนี้ผมคิดไม่ถึงเอง คุณวางใจได้ ผมจะต้องแก้แค้นให้คุณแน่”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกเขาไปหมดแล้ว คุณจะแก้แค้นแทนฉันยังไง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยเข้าไปกระซิบสวี่ม่ายซุ่ย “จุดธูปด่าเขาเป็นยังไงบ้าง”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไสหัวไปไกล ๆ เลยได้ไหม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสีหน้าเดือดจัดของสวี่ม่ายซุ่ยแล้วก็เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ไม่โกรธแล้วเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ใครบอกว่าฉันไม่โกรธ ฉันโกรธแทบตายอยู่แล้วเนี่ย พอคิดถึงสีหน้าวาจาอันโสโครกของคนบ้านคุณทีไร ฉันก็แทบจะสำรอกข้าวเย็นเมื่อวานออกมาจนหมดไส้หมดพุง”
“อีกอย่างฉันยังรู้สึกผิดกับพวกพี่ชายฉันด้วย พี่ใหญ่มาตั้งไกล ข้าวยังไม่ทันได้กินก็กลับไปแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยเป็นผู้ใหญ่พอที่จะไม่เชื่อว่าทางบ้านพวกพี่ใหญ่จะมีงานยุ่งมากจนปลีกตัวมากินข้าวกับบ้านเธอไม่ได้ เขาคงจะรู้สึกว่าคนทางบ้านเขาที่มาครั้งนี้มีหลายคน เกรงว่าหลินเจี้ยนเยี่ยที่ได้รับการจัดสรรปันส่วนอาหารจะมีอาหารไม่พอเลี้ยงพวกเขา ถึงได้ตัดสินใจจากไป
หลินเจี้ยนเยี่ยฟังจบแล้วก็ใจกระตุก “เรากลับไปช่วงสองสามวันนี้เป็นไง?”
สวี่ม่ายซุ่ย “เหตุการณ์ในทะเลไม่สงบแล้วคุณจะไปด้วยได้เหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “ยังพอมีว่างอยู่วันหนึ่ง ในบ้านยังมีเงินไหม?”
“คุณจะเอาไปทำอะไร?”
“ไม่ได้ทำอะไร ในเมื่อจะกลับบ้านก็ต้องเตรียมของไปหน่อยสิ ไปมือเปล่าไม่ได้หรอกมั้ง?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินว่าจะซื้อของไปเยี่ยมบ้านเธอก็กระตือรือร้นขึ้นมาทันที “เรื่องนี้ไม่ต้องให้คุณจัดการหรอก ฉันจะไปซื้อเอง”
เห็นเธอกลับมาร่าเริงอีกครั้ง หลินเจี้ยนเยี่ยก็ซบหน้ากับลำคอของเธอ “ดีแล้ว ไม่โกรธก็ดีแล้วละ”
พริบตาเดียวก็ถึงวันหยุดของหลินเจี้ยนเยี่ย ทั้งครอบครัวตื่นแต่เช้าตรู่และเริ่มเก็บข้าวของ
“แม่ ๆ แม่เอาเสื้อผ้าใหม่ผมไปวางไว้ไหนแล้ว” หลินเซียวร้องตะโกนขณะเปลือยท่อนบนวิ่งออกมา
สวี่ม่ายซุ่ย “ก็อยู่ในตู้ไม่ใช่เหรอ ลูกหาดี ๆ”
“ผมหาแล้ว หาไม่เจอ”
สวี่ม่ายซุ่ยที่เดิมทีเก็บของพลันถอนหายใจยาวหลังได้ยินดังนั้น ก่อนเร่งฝีเท้าไปห้องพวกเขา เดินไปถึงหน้าตู้เปิดสองฝั่ง ก็ค้นชุดสีฟ้าจากด้านล่างสุดขึ้นมา “ก็อยู่นี่ไม่ใช่เหรอ ลูกหายังไง”
“แม่วางไว้ลึกไป ผมมองไม่เห็น”
“ลูกน่ะเหรอมองไม่เห็น ลูกแค่ไม่หาให้ดีต่างหาก”
“เสี่ยวฟานมานี่ แม่จะใส่ให้ลูกเอง” เวลานี้หลินฟานกำลังดิ้นรนต่อสู้กับกางเกงอยู่บนเตียง ครั้นได้ยินคำพูดสวี่ม่ายซุ่ยก็จับกางเกงขึ้นและวิ่งมาทันที
สวี่ม่ายซุ่ยเอื้อมมือไปดึงกางเกง แล้วก็จัดเสื้อผ้าให้เขา ตบก้นเขาพลางพูด “ลงมา เอารองเท้าไปใส่” พูดจบก็เดินไปด้านนอก
เวลานี้หลินเจี้ยนเยี่ยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว เขากลัดดุมคอเสื้อพลางถาม “ชุดนี้ของผมเป็นไงบ้าง?”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเขาก็ย้อนถามอย่างจริงจัง “ชุดนี้ของคุณต่างกับที่คุณใส่ตามปกติด้วยเหรอ?”
กระทั่งไปหาญาติ ชุดที่หลินเจี้ยนเยี่ยใส่ก็ยังเป็นเครื่องแบบทหาร ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบไปจากเดิมแม้แต่น้อย
หลินเจี้ยนเยี่ย “ดูไม่ดีเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ดูดี”
“แค่ดูดีก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ย “คุณมีชุดลำลองอยู่ไม่ใช่เหรอ? ไม่ได้ไปประชุมด้วยซ้ำ ใส่ชุดลำลองไม่ได้เหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “งั้นเดี๋ยวผมเปลี่ยนเป็นชุดลำลอง”
เพิ่งจะพูดออกมาก็เห็นหลินเซียวเดินพรวดออกมาจากห้อง ปฏิเสธว่า “ไม่ได้”
“คุณยายบอกว่าพ่อใส่แบบนี้แล้วดูมีหน้ามีตา”
หลินเจี้ยนเยี่ยได้ยินว่าคุณแม่สวี่พูดดังนั้นก็ยืนยันคำเดิม “งั้นไม่เปลี่ยนแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยเบะปาก ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลังเก็บของเสร็จแล้ว ครอบครัวสี่คนก็นั่งเรือขึ้นฝั่งเข้าเมือง ทันทีที่ถึงสถานีรถโดยสาร สวี่ม่ายซุ่ยก็ค่อย ๆ จูงหลินฟานให้ห่างจากสองพ่อลูก หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นสวี่ม่ายซุ่ยที่ห่างเขาไปไกลก็ถามด้วยความสงสัย คุณมายืนใกล้ ๆ หน่อย ไปยืนไกล ๆ ทำไม?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบกลับอย่างมีลับลมคมใน “อีกเดี๋ยวคุณก็รู้เอง”
ผ่านไปประมาณสิบนาทีได้ก็เห็นคนที่มารอรถยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ หลินเจี้ยนเยี่ยที่เดิมทียืนอยู่ด้านหน้าก็โดนเบียดมาด้านหลังโดยไม่รู้ตัว
หลินเจี้ยนเยี่ยมองตัวเองที่ยิ่งห่างสวี่ม่ายซุ่ยออกไปเรื่อย ๆ ก็ยิ่งขมวดคิ้ว “สหายอย่าเบียดกันได้หรือเปล่า?”
ชายหนุ่มที่แทรกแถวมองเขาอย่างเหลืออดพร้อมตอบกลับว่า “นายไม่ใช่กองทัพของประชาชนหรือไง บริการเพื่อประชาชน แน่นอนว่าก็ต้องให้ฉันก่อนสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองชายหนุ่มที่ยังมือเท้าดีอยู่ คิ้วขมวดราวกับจะบี้แมลงวันสักตัวได้
หลินเซียวลากแขนหลินเจี้ยนเยี่ยพลางถาม “พ่อ ไม่งั้นพวกเราไปหาแม่ไหม”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสวี่ม่ายซุ่ยที่โดนเบียดไปอยู่ด้านหน้าก็ส่ายศีรษะ “ช่างมัน เบียดไปไม่ไหว”
เมื่อรถประจำทางมาถึงแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยถึงได้รู้ซึ้งถึงความร้ายกาจของมวลชน หัวหน้ากองผู้น่าเกรงขามที่แท้ก็เบียดฝูงชนไปไม่ได้ เมื่อเบียดตัวขึ้นรถมาได้ก็เห็นสวี่ม่ายซุ่ยพาหลินฟานขึ้นมานั่งบนเก้าอี้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว
ทว่าผู้หญิงสายตาดุดันคนหนึ่งได้เดินไปทางสวี่ม่ายซุ่ย พอเข้าไปได้ก็จะเบียดมาด้านใน
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นแล้วก็กังวลทันที กลัวว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะเสียเปรียบ ใครจะรู้ว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะผลักคนไปด้านข้างโดยไม่เกรงกลัวสักนิด ถามอย่างไม่พอใจว่า “เธอตาบอดเหรอ ไม่เห็นเหรอว่าตรงนี้มีคน?”
หญิงสาวที่ถูกสวี่ม่ายซุ่ยผลักออกมาเห็นสวี่ม่ายซุ่ยมีท่าทางดุร้าย เลยตะโกนพูดกับพนักงานขายตั๋วโดยตรงว่า “กระเป๋ารถ ตรงนี้มีคนจองที่นั่งโดยไม่ซื้อตั๋วค่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มเยาะ “ใครบอกว่าฉันจองที่ไม่ซื้อตั๋ว”
หญิงสาวฟังจบก็จ้องเธออย่างโกรธเคือง “ฉันก็รออยู่ตรงนี้ ดูว่าเธอจะซื้อไม่ซื้อ”
ผ่านไปสักพักก็เห็นสวี่ม่ายซุ่ยซื้อตั๋วให้เด็กเล็กจริง ๆ คราวนี้หล่อนถึงพึมพำอย่างไม่เต็มใจ “แม่บุญทุ่มจริงจริ้ง”
หลินเซียวที่เบียดอยู่ในซอกแคบเห็นแม่กับน้องชายนั่งบนที่นั่งกันเอ้อระเหย ก็พูดกับหลินเจี้ยนเยี่ยอย่างทนไม่ไหว “พ่อ ผมอยากไปหาแม่”
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นกลุ่มคนที่เบียดกันเหมือนปลาสวายอยู่ด้านหน้าก็พูดอย่างจนใจ “รอก่อน ตอนนี้ไปไม่ได้”
หลินเซียว “แต่ผมโดนเบียดจนหายใจไม่ออกแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยจนปัญญา ออกแรงลากหลินเซียวเข้ามาในอ้อมแขนตรง ๆ หลินเซียวเพิ่งจะไปก็ได้ยินเด็กเล็กด้านข้างร้องไห้พูดกับแม่เขาว่า “แม่ ๆ ผมก็โดนเบียดจนทนไม่ไหวแล้ว แม่อุ้มผมหน่อย”
หญิงสาวฟังจบก็จ้องหลินเจี้ยนเยี่ย ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “พ่อแกสิ ไม่ได้ดูเลยว่าแกหนักเท่าไร ฉันจะไปอุ้มแกไหวได้ยังไง”
เด็กชายได้ฟังก็ไม่พอใจ ยื่นมือไปดึงหลินเจี้ยนเยี่ยพลางพูด “คุณลุง คุณลุง ลุงก็อุ้มผมบ้างสิ”
หลินเซียวเห็นว่ามีคนจะแย่งหลินเจี้ยนเยี่ย ก็รีบกอดคอหลินเจี้ยนเยี่ยแน่นพลางตอบกลับ “ไม่ได้ นี่พ่อฉัน”
เด็กชาย “ไม่ใช่ ปล่อยคุณลุงทหารกองทัพปลดปล่อยประชาชน ลุง ๆ อุ้ม”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมือนพี่เยี่ยพยายามจะตลก แต่มุกพี่มันฝืดมากเลยค่ะ ถ้าผู้แปลเป็นม่ายซุ่ยคงโมโหหนักกว่าเดิม มันใช่เวลาไหมเนี่ย จริงจังกับความรู้สึกของเมียหน่อยสิพี่
แม่คือผู้รู้สมบัติทุกอย่างในบ้าน หาอะไรไม่เจอให้บอกแม่แล้วจะเจอจริง ๆ
อยากแต่งตัวเต็มยศมา เป็นไงล่ะพี่ เอาตัวรอดให้ได้นะ เมียอุตส่าห์ยั้งไว้แล้ว
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION