ตอนที่ 121 พูดไกล่เกลี่ย
ป้าใหญ่สวี่พูดว่า “เธอไม่เข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อ เธอดูลานบ้านของหล่อนสิ มันไม่ใหญ่เท่าบ้านเราด้วยซ้ำ และพี่สะใภ้ของหล่อนคนนั้นน่ะ แค่มองแวบแรกก็เหมือนคนเห็นแก่ตัวเลย”
“สิ่งสำคัญที่สุดคือหน้าตาของหล่อนนั่นแหละ แก้มทั้งสองมีแต่รอยกระเต็มไปหมด ถ้าได้ลูกสะใภ้แบบนี้ เธอไม่กลัวจะทำให้พี่ชายอับอายเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแบบนั้นก็หันไปถามซูหมิง “พี่ใหญ่ พี่อายเหรอ?”
ซูหมิงยิ้มและส่ายหัวพลางเอ่ย “ไม่อายหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปหาป้าใหญ่สวี่แล้วพูดว่า “เห็นไหมคะ พี่ใหญ่ไม่ได้อายซะหน่อย”
ป้าใหญ่สวี่กลอกตามองด้วยความโกรธ “ทั้งสองคนรวมหัวกันทำให้ฉันโกรธแล้ว ขอบอกตรงนี้เลยว่าฉันไม่เห็นด้วย”
เมื่อได้ฟังคำตอบแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็รีบกอดแขนของป้าสวี่แล้วพูดออดอ้อน “ป้าอย่าเพิ่งโมโหสิคะ ค่อย ๆ ฟังฉันอธิบายก่อน”
แต่สีหน้าของป้าสวี่กลับมืดครึ้ม “ไม่ว่าเธอจะพูดยังไง ฉันก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “ป้าใจเย็น ๆ ก่อนค่ะ มองแวบแรกคุณอาจจะคิดว่าดูไม่สวย แต่ถ้าตัดประเด็นว่าใบหน้าของเซียงอวิ๋นตกกระทิ้ง หล่อนก็ยังดูดีนะคะ”
ป้าใหญ่สวี่ได้ยินแล้วเบะปากโดยไม่พูดคำใด สวี่ม่ายซุ่ยจึงพูดต่อ “ไม่ใช่ว่ามองแล้วไม่สวยก็จะไม่เก็บไว้นี่นา หล่อนไม่ได้น่าเกลียดจนจะส่งผลต่อลูกหลาน ถ้าตัดเรื่องหน้าตกกระออกก็ยังดูดีเลยทีเดียว ในอนาคตลูกก็จะไม่เป็นไร เพราะไม่เคยได้ยินว่าหน้าตกกระเป็นกรรมพันธุ์นะคะ”
สีหน้าของป้าใหญ่สวี่พลันผ่อนคลายเล็กน้อย สวี่ม่ายซุ่ยจึงพูดต่อ “นอกจากประเด็นนี้แล้ว สภาพครอบครัวของหล่อนก็ไม่ได้แย่ เพราะมีแค่หล่อนกับพี่ชายสองคน ก็แบบที่คุณได้เห็น พี่ชายของหล่อนแต่งงานสร้างครอบครัวสร้างฐานะแล้ว หล่อนไม่ต้องช่วยเหลือเลย ในทางกลับกันแม่ของหล่อนเสียอีกที่พยายามจะปกปิดข้อเสียของลูกสาว ในอนาคตแม่ของหล่อนจะช่วยเหลือทุกอย่างแน่นอนค่ะ”
“ข้อเสียเพียงประการเดียวคือหล่อนค่อนข้างอวดรู้และขี้เกียจ แต่ป้าเป็นใครล่ะคะ ทุกคนที่อยู่ต่อหน้าป้าจะไม่กล้าขี้เกียจด้วยซ้ำ”
เดิมทีพ่อซูยังไม่คลายกังวลเกี่ยวกับใบหน้าตกกระของเซียงอวิ๋น แต่หลังจากที่สวี่ม่ายซุ่ยพูดแบบนี้แล้ว เขาก็เปลี่ยนใจทันทีและพูดว่า “ผมคิดว่าม่ายซุ่ยพูดถูก ผู้หญิงคนนี้เก่งและเหมาะกับเรามาก คุณอย่าปฏิเสธหล่อนเลย”
ป้าสวี่ตอบด้วยความไม่พอใจ “คุณคิดว่าที่ฉันต้องเลือกมากก็ไม่ใช่ทำเพื่อลูกชายของคุณเหรอ แต่ถ้าตราบใดที่เขาตกลง ฉันก็จะไม่คัดค้านหรอกนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว พ่อซูก็หันไปถามซูหมิงด้วยความกระตือรือร้น “เจ้าใหญ่ แกคิดว่าไง?”
ซูหมิงแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เพียงแต่ไม่ได้แสดงสีหน้าออกมา และเขาก็ตอบแบบสบาย ๆ ว่า “ก็แล้วแต่พ่อแม่เลยครับ”
แม่สวี่ได้ฟังคำตอบแล้ว หล่อนก็รีบฉวยโอกาสนี้พูดว่า “อย่าไปฟังพวกเขาเลย แกดูคนที่อายุเท่า ๆ กันสิ พวกเขามีลูกหลายคนแล้วนะ แต่แกยังโสดอยู่เลย”
ซูหมิงฟังแล้วก็ตอบเสียงแผ่วว่า “ผมตกลงครับ คงต้องรบกวนญาติผู้น้องแล้วล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยรีบพูด “เป็นครอบครัวเดียวกันทั้งนั้นจะรบกวนอะไรล่ะ แต่ฉันต้องนั่งหัวโต๊ะตอนดื่มเหล้ามงคลนะ”
แม่สวี่รีบยกมือตีเธอไปหนึ่งทีแล้วพูดว่า “มีผู้อาวุโสตั้งหลายคน แกจะนั่งหัวโต๊ะได้ไงล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยค้าน “ไม่เหมือนกันหรอกค่ะ เพราะฉันเป็นคนจับคู่ให้สำเร็จนี่นา”
“ช่างเถอะ ถ้าไม่ได้นั่งหัวโต๊ะก็ไม่เป็นไร แต่ซื้อปลาหลีตัวใหญ่ ๆ ให้ฉันสองตัวก็พอ”
ป้าใหญ่สวี่จึงหันไปพูดกับซูหมิงว่า “ม่ายซุ่ยช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้แก ทำไมแกไม่รีบแสดงความขอบคุณเร็ว ๆ ล่ะ”
ซูหมิง “เธอไม่ต้องห่วงนะ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะให้ปลาหลีสองตัวใหญ่ ๆ กับเธอแน่นอน”
หลังจากได้บทสรุปแล้ว ทั้งครอบครัวก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อทุกคนกลับถึงบ้านก็เห็นควันลอยออกมาจากปล่องไฟบนห้องครัว โดยมีหลินเจี้ยนจวินกำลังสวมผ้ากันเปื้อนและยุ่งอยู่ในครัว
ป้าสวี่กับแม่สวี่เห็นดังนั้นแล้วจิตวิญญาณก็ถูกกระตุ้น พวกหล่อนพับแขนเสื้อขึ้นทันทีและเข้าไปขนาบข้าง “เจ้าเด็กคนนี้ยังไงกันนะ พวกเราบอกว่าจะไปข้างนอกครู่เดียว เธอจะลำบากทำไมเนี่ย”
หลินเจี้ยนจวินตอบว่า “ผมไม่ลำบากเลยครับ ผมแค่อยากจะทำไว้ก่อน ถ้าพวกคุณกลับมาเหนื่อย ๆ ก็จะได้กินเลย”
แม่สวี่ตำหนิ “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนี้หรอกนะ ในหม้อใบนี้มีอะไร เดี๋ยวฉันทำต่อเอง”
พูดจบก็ลงมือทันที
ป้าสวี่ก็พูดเสริมและเข้ามาแย่งงาน “มีงานอะไรให้ฉันทำบ้าง มา ๆ ยกให้ฉันทำ”
หลินเจี้ยนจวินรีบพูดว่า “อาสะใภ้ ป้าใหญ่ พวกคุณไม่ต้องช่วยจริงๆ ครับ ผมใกล้จะทำเสร็จแล้ว ในนี้ร้อนมาก พวกคุณเข้าไปพักผ่อนในบ้านเถอะ”
ตอนที่หลินเจี้ยนจวินกำลังหมดหนทาง สวี่ม่ายซุ่ยก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและเดินเข้ามาสมทบ ทันทีที่เธอเข้ามาก็ดันหลังแม่สวี่กับป้าสวี่ออกไป “แม่กับป้าใหญ่ที่รัก ตรงนี้ไม่มีอะไรให้พวกคุณทำหรอก พวกคุณรีบเข้าไปดื่มชาในบ้านเถอะค่ะ”
ป้าสวี่ถูกสวี่ม่ายซุ่ยผลักจนเซไปข้างนอก “เจ้าเด็กดื้อพวกนี้ มันร้อนมากนะ แค่พวกเธอสองคนจะทำไหวได้ไง”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “เราสองคนมีฝีมือกว่าที่คิดนะคะ พวกป้ารีบ ๆ เข้าบ้านเลยค่ะ”
สุดท้ายแล้วแม่สวี่ก็ยังสมกับเป็นแม่ของสวี่ม่ายซุ่ย ตอนนี้หล่อนทำได้แค่ออกมาห้ามป้าใหญ่สวี่เท่านั้น “เอาเถอะ ในเมื่อทั้งสองเต็มใจที่จะลำบากก็ปล่อยให้ลำบากไปเถอะ พวกเรามาในฐานะญาติ เราก็ปล่อยให้เจ้าบ้านทำงานไปเถอะ”
ป้าใหญ่สวี่ “แต่นี่มันไม่ถูกต้องเลยนะ”
แม่สวี่ตอบว่า “ไม่ถูกต้องอะไรกันล่ะ ไปเถอะ เราเข้าไปดื่มชากันดีกว่า”
ทันทีที่พวกหล่อนเข้ามาในบ้าน ก็เห็นพี่สะใภ้ใหญ่สวี่ถือถ้วยชาที่สวี่ม่ายซุ่ยซื้อมาและมองตาไม่กะพริบ “แม่คะ พวกแม่รีบมาดูถ้วยชาที่น้องสาวซื้อมาสิ มันสวยมาก ๆ เลย”
แม่สวี่ทนไม่ได้กับความคิดชนชั้นนายทุนของสะใภ้ใหญ่สวี่ หล่อนจึงตอบประชด “แค่ถ้วยชา ไม่เห็นจะมีอะไรเลย”
สะใภ้ใหญ่สวี่ “แม่ไม่เข้าใจหรอก เพราะคนแบบพวกเราจะใช้ถ้วยชาไปทำไม แต่น้องสาวยังเป็นคนมีรสนิยมดีจริง ๆ ฉันเคยเห็นถ้วยชานี้มาก่อน แต่ไม่กล้าซื้อหรอก เพราะมันราคาไม่ต่ำกว่าห้าหยวนเลย”
ป้าสวี่ “มันก็แค่ถ้วยชาชุดหนึ่ง ถ้าเธอชอบ วันหลังก็ซื้อไว้สักชุดสิ”
สะใภ้ใหญ่สวี่เม้มปาก ก่อนจะพูดว่า “มันแพงมาก ซื้อไม่ไหวหรอกค่ะ”
ป้าใหญ่สวี่เหลือบมองแม่สวี่ เมื่อเห็นว่าหล่อนไม่สนใจสะใภ้ใหญ่สวี่ จึงยิ้มและพูดว่า “ม่ายเถียนของพวกเธอเก่งมากขนาดนั้น ทำไมเธอจะไม่มีเงินจ่าย”
“เธอน่ะรู้ว่าจะใช้ชีวิตที่ดียังไง เพียงแต่ยังไม่กล้าที่จะปล่อยวางเท่านั้น ถ้าถามฉันว่าในหมู่เด็ก ๆ ของบ้านเราทั้งหมด เธอน่ะเป็นคนเดียวที่มีชีวิตดี ๆ นะ ไม่มีน้องชายน้องสาวคนใดเทียบเธอได้เลย”
“เธอไม่ใช่ไม่เห็นว่าม่ายลี่ต้องใช้ชีวิตอย่างกระเบียดกระเสียรทุกวัน ในแง่ของการใช้ชีวิตน่ะ หล่อนไม่สามารถเทียบเธอได้เลย”
เมื่อสะใภ้ใหญ่สวี่ได้ยินแบบนี้แล้วก็ดีใจขึ้นมา “ป้าเป็นคนเดียวที่ชื่นชมฉัน แต่ฉันไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้นหรอกค่ะ”
ปากของป้าสวี่หวานราวกับน้ำผึ้ง “ฉันไม่ได้แกล้งยอนะ เมื่อก่อนน่ะมีสาวน้อยไล่ตามม่ายเถียนทุกวัน แต่ทำไมแม่ของเขาถึงชอบเธอตั้งแต่แรกเห็นล่ะ ไม่ใช่เพราะเธอสวยและมีความสามารถหรอกเหรอ”
“เธออย่ามองแค่แม่ไม่พูดมาก แต่ฉันขอบอกเธอเลยว่าแม่พวกเธอน่ะใส่ใจเรื่องหน้าตามากที่สุด เธอดูรูปร่างหน้าตาของเด็ก ๆ พวกนั้นสิ ไม่มีใครแย่เลย ก็เพราะเธอ เจี้ยนเยี่ยกับคนรักของม่ายลี่ล้วนดูดีเหมือนกันหมด และดูดีกว่าคนอื่นใช่ไหมล่ะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่คิดอยู่พักหนึ่งแล้วตอบด้วยใบหน้าฉงน “ดูเหมือนที่ป้าพูดมาจะเป็นเรื่องจริงนะคะ”
แม่สวี่ได้ยินแล้วก็มองป้าสวี่ด้วยความรำคาญใจ แต่หล่อนก็เห็นป้าสวี่แอบขยิบตามาให้
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินเจี้ยนเยี่ยเลิกงานกลับมาบ้าน และเมื่อเดินเข้าประตูมาแล้ว เขาก็วิ่งไปที่ห้องครัวทันที ชะเง้อคอมองไปที่หลินเจี้ยนจวินและสวี่ม่ายซุ่ยซึ่งกำลังยุ่งอยู่ในครัวพลางถาม “แม่กับป้าใหญ่มาเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยกำลังล้างจานและหันกลับมาตอบว่า “มาแล้ว”
หลินเจี้ยนเยี่ยจัดเสื้อผ้าแล้วถามด้วยความประหม่า “ผมดูดีหรือยัง?”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “ดูดีแล้ว”
เมื่อได้ยินสวี่ม่ายซุ่ยช่วยยืนยัน หลินเจี้ยนเยี่ยก็สูดหายใจเข้าลึก เขายิ้มขึ้นมาแล้วก้าวไปที่บ้าน และทันทีที่เขาเดินเข้าประตูไป เขาก็ตะโกนทักทายแม่สวี่ “แม่ครับ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ภารกิจเป็นแม่สื่อสำเร็จแล้ว ยินดีด้วยนะคะ หมดเรื่องวุ่นวายไปหนึ่งเรื่อง
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION