ตอนที่ 130 สามีภรรยาโต้เถียงกัน
ในฐานะพี่ชายคนโต แน่นอนว่าสวี่ม่ายเถียนย่อมรู้จักนิสัยของน้องสาวดี เมื่อได้ยินเสียงสั่นเครือของเธอแล้ว เขาก็ถอนหายใจและพูดแบบอับจนหนทาง “เธอจะร้องไห้ทำไมเนี่ย ฉันไม่ได้จะกลับซะหน่อย”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา น้ำตาของสวี่ม่ายซุ่ยก็หลั่งริน เธอยกมือเช็ดมุมหางตาเบาๆ พลางเอ่ย “ใครร้องไห้ ฉันไม่ได้ร้องไห้ซะหน่อย”
สวี่ม่ายเฉิงขยับเข้ามาและเอาแขนโอบไหล่เธอไว้ อีกทั้งยังทำท่าเช็ดน้ำตาและล้อเลียนเธอด้วย “ถ้าพี่ไม่ได้ร้องไห้แล้วเด็กขี้แยนี่ใครล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดเสียงแข็งทื่อ “ไม่รู้”
ถึงกระนั้นน้ำตาของเธอก็ยังไหลไม่หยุด และเมื่อเธอร้องไห้แบบนี้ ก็ทำให้สวี่ม่ายเถียนและสวี่ม่ายเฉิงสองพี่น้องรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย
สวี่ม่ายเฉิงรู้ว่าพี่สาวกำลังรู้สึกผิด เขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากขยิบตาส่งสัญญาณให้พี่ชาย
แต่พี่ชายก็พอใจจะคุยกับพี่สาวของเขาเท่านั้น แทบไม่สนใจที่จะคุยกับเขาด้วยซ้ำ
โชคดีที่พี่สะใภ้ใหญ่ช่วยเหลือดีมาก โดยแอบสะกิดพี่ชายว่า “ที่บ้านไม่มีงานสำคัญ งั้นคุณก็รีบตอบรับคำเชิญของน้องสาวสิ”
สวี่ม่ายเถียนยังดูมีความเกรงใจมาก “คุณดูสภาพน้องสาวของผมสิ จะมีแรงต้อนรับเราได้ไง”
สะใภ้ใหญ่สวี่พูดว่า “ฉันจะช่วยน้องสาวทำงานเอง”
เมื่อได้ยินคำตอบของหล่อนแล้วใบหน้าของสวี่ม่ายเถียนก็อ่อนลง “งั้นก็หยุดร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จค่อยกลับ”
“จริงเหรอ?” สวี่ม่ายซุ่ยปาดน้ำตาบนใบหน้าออกไปทันทีแล้วถามด้วยสีหน้าตื่นเต้นระคนดีใจสุดขีด
สวี่ม่ายเถียนมองเธอด้วยความรักเอ็นดูและตอบอย่างหมดหนทาง “จริงสิ”
“พี่ชาย พี่สะใภ้ พวกพี่เข้าไปพักผ่อนในบ้านก่อน เดี๋ยวฉันจะทำอาหารเอง” สวี่ม่ายซุ่ยพูดจบก็วิ่งไปที่ห้องครัว
แต่สวี่ม่ายเถียนคว้าแขนของเธอไว้ทันท่วงทีแล้วขมวดคิ้วพูดว่า “เธอไปหาหมอก่อนดีกว่า”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวตอนกลางคืนฉันค่อยเอาไข่ไก่มากลิ้งก็ได้”
สวี่ม่ายเถียนพูดด้วยใบหน้ามืดมน “ไม่ได้ เธอเป็นสาวแล้ว จะปล่อยให้หน้าตาน่าเกลียดไม่ได้”
สวี่ม่ายเฉิงก็พูดเสริม “นั่นสิพี่สาว ยังไงก็เชื่อฟังพี่ใหญ่เถอะนะ”
เมื่อเห็นว่าทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมตน สวี่ม่ายซุ่ยก็คิดว่าแผลของเธออาจจะร้ายแรงจริงๆ จึงอดกังวลไม่ได้ “ก็ได้ ฉันจะไปตรวจที่ศูนย์อนามัย พวกพี่รอฉันที่บ้านก่อนนะ”
สวี่ม่ายเถียนตอบรับ “รีบไปเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยกำชับด้วยความไม่วางใจ “พวกพี่ต้องรอฉันนะ”
“เจี้ยนจวินช่วยดูแลพวกเขาแทนฉันด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะรีบกลับมา” พูดจบแล้วเธอก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกทันที
พวกสวี่ม่ายเถียนเดินตามหลินเจี้ยนจวินเข้ามาในบ้าน ทันทีที่พวกเขานั่งลงและดื่มน้ำแล้ว สวี่ม่ายเถียนก็ลุกขึ้นยืนและพูดกับหลินเจี้ยนจวินว่า “เจี้ยนจวิน เรามีงานที่บ้านต้องกลับไปทำน่ะ งั้นพวกเรากลับก่อนนะ”
เมื่อหลินเจี้ยนจวินได้ยินแบบนี้แล้วก็ตื่นตระหนกขึ้นมา “พี่ใหญ่สวี่ คุณไม่ได้บอกว่าจะรอพี่สะใภ้กลับมากินข้าวก่อนแล้วค่อยออกเดินทางเหรอ”
“รอไม่ได้หรอก เพราะที่บ้านยังมีงานอีกมาก ถ้าไม่กลับไปก็จะไม่มีใครทำน่ะ”
“ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้นหรอก ถ้าพวกคุณกลับไปแล้ว ผมจะอธิบายให้พี่สะใภ้ฟังยังไงล่ะ”
สวี่ม่ายเถียนได้ยินแล้วจึงแอบขยิบตาให้สวี่ม่ายเฉิง ซึ่งทันใดนั้นสวี่ม่ายเฉิงก็ก้าวมาข้างหน้าพร้อมคว้าคอของหลินเจี้ยนจวินเอาไว้
เขาพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “นายไม่ต้องอธิบายให้หล่อนฟังหรอก เพราะเมื่อถึงเวลานั้น หล่อนจะโกรธพี่ชายของฉัน ไม่ได้โกรธนาย”
“ยังไงก็ไม่ได้ เพราะฉันเชื่อฟังพี่สะใภ้คนเดียว”
“ทำไมนายถึงดื้อขนาดนี้นะ นายลองคิดดูว่าพี่สะใภ้ของนายและหล่อนก็เป็นพี่สาวของฉันได้รับบาดเจ็บรุนแรงแค่ไหน นายยังจะให้หล่อนทำอาหารเลี้ยงเราอีกเหรอ นายทนได้ไงเนี่ย”
“ถ้าพี่สะใภ้ทำไม่ไหว ฉันก็จะทำเองไง”
เมื่อสวี่ม่ายเฉิงได้ยินดังนั้น เขาจึงหันไปพูดกับสวี่ม่ายเถียนว่า “พี่ใหญ่ เขาดื้อมากเลย วิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล”
“งั้นมัดเขาไว้ดีไหม?”
สวี่ม่ายเถียนขมวดคิ้วและหันไปออกคำสั่งกับพวกน้องๆ ว่า “พวกนายไปจับน้องสี่หลินเอาไว้”
หลินเจี้ยนจวินถูกมัดพร้อมสีหน้าหวาดกลัว ด้านหลินเซียวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดี เขาจึงหันหลังและคิดจะวิ่งหนี แต่สวี่ม่ายเฉิงก็ดึงเขากลับมาทันเวลาและพูดว่า “เจ้าเด็กน้อยอยากจะโดนมัดคนเดียว? หรืออยากจะโดนมัดรวมกันล่ะ?”
“น้าเล็ก ถ้าน้าปล่อยผมไป รับรองว่าผมจะไม่บอกแม่เลยครับ”
สวี่ม่ายเฉิงได้ยินแล้วก็ยกมือเขกหน้าผากหลินเซียวพลางเอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ลื่นเหมือนปลาไหล ฉันไม่เชื่อคำพูดของนายหรอกนะ”
“พี่รอง มัดเขาไว้ด้วยอีกคนเลย”
ญาติผู้พี่คนรองสวี่ได้ยินแบบนี้แล้วก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและมัดทั้งสองไว้ด้วยกัน ส่วนหลินฟานตามสวี่ม่ายซุ่ยไปที่ศูนย์อนามัยจึงรอดพ้นไปได้
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยตรวจอาการบาดเจ็บเสร็จแล้วกลับมา เธอก็เห็นสองคนอาหลานนั่งหันหลังชนกันบนพื้น เธอรีบถามว่า “ทั้งสองคนเป็นอะไรไป แล้วพวกเขาอยู่ที่ไหน?”
หลินเซียวพูดด้วยความเศร้าใจ “พวกลุงใหญ่กลับไปแล้วครับ”
“ลุงใหญ่มัดลูกไว้เหรอ?”
หลินเซียวตอบว่า “ไม่ใช่ครับ น้าเล็กเป็นคนมัด แต่ลุงใหญ่เป็นคนสั่ง แม่ครับ ช่วยแก้มัดให้พวกเราได้ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยก้าวไปข้างหน้าและแก้มัดให้พวกหลินเจี้ยนจวินด้วยสีหน้าสงบ ส่วนหลินเจี้ยนจวินก็มองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยความรู้สึกผิดพลางเอ่ย “ผมขอโทษนะพี่สะใภ้ ผมรั้งพวกเขาไว้ไม่ได้เลย”
สวี่ม่ายซุ่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วตอบว่า “ฉันไม่ตำหนินายหรอกนะ ฉันลืมไปว่าพวกนายสองคนรับมือพี่ชายของฉันไม่ไหว และมันเป็นความผิดของฉันที่ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไปเอง”
ขณะที่กำลังพูดคุยอยู่นั้น จู่ๆ หลินเจี้ยนเยี่ยก็วิ่งเข้ามาในบ้านพร้อมกับชายเสื้อผ้าที่ปลิวไม่เป็นระเบียบ “พวกคุณปลอดภัยไหม แล้วพวกพี่ใหญ่อยู่ไหน?”
ทันทีที่เห็นเขาเดินเข้ามา ไฟโทสะของสวี่ม่ายซุ่ยที่เพิ่งดับลงก็จุดติดทันที “คุณยังกล้าถามอีกเหรอ ก็กลับไปแล้วน่ะสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “ทำไมรีบกลับไปนักล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบด้วยรอยยิ้มเย็นชา “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
เมื่อพูดจบแล้วเธอก็ไม่รอคำตอบ ทว่าเดินตรงกลับไปที่ห้องทันที และพอเข้าไปในห้องก็นอนร้องไห้อยู่บนเตียง
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเจี้ยนเยี่ยก็เปิดประตูและเดินเข้ามาด้วยความระมัดระวัง เขาไม่มีเวลาเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ จึงได้แต่นั่งที่เก้าอี้พลางมองเธอด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
“ผมได้ยินเหตุการณ์วันนี้หมดแล้ว ต้องขอโทษคุณด้วยนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยกำลังร้องไห้อยู่ เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วเธอก็ลุกพรวดขึ้นมานั่งและมองเขาด้วยความโกรธ “ขอโทษแล้วจะมีประโยชน์อะไร ทุกครั้งที่ครอบครัวของคุณมาสร้างปัญหา คุณเคยอยู่ด้วยไหม?”
“ตอนที่พวกเขารีดไถเงินฉัน ตอนที่ฉันโดนรังแก คุณเคยยืนหยัดเพื่อฉันบ้างไหม?”
“จริงอยู่ที่คุณทำเป็นแค่เย็นชาใส่พวกเขา แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ พวกเขาไม่ได้สำนึก และยังเป็นเหมือนเดิม กลับกลายเป็นฉันที่ถูกสถานะของคุณจำกัดอยู่ตลอดเวลา ทำไมพวกเขาถึงรังแกฉันได้ ทำไมฉันยังต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้พวกเขา ฉันยังต้องปรนนิบัติพวกเขา และหัวหน้าของคุณยังตำหนิว่าฉันสร้างแต่ปัญหา คุณช่วยบอกฉันทีเถอะว่าทำไม?”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองรอยแดงและบวมที่ใบหน้าของสวี่ม่ายซุ่ยแล้วดวงตาของเขายิ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ “ขอโทษจริงๆ นะ คุณจะดุด่าผมเท่าไรก็ได้เลย”
สวี่ม่ายซุ่ยมองเขาและหลับตาด้วยความสิ้นหวัง “คุณออกไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณ”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสวี่ม่ายซุ่ยที่ล้มตัวนอนบนเตียงและร้องไห้ด้วยความเศร้าหมอง เขาเงียบไปครู่หนึ่งและนอกจากว่าเขาจะไม่ออกไปแล้ว เขายังเข้ามาใกล้เธอแล้วอุ้มเธอขึ้นจากเตียง สวี่ม่ายซุ่ยเผชิญกับการเคลื่อนไหวของเขา จึงพยายามดิ้นรนอย่างหนัก “คุณจะทำบ้าอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดด้วยเสียงหนักแน่น “ไม่ปล่อย ผมรู้ว่าคุณโกรธ ดังนั้นคุณจะทุบตีหรือด่าผมก็ได้ แต่เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องก่อน เพราะถ้าไม่พูด มันก็จะสะสมไปเรื่อยๆ ผมไม่อยากให้มันกระทบความสัมพันธ์สามีภรรยาของเรา”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ทุกครั้งที่มีเรื่องเกิดขึ้น คุณไม่เคยอยู่ด้วยเลย แล้วคุณยังจะพูดอะไรอีก”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองภรรยาที่เหมือนนกน้อยกำลังอาละวาด เขาจึงถอนหายใจเบาๆ แล้วรวบเธอมาไว้ในอ้อมแขนพลางเอ่ย “ผมไม่เคยอยู่ด้วยทุกครั้งที่เกิดปัญหา ผมขอโทษด้วยจริงๆ นะ”
“แต่ผมก็มีหน้าที่ออกเรือลาดตระเวนทะเลด้วย นับตั้งแต่ผมสวมเครื่องแบบทหารนี้ มันก็เป็นความรับผิดชอบของผม ดังนั้นผมก็ต้องรับผิดชอบหน้าที่ให้ถึงที่สุดด้วย”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ลุงใหญ่ร้ายกาจ วางแผนทิ้งน้องสาวแบบนี้เลยเหรอ
มาช้าตลอดนะพี่เยี่ย ทำเป็นตร.ในละครไทยไปได้ กว่าจะมาถึงตลาดวายไปเป็นชาติแล้ว สงสัยเหลือเกินว่ามาแต่งงานกับม่ายซุ่ยได้ไง ในเมื่อพี่ไม่ปกป้องครอบครัวเลยสักครั้ง พี่จะเอาไงต่อดีคะ หย่าหรือตกลงกันครึ่งทาง?
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION