ตอนที่ 13 ส่งเหลียงผี
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่ะ เเค่เเผลหัวเเตกเท่านั้น”
เเม่หู่จือได้ยินก็จ้องตาโต สูดหายใจเข้าหนึ่งที
“หนักขนาดนี้เลย” พูดจบก็เขกหัวหู่จือไปหนึ่งที “เเม่ให้แกทำงาน วัน ๆ ไม่รู้ทำอะไร รู้จักเเต่ต่อยตี”
หู่จือโดนเเม่เขกหัวจนซึม สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเเล้วทนไม่ไหวก็เข้าไปขวาง “น้องสะใภ้ เธออย่าไปตีเขาเลย เขาคงไม่ได้ตั้งใจหรอก”
เเม่หู่จือต่อว่าด้วยใบหน้าที่โกรธจนขึ้นสี “พี่สะใภ้ไม่รู้อะไร เด็กคนนี้มันดื้อ ฉันอยู่บ้านสั่งมันเเล้วตั้งสามครั้งว่าไม่ให้ไปมีเรื่องต่อยตีกับใคร มันก็ไม่ฟัง”
“คราวนี้คนที่เจ็บคือหลินเซียว ถ้าเป็นคนอื่น ชาวบ้านเขาคงด่ามาถึงบ้านฉัน ถึงตอนนั้นเหล่าเฉินบ้านฉันคงตีเขาจนขาหัก”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกไม่ปกติ เเต่ก็พูดออกมาไม่ได้ ทำได้เเค่บอก “เด็กสองคนนี้ คนหนึ่งอยากตี อีกคนเต็มใจรับ คงว่าใครไม่ได้ เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ เราอย่าไปพูดถึงเลย”
เเม่หู่จือได้ยินก็ตบหัวหู่จือหนึ่งที “ยังไม่รีบขอบคุณป้าเขาอีก”
หู่จือรีบพูด “ขอบคุณครับป้า หลินเซียวอยู่บ้านไหมครับ ผมอยากไปดูเขาสักหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ย “อยู่ในห้อง เธอเข้าไปหาเขาสิ”
หู่จือได้ยินก็รีบวิ่งเข้าไปในห้อง ปล่อยเเม่เขายืนไว้ที่เดิม หล่อนยื่นมือไปหยิบตะกร้า พูดด้วยสีหน้าเกรงใจ “เธอดูสิ หลินเซียวโดนไปตั้งขนาดนี้ พวกเราก็ไม่มีของดี ๆ จะให้ งั้นเก็บไข่พวกนี้ไว้ให้หลินเซียวกินนะคะ”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นก็รีบปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอก เด็กพวกนี้วัน ๆ ก็เล่นอยู่ด้วยกัน ยากที่จะหลีกเรื่องปะทะ เธอก็อย่าไปใส่ใจมาก”
เเม่หู่จือยัดตะกร้าใส่มือสวี่ม่ายซุ่ยพลางพูด “ไม่ได้หรอก เด็กคนนี้โดนไปเยอะ เเน่นอนว่าต้องกินของดี ๆ เข้าไปเสริม”
“พวกเราก็เป็นคนกันเอง อย่าปฏิเสธกันเลย บ้านฉันยังมีธุระ ต้องขอตัวกลับก่อนนะ” พูดจบก็รีบเดินออกไป
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเเม่หู่จือรีบจากไปก็ยิ้มอย่างลำบากใจ คนดีขนาดนี้ทำไมชีวิตก่อนเธอถึงได้ไม่เจอกันนะ
พอเปิดผ้าที่คลุมตะกร้าดูก็เห็นด้านในมีไข่สิบกว่าใบวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ ไข่เยอะขนาดนี้ บ้านหนึ่งเก็บไว้กินได้ครึ่งเดือน สวี่ม่ายซุ่ยเกรงใจที่จะเก็บไว้ จึงคิดจะให้หู่จือเอากลับไปตอนเขามา
พอวางตะกร้าลง สวี่ม่ายซุ่ยก็เริ่มซักผ้า ซักเสร็จเเล้วก็ถึงเวลาทำข้าวเย็น เธอถูมือเเล้วเดินเข้าไปในห้อง “หลินเซียว หลินฟาน ตอนเย็นพวกลูกสองคนอยากกินอะไร?”
หลินเซียว “ผมอยากกินไก่”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ไม่ได้จัดการอะไรเขา เธอหันไปถามหลินฟาน “ลูกอยากกินอะไร”
หลินฟานคิดสักพัก “ต้านปิ่ง”
สวี่ม่ายซุ่ย “เพิ่งกินไปเมื่อวานไม่ใช่เหรอ?”
หลินฟานเกาหัว ถามอย่างสับสน “งั้นกินอะไรดีล่ะ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “…”
“กินเล่าปิ่งกับเหลียงผีไหม?”
หลินเซียว “เเม่ อะไรคือเหลียงผี?”
สวี่ม่ายซุ่ย “เดี๋ยวลูกก็รู้เอง”
รอสวี่ม่ายซุ่ยเดินออกมา หู่จือก็ถามด้วยสีหน้าใคร่รู้ “ไม่ใช่ว่านายเคยบอกว่าเเม่ทำอาหารไม่อร่อยเหรอ?”
หลินเซียว “ใครจะรู้ว่าเขาทำอร่อยเเล้ว”
หู่จือ “อะไรคือเหลียงผี อร่อยไหม?”
หลินเซียว “ไม่รู้ ไม่เคยกิน”
หู่จือฟังจบก็ลังเลอยู่นานถึงถาม “หลินเซียว เดี๋ยวนายเหลือให้ฉันหน่อยได้ไหม? ฉันก็อยากลองชิม”
หลินเซียว “เเม่ฉันทำน้อยขนาดนั้น จะเอาที่ไหนไปพอกิน”
หู่จือ “ครั้งก่อนเเม่ฉันให้นายกินไก่ตุ๋นไป ฉันยังเหลือไว้ให้นายชิ้นหนึ่ง นายลืมเเล้วเหรอ?”
หลินเซียวฟังจบก็รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา “นายอย่าพูดถึงเลย นายคงลืมไปเเล้วสินะว่าเหลืออะไรไว้ให้ฉัน”
หู่จือยิ้มอาย ๆ “ตูดไก่นี่ไม่ใช่ของดีเหรอ? มันก็เป็นเนื้อเหมือนกันหมดแหละ”
หลินเซียวลังเลไปชัวครู่ก่อนตอบ “งั้นก็ได้ อีกเดี๋ยวฉันจะเเอบเหลือให้นายไว้คำหนึ่ง”
หู่จือฟังจบก็ดีใจ “หลินเซียว ฉันรู้อยู่เเล้วว่านายดีที่สุด”
สวี่ม่ายซุ่ยที่อยู่ในห้องครัวไม่รู้ว่าพวกเขาตกลงอะไรกันไว้ รู้เเค่ตอนที่เธอเริ่มทำเส้น หลินเซียวกับหลินฟานก็กำลังวิ่งวนไปมาอยู่หลายรอบ
สวี่ม่ายซุ่ยจับได้ถึงความผิดปกติ ตอนที่หลินฟานจะเดินออกมาเลยจับคอเสื้อเขาเเล้วพูดว่า “พูดมา ลูกสองคนไป ๆ มา ๆ นี่ตกลงอะไรกันไว้”
หลินฟานอายุน้อย ตอนเเรกไม่พูด สวี่ม่ายซุ่ยขู่สองคำเขาก็บอกทั้งหมด สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็พูดกับหลินฟานตรง ๆ “ลูกไปบอกหู่จือ เย็นนี้ให้เขาอยู่กินข้าวเย็นบ้านเรา”
หลินฟาน “เราจะพอกินเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “วางใจได้! พอกินแน่นอน”
เย็นวันนั้นสวี่ม่ายซุ่ยทำเหลียงผีสองชามใหญ่ ให้หู่จือกินกับพวกเขาเเล้วก็ให้อีกชามกลับไป เเล้วก็ให้หลินเซียวเอาไปส่งให้ผู้บัญชาการจ้าว
เย็นวันที่สวี่ม่ายซุ่ยกินข้าวกับพวกเขา อีกสองบ้านก็กำลังกินข้าวเช่นกัน
เเม่หู่จือมองมือหู่จือที่ยื่นชามเหลียงผีมาให้ก็ขมวดคิ้วพูด “ไม่ใช่ว่าลูกไปกินกับหลินเซียวเเล้วเหรอ? ทำไมยังเอามาอีก?”
หู่จือ “ผมกินไม่อิ่ม จะกินอีกหน่อย”
พ่อหู่จือมองท้องกลม ๆ ของหู่จือ พูดด้วยสีหน้าทะมึน “พ่อว่าถ้าลูกกินอีกคงท้องเเตก”
หู่จือได้ยินพ่อพูดถึงวางตะเกียบด้วยสีหน้าไม่ยินยอม
พ่อหู่จือ “ดีจริง ทำไมพี่สะใภ้หลินถึงเอาเหลียงผีมาให้พวกเรา?”
หู่จือฟังจบก็มองเเม่ด้วยสายตาร้อนตัว หล่อนตอบโดยที่ไม่มองหน้าเขา “ลูกตัวดีของเรานี่สิทำหัวหลินเซียวเเตกเป็นเเผลใหญ่ ฉันให้ไข่ไก่พี่สะใภ้หลินไป พี่สะใภ้คงเกรงใจ เลยให้อาหารหู่จือกลับมากินชามหนึ่ง”
พ่อหู่จือตาถลน “เเกไปทะเลาะกับหลินเซียวมาเหรอ?”
หู่จือตอบด้วยความน้อยใจ “ไม่ใช่ครับ เเค่เรื่องเข้าใจผิด”
พ่อหู่จือ “เล่นอะไรกันไม่รู้เรื่อง”
เเม่หู่จือ “พอเเล้ว คุณก็ไม่ต้องไปด่าเเล้ว ดีที่เขารู้ว่าไม่ต้องเอาไข่กลับมา ไม่เลวนะเนี่ย”
ตอนหู่จือเดินเข้ามา สวี่ม่ายซุ่ยก็ให้ไข่ไก่เขากลับไป หู่จือไม่ยอม พอหาช่องได้ก็วิ่งออกมาเลย
ในขณะเดียวกันที่บ้านจ้าวเป่ากั๋วก็กำลังกินเหลียงผีของสวี่ม่ายซุ่ย “คุณมีฝีมือขนาดนี้ตอนไหนเนี่ย”
ภรรยาจ้าวเป่ากั๋วเบะปาก “ฉันมีฝีมือที่ไหนล่ะ อีกอย่างอันนี้ฉันก็ไม่ได้ทำ! เป็นภรรยาหลินเจี้ยนเยี่ยที่ส่งมาต่างหาก”
จ้าวเป่ากั๋วตะลึงไปชั่วขณะ ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ “หล่อนทำอาหารเก่งขนาดนี้เชียว? เเต่ก่อนไปกินข้าวบ้านหล่อนทีไร กับข้าวที่หล่อนทำล้วนเหมือนอาหารหมูไม่มีผิด นี่พัฒนาฝีมือขนาดนี้ตั้งเเต่เมื่อไหร่กัน?”
ภรรยาจ้าวเป่ากั๋วพูดกับเขา “จริงสิ คุณว่านิสัยคนคนหนึ่งจะเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้ในวันเดียวเลยเหรอ? คุณว่าหล่อนถูกผีสิงหรือเปล่า?”
ภรรยาจ้าวเป่ากั๋วเป็นคนบ้านนอก หล่อนเชื่อเรื่องพวกนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
จ้าวเป่ากั๋วฟังจบก็สูดหายใจเข้า มองไปด้านนอก เอ่ยเตือนหล่อน “พอได้เเล้ว ทำไมถึงกล้าเอาเรื่องพวกนี้มาพูดข้างนอก ใช่เวลาพูดเหรอ?”
ภรรยาจ้าวเป่ากั๋ว “ฉันก็พูดอยู่ที่บ้านไง”
จ้าวเป่ากั๋ว “ก็ยังไม่ได้อยู่ดี ถ้าคนอื่นผ่านมาได้ยินเข้า อย่ามาโทษว่าผมปกป้องคุณไม่ได้นะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เอาล่ะ เริ่มมีคนจับพิรุธได้แล้วนะ หาคำแก้ตัวไว้เลยม่ายซุ่ย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION