ตอนที่ 126 สวี่ม่ายซุ่ยถูกตบ คนจากบ้านแม่มาพอดี
เมื่อเห็นว่าสะใภ้ใหญ่หลินยังคงพยายามเสแสร้งแกล้งทำใสซื่อ สวี่ม่ายซุ่ยจึงหันไปพูดกับหลินเจี้ยนจวินว่า “เจี้ยนจวิน ไปเอาใบเสร็จค่ารักษาของนายมา”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแล้วก็ตื่นตระหนก “เอาใบเสร็จค่ารักษาของเขามาทำไม เขาโตขนาดนี้แล้ว จะให้พวกเราหารค่ารักษาเท่าๆ กันไม่ได้หรอกนะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ฉันได้จ่ายค่ารักษาให้เขาแล้ว แน่นอนว่าฉันจะไม่ให้พวกคุณมาหารกันหรอก แต่ฉันจำได้ว่าตอนเขาออกจากโรงพยาบาลก็ได้รับใบเสร็จมาเหมือนกัน ฉันจึงอยากจะดูว่ารูปแบบใบเสร็จของเขาจะเหมือนกับใบเสร็จของคุณไหม?”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแล้วก็กลับมายิ้มได้ “มันต้องแตกต่างอยู่แล้ว เพราะไม่ใช่โรงพยาบาลเดียวกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยอุทานว่า “โอ้ แล้วของคุณมาจากโรงพยาบาลไหนล่ะ?”
สะใภ้ใหญ่หลินเหลือบมองสวี่ม่ายซุ่ยด้วยความลังเลและไม่สามารถตอบได้ ตอนนี้เองหลินเจี้ยนจวินก็ไปหยิบใบเสร็จออกมาและเห็นว่ามีชื่อโรงพยาบาลเขียนไว้ชัดเจน ค่าใช้จ่ายสำหรับแต่ละหัตถการเท่าใด และยอดรวมเท่าใด ทั้งยังมีตราประทับซึ่งดูเป็นทางการกว่าของสะใภ้ใหญ่หลินมากๆ
“แล้วพี่สะใภ้ทำไมไม่ลองดูของคนอื่นบ้างล่ะ?” สวี่ม่ายซุ่ยมองสะใภ้ใหญ่หลินพลางเอ่ย
สะใภ้ใหญ่หลินเม้มปากแล้วพูดว่า “ใบเสร็จของเขามีอะไรน่าดู”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่อยากดู งั้นก็ลืมมันซะเถอะ แต่ฉันจะเก็บใบเสร็จนี้ไว้ก่อน”
สะใภ้ใหญ่หลินถามด้วยความฉงน “ทำไมเธอไม่เก็บไว้ที่ฉันล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ใบเสร็จของคุณมันมีพิรุธเกินไป แล้วจะแน่ใจได้ไงว่าแม่เฒ่าใช้เงินรักษามากขนาดนี้จริงๆ ฉันจะหารกับคุณเท่าๆ กันไม่ได้หรอกนะ”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแล้วก็บันดาลโทสะขึ้นมา “สวี่ม่ายซุ่ย เธอหมายความว่าไง กำลังจะบอกว่าฉันเอาใบเสร็จปลอมมาหลอกเงินจากเธอเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะ” สวี่ม่ายซุ่ยไม่ยอมและพูดออกมาตามตรง
ทันทีที่เธอพูดจบ สะใภ้ใหญ่หลินก็หลั่งน้ำตาพลางร้องไห้ตบต้นขา “ทุกคนมาดูนี่เร็ว น้องสะใภ้กำลังดูถูกคนอื่น ตอนที่แม่เฒ่าหลินป่วย ฉันต้องเสียทั้งเงินและเวลาดูแล แต่หล่อนไม่ได้จ่ายเงินเลย กระทั่งแม่เฒ่าคนนี้ออกจากโรงพยาบาลได้ หล่อนก็ยังไม่อยากจ่ายค่ารักษาสักเฟินด้วยซ้ำ!”
“ทุกคนเข้ามาดูเร็วๆ มีครอบครัวทหารแบบนี้จริงเหรอ? ก็ไหนบอกว่าต้องเป็นตัวอย่างให้กับคนทั่วไปด้วย แต่นี่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลยนะ”
เพื่อนบ้านที่ไม่เข้าใจความจริงตั้งแต่ต้น เมื่อได้ยินแบบนี้แล้วพวกเขาทั้งหมดก็ชี้ไปที่สวี่ม่ายซุ่ยพลางประณามว่า “ใช่แล้ว การที่ครอบครัวทหารของเรามีคนใจดำแบบนี้อยู่ ช่างเป็นเรื่องน่าอายจริงๆ”
“เห็นไหมว่าแม่สามีของหล่อนอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว แต่หล่อนไม่ได้ชายตาแลแม่สามีด้วยซ้ำ”
ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ ก็ได้ยินแม่หู่จือที่อยู่ข้างๆ พูดว่า “พวกเธออยู่ห่างไกลจะไปรู้อะไร แม่เฒ่าคนนี้ร้ายกาจมากนะ ตอนที่ยังสบายดีก็มักจะรังแกหล่อนอยู่บ่อยครั้ง หล่อนมักจะมาขนของดีๆ ไปที่บ้านตัวเองทั้งหมด แล้วพวกเธอไม่คิดว่าใบเสร็จนี้มีความผิดปกติบ้างเหรอ แม่เฒ่าใช้เงินรักษาตัวมากกว่าเก้าพันหยวน ไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขามาจากชนบทหรอกนะ แต่พวกเขาจะมีเงินมากมายขนาดนั้นได้ไง?”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา แนวโน้มทั้งหมดก็เปลี่ยนไป “เฮ้ จริงด้วย ดูจากการแต่งกายของพวกเขาดูไม่เหมือนคนรวยเลยนะ แล้วพวกเขาจะจ่ายเงินค่ารักษาแม่เฒ่ามากกว่าเก้าพันหยวนได้ไง?”
“เธอไม่ได้ฟังที่นักบัญชีสวี่พูดเหรอ? ใบเสร็จนั้นมีแค่ตัวเลขเขียนไว้เท่านั้น ไม่มีข้อมูลอื่นๆ อีกแล้ว ใบเสร็จค่ารักษาของใครเป็นแบบนี้บ้างล่ะ พวกเขาคงอยากจะโกงเงินนักบัญชีสวี่นั่นแหละ แต่โชคดีที่นักบัญชีสวี่ฉลาด”
ตอนแรกสะใภ้ใหญ่หลินดีใจที่ทุกคนหันมาเข้าข้างตน แต่เมื่อเห็นว่าลมกำลังเปลี่ยนทิศช้าๆ หล่อนก็เริ่มไม่มั่นคงและแอบขยิบตาให้หลินเจี้ยนกั๋วเพื่อให้เขาออกหน้าพูดแทน
หลินเจี้ยนกั๋วนั่งฟังด้วยใบหน้ามืดครึ้มตลอดเวลา และทันทีที่เขาลุกขึ้นก็ตวาดลั่น “นี่คือวิธีที่ลูกสะใภ้ปฏิบัติต่อแม่สามีงั้นเหรอ ฉันจะบอกเธอให้นะ ไม่ว่าเธอจะอยากให้เงินจำนวนนี้ไหม แต่ยังไงเธอก็ต้องจ่าย”
สวี่ม่ายซุ่ยโต้กลับ “พี่ใหญ่กำลังพูดพล่ามอะไรมิทราบ ฉันบอกตอนไหนว่าจะไม่ให้ แต่ประเด็นคือใบเสร็จของพวกคุณมีความผิดปกติ คุณไม่คิดเหรอว่าค่ารักษาของแม่สูงถึงเก้าพันหยวนมันเกินจริงไปหน่อย ถ้าไม่ให้ฉันพูดอะไรอีก งั้นฉันขอถามหน่อยว่าพวกคุณเอาเงินเก้าพันจากไหนมาจ่าย?”
ตลอดชีวิตของหลินเจี้ยนกั๋วไม่เคยเห็นเงินมากถึง 9000 หยวน ทำให้เขาเริ่มพูดตะกุกตะกักทันที “ฉัน…ฉันจะยืมไม่ได้หรือไง?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดต่อ “งั้นเหรอ แต่เท่าที่ฉันรู้คือต่อให้ยืมเงินคนทั้งหมู่บ้าน พวกคุณก็อาจจะรวบรวมเงินไม่ได้มากขนาดนี้ด้วยซ้ำ”
“บอกฉันมาเถอะว่าคุณยืมเงินจำนวนนี้จากใคร และใบเสร็จนี้มาจากโรงพยาบาลไหน เพราะบังเอิญว่าน้องชายของฉันรู้จักผู้คนมากมายในเมือง เผื่อจะถามใครได้บ้าง แต่พวกคุณก็อย่าโดนคนอื่นหลอกลวงเลยนะ”
เมื่อหลินเจี้ยนกั๋วได้ยินแล้วก็ตะคอกทันที “ฉันจะบอกอีกครั้งว่าเราไม่ได้ถูกหลอก เธอรีบจ่ายเงินให้เราไม่เถอะ ของเธอกับเจ้าสี่ก็รวมกันเป็นหกพันหยวน”
“ถ้าพวกเธอไม่ให้ ฉันจะไปที่กรมและขอให้หัวหน้าของเจ้าสามตัดสิน”
สวี่ม่ายซุ่ยโมโหเมื่อเห็นว่าหลินเจี้ยนกั๋วคิดโจมตีพวกเธอจริงๆ “สรุปว่ามาที่นี่เพื่อล้อเล่นใช่ไหม ฉันขอบอกคุณเลยว่าหากไม่มีใบเสร็จที่เป็นทางการ แม้แต่เฟินเดียวก็ไม่ให้”
น้าชายคนหนึ่งของหลินเจี้ยนเยี่ยได้ยินแล้วลุกขึ้นตำหนิทันที “สะใภ้สาม เธอชักจะพูดเหลวไหลไปแล้วนะ แม่สามีของเธออยู่ในโรงพยาบาล แต่ไม่เห็นหน้าเธอมาดูแลด้วยซ้ำ ตอนนี้เธอจะไม่จ่ายค่ารักษาอีก เธอจะทำไปเพื่ออะไร ถ้าวันใดถึงตาเธอบ้างก็อย่ามาพึ่งตระกูลหลินแล้วกัน”
“ฉันขอบอกอีกรอบว่าเธอต้องรีบจ่ายเงินมาเร็วๆ และปรนนิบัติพี่สาวของฉันให้ดี มิฉะนั้นอย่าหาว่าเราหยาบคาย”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “วันนี้ฉันจะสรุปเอาไว้ตรงนี้เลยว่าหากไม่มีใบเสร็จที่เป็นทางการ แม้แต่เฟินเดียวก็ไม่จ่าย”
“ยังมีประเด็นเรื่องปรนนิบัติแม่เฒ่าด้วย พวกเราจะช่วยเหลือแต่เงินเท่านั้น เพราะในเมื่อตอนนั้นหล่อนไม่ได้ดูแลเจี้ยนเยี่ยตั้งแต่แรก จึงไม่ใช่หน้าที่ให้เรามารับใช้”
“แม้ว่าเจ้าสี่จะต้องดูแล ก็ต้องเอากลับไปดูแลที่บ้านเกิดเอง”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแล้วรีบพูดว่า “แล้วทำไมเจ้าสี่ถึงอยู่กับพวกเธอได้ล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พูดว่าอยู่กับเราได้ไง เจ้าสี่ตัดขาดกับทางนั้นแล้วเหรอ? ถ้ายังไม่ตัดขาดก็ต้องกลับไปดูแลที่บ้านเกิดกันเอง”
สะใภ้ใหญ่หลินเห็นว่าจะใช้ไม้อ่อนหรือไม่แข็งก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดสวี่ม่ายซุ่ยได้ อีกทั้งผู้คนบนเกาะก็ไม่เข้าข้างตน หล่อนจึงแอบขยิบตาส่งสัญญาณให้หลินเจี้ยนกั๋ว
“เจี้ยนกั๋ว ข้างนอกร้อนมาก อย่าให้แม่นั่งอยู่ข้างนอกเลย”
ทันทีที่หล่อนพูดแบบนี้ออกมา สวี่ม่ายซุ่ยก็หันไปพูดกับหลินเซียวหลินฟานด้วยความว่องไว “ลูกสองคนรีบกลับเข้าบ้านแล้วล็อกประตูห้องนอนทุกบานซะ”
หลินเซียวก็มีความช่ำชอง เมื่อได้ยินคำสั่งแล้วเขาก็วิ่งเข้าบ้านโดยไม่ถามมากความ
หลินเจี้ยนกั๋วได้ปรึกษาเรื่องนี้กับสะใภ้ใหญ่หลินก่อนที่จะมาแล้ว ซึ่งได้ข้อสรุปว่าหากพูดแล้วไม่ได้ผลก็ใช้วิธีบังคับ เมื่อเขาได้ยินแบบนี้แล้วก็พูดกับน้องชายของแม่เฒ่าว่า “น้าใหญ่ อากาศข้างนอกร้อนมาก จะปล่อยให้แม่ตากแดดไม่ได้ เราเข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
ทันทีที่น้าใหญ่หลินได้ยิน เขาก็รีบสั่งให้คนมาอุ้มแม่เฒ่าเข้าไปในบ้านทันที แม้ว่าปากของแม่เฒ่าหลินจะเบี้ยวและหนังตาตก แต่หล่อนก็ยังไม่ลืมที่จะดุด่าสวี่ม่ายซุ่ยว่าอกตัญญู
แน่นอนว่าสวี่ม่ายซุ่ยไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปได้ง่ายๆ แต่ขณะที่เธอกำลังจะหยุดพวกเขาไว้ น้าใหญ่หลินก็ง้างมือตบหน้าเธอแล้วตวาดว่า “ไปให้พ้น”
ไม่มีใครคาดคิดว่าน้าใหญ่หลินจะลงมือกะทันหัน ทำให้ทุกคนไม่ทันได้ตั้งรับ สวี่ม่ายซุ่ยยกมือแตะเลือดที่มุมปาก ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็มืดลง และกำลังจะหยิบพลั่วที่อยู่ข้างๆ เพื่อต่อสู้กลับ
แต่เธอได้ยินเสียงอื่นดังมาจากข้างนอกเสียก่อน “ไอ้สารเลว ไอ้คนไร้ยางอาย เห็นว่าตระกูลสวี่ของเรามีตัวคนเดียวแล้วคิดว่ารังแกได้ง่ายๆ งั้นเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยหันกลับไปมอง จึงได้เห็นสวี่ม่ายเถียน สวี่ม่ายเฉิงและสะใภ้ใหญ่สวี่เดินเข้ามาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่
“พี่ พี่สะใภ้?” สวี่ม่ายซุ่ยมองไปยังคนกลุ่มนั้นและตะโกนเรียกด้วยความประหลาดใจ
เมื่อสวี่ม่ายเฉิงเห็นเลือดที่มุมปากของสวี่ม่ายซุ่ย เขาก็หยิบพลั่วที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาแล้วรีบโผไปข้างหน้าทันที “ไหน ไอ้สารเลวหน้าไหนมันกล้าทำร้ายพี่สาวของฉัน”
…………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
“กุก็ลูกพระยานาหมื่น ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกปานนั้นหรอกโว้ยย” ม่ายซุ่ยไม่ได้กล่าว
เขาก็คนมีพ่อมีแม่ปะ ตบลูกสาวเขาต่อหน้าเขาแบบนั้นก็เจอยำสหบาทาซะเถอะคนบ้านหลิน
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION