ตอนที่ 125 สะใภ้ใหญ่หลินทำใบเสร็จปลอม
“ก็นั่นแหละ คุณเข้าใจความคิดของนักบัญชีสวี่ไหมล่ะ พวกเราทุกคนที่นี่มีลูกหลานตั้งมากมาย จะแนะนำครอบครัวดีๆ ก็ได้ แต่หล่อนแนะนำน้องสาวของหมาจื่อซะงั้น”
ภรรยาของเถี่ยจู้นั่งอยู่เฉยๆ และทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป หล่อนจึงเริ่มอธิบายว่า “นักบัญชีสวี่ไม่ได้มีแผนอะไรหรอก หล่อนขอให้ภรรยาหมาจื่อช่วยงาน จึงตกลงที่จะแนะนำคู่ให้เซียงอวิ๋นน่ะ”
“ขอความช่วยเหลือจากภรรยาหมาจื่อ จะใช่เรื่องที่เกิดกับซุ่ยซุ่ยตอนนั้นไหม?”
ภรรยาของเถี่ยจู้พยักหน้า “ก็นอกจากเรื่องนั้นยังจะมีเรื่องไหนได้อีกล่ะ”
“งั้นก็ไม่น่าแปลกใจแล้ว เพราะฉันเคยคิดว่าภรรยาของหมาจื่อไม่ชอบนักบัญชีสวี่มากๆ แต่อยู่ๆ ทั้งสองคนก็สนิทกันซะงั้น”
“แต่เมื่อเธอพูดแบบนั้นฉันก็จำเรื่องหนึ่งขึ้นได้ พวกเราไม่ได้เจอเฉียนเสี่ยวเหลียนมานานแล้วนะ”
“ไม่เลยนะ ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นก็ไม่มีใครเห็นเฉียนเสี่ยวเหลียนออกจากบ้านอีกเลย”
ภรรยาของเถี่ยจู้พูดว่า “แม้ว่าหล่อนอยากจะออกก็อายเกินกว่าจะกล้าออกมาแหละ”
“ก็ไม่เสมอไปหรอก แต่การที่เรียกสินสอดมากขนาดนั้นก็ไม่ต่างจากการขายลูกสาวกิน หล่อนไม่มีหน้ามาเจอผู้คนแล้วล่ะ”
ทันทีที่หล่อนพูดจบ เฉียนเสี่ยวเหลียนก็เดินยิ้มเข้ามาพร้อมกับพัดในมือ และทันทีที่หล่อนเข้ามา ทุกคนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาโดยอัตโนมัติ เปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มแย้มแจ่มใสและทักทายเฉียนเสี่ยวเหลียนเหมือนปกติ
ในขณะด้านนี้สนทนากันอย่างชีวิตชีวา ด้านสวี่ม่ายซุ่ยก็ไม่ได้เงียบเหงา เพราะทันทีที่เธอกลับถึงบ้านก็ได้รับจดหมายจากหลินเจี้ยนเฉ่า แจ้งว่าแม่เฒ่าหลินออกจากโรงพยาบาลแล้ว ตอนนี้พวกเขาตัดสินใจผลัดกันดูแลแม่เฒ่าหลิน ซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงคราวของพวกเธอ และพวกเขาวางแผนที่จะส่งแม่เฒ่าหลินมาที่นี่ บอกให้เธอรออยู่ที่บ้านและอย่าทำตัวยุ่งๆ เด็ดขาด
สวี่ม่ายซุ่ยอ่านจบแล้วก็อดถอนหายใจเบาๆ ไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่ได้สนใจพวกเธอได้หลายวันแล้ว เธอเองก็คิดว่าเรื่องจะจบ แต่ไม่คาดคิดว่าครอบครัวนี้ยังคงวางแผนทำร้ายพวกเธอเรื่อยๆ
สิ่งที่รับมือยากที่สุดในโลกก็คือความสัมพันธ์ในครอบครัวแบบนี้ แม้ว่าแม่เฒ่าหลินจะไม่ดีต่อหลินเจี้ยนเยี่ย แต่อย่างไรนางก็เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของเขา โดยเฉพาะสถานะปัจจุบันของหลินเจี้ยนเยี่ยแบบนี้ ถ้าไม่สนใจนางเลยก็จะดูไม่เหมาะสม
ต่อให้เขาอยากจะหนีก็หนีไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงต้องรับมือกับปัญหานี้โดยไร้ทางเลี่ยง ในจังหวะที่สวี่ม่ายซุ่ยกำลังทอดถอนใจ หลินเจี้ยนเยี่ยก็เลิกงานกลับมาพอดี ทันทีที่เขาเห็นอาการของเธอ เขาก็ถามว่า “เป็นอะไรไป อารมณ์เสียอีกแล้วเหรอ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “คุณรีบอ่านเองเถอะ พี่สาวคนรองของคุณเขียนจดหมายมาอีกแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยไปล้างมือแล้วเดินเข้ามาพร้อมคิ้วที่ขมวดเป็นปม “ขอผมดูหน่อย”
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว สีหน้าของหลินเจี้ยนเยี่ยก็ไม่ค่อยดีนัก “คุณเตรียมตัวให้พร้อม อีกไม่กี่วันข้างหน้าพวกเราจะกลับไป”
สวี่ม่ายซุ่ยย้อนถาม “กลับไปไหน?”
หลินเจี้ยนเยี่ยตอบว่า “กลับบ้านเกิด”
สวี่ม่ายซุ่ย “คุณกลับไปได้เหรอ?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “เรื่องนี้ต้องได้รับการแก้ไข คุณบอกเจี้ยนจวินให้กลับไปพร้อมกันด้วย”
สวี่ม่ายซุ่ยรับคำ “ได้”
หลังจากที่ทั้งสองคนคุยกัน ก็คิดว่าเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าในบ่ายวันนั้น หลินเจี้ยนกั๋วกับหลินเจี้ยนเฉ่าจะพาแม่เฒ่าหลินมาที่เกาะ
เมื่อพวกเขามาถึง สวี่ม่ายซุ่ยกำลังซักผ้าอยู่ริมลำธาร ทันใดนั้นหู่จือก็วิ่งเข้ามาและเรียกเธอว่า “ป้าสะใภ้ ป้าสะใภ้ แย่แล้ว ย่าเฒ่าคนนั้นมาแล้วครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยผงะ “ย่าเฒ่าคนไหน?”
หู่จือตอบว่า “ก็คุณย่าของหลินเซียวไงครับ”
สวี่ม่ายซุ่ยลนลานมากจนไม่มีเวลาซักผ้าปูที่นอน เธอรีบลุกขึ้นแล้วพูดว่า “พี่สะใภ้ พี่ช่วยฉันดูของหน่อยนะ เดี๋ยวฉันจะไปดูหน่อย”
หลี่ต้านีทราบถึงความน่ากลัวของเรื่องนี้ดี จึงรีบตอบรับ “ฉันจะช่วยดูให้ เธอรีบออกไปดูเถอะ”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยวิ่งกลับบ้าน เธอก็เห็นคนกลุ่มใหญ่รวมตัวกันอยู่รอบๆ บ้าน เธอเดินผ่านฝูงชนและเห็นหลินเจี้ยนจวินยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหลินเจี้ยนกั๋วโดยปกป้องเด็กทั้งสองคนเอาไว้ ส่วนแม่เฒ่าหลินที่ปากเบี้ยวหนังตาตกกำลังกึ่งนอนกึ่งนั่งบนเก้าอี้ ถัดจากหล่อนคือลูกทั้งสามคนของแม่เฒ่าหลิน รวมถึงหลินเจี้ยนเฉ่าและพี่สะใภ้ใหญ่หลิน ซึ่งทุกคนจ้องมองหลินเจี้ยนจวินด้วยสายตาเอาเรื่อง
หลินเจี้ยนจวินซึ่งเดิมทีเป็นคนอ่อนโยน บัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นเย็นชา ขณะที่หลินเจี้ยนกั๋วพูดว่า “ฉันขอพูดกับไอ้เด็กเวรนี่หน่อยเถอะ แกยังมีมโนธรรมบ้างไหม แกออกมาใช้ชีวิตสุขสบายที่นี่แล้วทิ้งแม่ไว้กับเราเนี่ยนะ”
“แล้วนางผู้หญิงสารเลวนั่นอยู่ไหน รีบเรียกหล่อนออกมาเดี๋ยวนี้”
หลินเซียวได้ยินอีกฝ่ายด่าสวี่ม่ายซุ่ย เขากำลังจะรีบโผออกไป แต่หลินเจี้ยนจวินรีบปกป้องเขาไว้ เพราะไอ้สารเลวหลินเจี้ยนกั๋วมักจะทุบตีลูกๆ เสมอ ไม่ต้องเอ่ยถึงหลินเซียวเลย
เมื่อเห็นว่าหลินเจี้ยนจวินยังคงเพิกเฉยต่อตน หลินเจี้ยนกั๋วก็ยกมือเท้าสะเอวและตวาดลั่น “ฉันกำลังพูดกับแกอยู่ อย่ามาทำเป็นโง่ใส่ฉันนะ”
หลินเจี้ยนจวินพูดว่า “ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงใครไง”
หลินเจี้ยนกั๋ว “จะเป็นใครได้อีกล่ะ ก็พี่สะใภ้ของแกไง จะไปเรียกไหม ถ้าแกไม่ไป ฉันจะไปหาหลินเจี้ยนเยี่ยที่กรมทหารเดี๋ยวนี้แหละ”
เมื่อเห็นเขาพูดแบบนั้น สวี่ม่ายซุ่ยก็สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเบียดตัวฝ่าฝูงชนเข้าไป “คุณมีธุระใดกับฉันล่ะ”
หลินเจี้ยนกั๋วเห็นเธอเดินออกมา จึงมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วแค่นเสียงเย้ยหยัน “เฮอะ เธอนี่ช่างกล้าจริงๆ นะ กล้าดียังไงมาพูดกับพี่ใหญ่แบบนี้”
สวี่ม่ายซุ่ยก็ตอบตามตรงโดยไม่สุภาพว่า “ก็ปากของพี่ใหญ่สกปรกเกินไป ฉันจึงไม่รู้จะพูดดีๆ ด้วยยังไง”
หลินเจี้ยนกั๋วกำหมดแน่นแล้วสบถว่า “เธอ…”
แต่เขายังไม่ทันได้ด่า สะใภ้ใหญ่หลินก็เดินเข้ามาพูดเสียก่อน “น้องสะใภ้ เธอพูดจาไม่ค่อยเหมาะสมเลยนะ พี่ใหญ่ของเธอก็แค่โกรธ ทำให้คำพูดของเขาไม่น่าฟังไปบ้าง เธอจะเลียนแบบเขาทำไมล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยยังคงตอบอย่างไม่ญาติดี “พวกคุณพูดกับฉันแบบไหน ฉันก็พูดด้วยแบบนั้นแหละ”
สะใภ้ใหญ่หลินเม้มปาก จากนั้นก็พูดเหมือนคิดไม่ตก “งั้นเธอบอกฉันหน่อยสิ เธอก็รู้ว่าพี่ใหญ่เป็นใคร แล้วทำไมยังก้าวร้าวใส่เขาอีก เรามาที่นี่เพื่อคุยกับเธอเรื่องเงินบำนาญของแม่น่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าว่าหลินเจี้ยนจวินได้รับการเลี้ยงดูจากลุงใหญ่หลินตั้งนานแล้ว หมายความว่าเรื่องในครอบครัวพวกคุณไม่เกี่ยวข้องกับพวกเรา”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแบบนี้ก็ยิ้มเยาะและพูดว่า “น้องสะใภ้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร ลุงใหญ่จากไปกี่ปีแล้ว ทำไมเธอยังหยิบเรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งขึ้นมาพูดอีก ทำไมเธอไม่พูดถึงตอนที่แม่รับเจี้ยนเยี่ยกลับหลังจากที่ลุงใหญ่เสียชีวิตล่ะ เป็นลูกแท้ๆ กันทั้งหมด ต่อให้กระดูกหักแต่เส้นเอ็นยังเชื่อมอยู่นะ”
“นอกจากเจี้ยนเยี่ยแล้วยังมีเจี้ยนจวินด้วยอีกคน แม่ไม่ได้ยกเจี้ยนจวินให้ใครเลย ตอนนี้เจี้ยนจวินมาอยู่กับเธอ เราไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องนี้กับเธอหรือไง”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพูดเข้าเรื่องนี้แล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็หยุดพูดเหลวไหลและถามเข้าประเด็นว่า “ก็ได้ แล้วพวกคุณจะจัดการยังไงล่ะ”
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแบบนั้น หล่อนก็ฉีกยิ้มได้ใจออกมา “เรารู้ว่าเธอโกรธ ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ครั้งนี้พวกเธอจะไม่มีทางขาดทุน” ขณะที่หล่อนพูดแบบนั้นก็เริ่มหยิบของออกจากกระเป๋า “นี่คือใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลของแม่พร้อมทั้งใบเสร็จรับยา เมื่อรวมรายการทั้งหมดเป็นเงินเก้าพันหยวน แต่เราไม่เอาเปรียบเธอหรอกนะ เพราะลูกทั้งสามคนของแม่ต้องหารเท่าๆ กัน”
สวี่ม่ายซุ่ยอ่านใบเสร็จจากสะใภ้ใหญ่หลินแล้วอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “พี่สะใภ้ใหญ่ คุณบอกฉันว่านี่คือใบเสร็จค่ารักษาของแม่เฒ่าเหรอ?”
สะใภ้ใหญ่หลินแสร้งพูดหน้าซื่อตาใส “ใช่สิ มันมีอะไรผิดปกติไปเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่สะใภ้ คุณคิดว่าฉันเป็นคนโง่มากสินะ ในใบเสร็จนี้มีแค่จำนวนเงินระบุไว้ ไม่มีรายละเอียดใดๆ เลยเหรอ?”
เมื่อเห็นว่าสะใภ้ใหญ่หลินพูดด้วยความน่าเชื่อถือ สวี่ม่ายซุ่ยจึงคิดว่าหล่อนจะต้องเตรียมใบเสร็จปลอมที่แสนจะแนบเนียนขึ้นมาแน่ๆ แต่ไม่คาดคิดว่ามันจะเป็นแค่กระดาษเปล่าที่มีจำนวนเงินเขียนอยู่โดยไม่มีแม้แต่ชื่อโรงพยาบาลหรือรายละเอียดของชื่อยา การตรวจหรือหัตถการอะไรเลย มีเพียงจำนวนเงินที่เขียนไว้เก้าพันหยวนเท่านั้น
สะใภ้ใหญ่หลินได้ยินแล้วไม่ได้ตื่นตระหนกเลย ซ้ำยังตอบด้วยรอยยิ้มว่า “น้องสะใภ้ เธอไม่เคยจ่ายค่ารักษาย่อมไม่เคยเห็น ใบเสร็จของโรงพยาบาลอื่นๆ ก็เป็นแบบนี้แหละ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บ้านนั้นมาหาเรื่องถึงบนเกาะเลยเหรอ แถมเอาใบเสร็จปลอมมาโชว์ด้วย ม่ายซุ่ยจะแก้เกมยังไงเนี่ย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION