ตอนที่ 119 ป้าสวี่ขึ้นมาบนเกาะของพวกเธอ
น้องสาวหมาจื่อฟังจบก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ใช้มือจัดปลายผม พูดอย่างกระมิดกระเมี้ยน “งั้นพี่จัดการดี ๆ อย่าให้ใครมาดูถูกเราได้ล่ะ”
ภรรยาหมาจื่อฟังคำพูดนี้แล้วก็กลอกตา พึมพำว่า “ฉันต้องให้เธอพูดหรือไง”
ผ่านไปชั่วพริบตาเดียวก็ถึงวันนัดดูตัวแล้ว วันนี้นอกจากภรรยาหมาจื่อจะยุ่ง สวี่ม่ายซุ่ยเองก็ไม่ได้ว่าง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ป้ากับลุงเขยมา อย่างไรก็ต้องต้อนรับคนให้ดี
“พี่สะใภ้ นอกจากปูกับปลาอินทรีแล้วยังต้องซื้ออะไรอีกไหม?”
“นายซื้อพวกซี่โครงหมู ผักใบเขียวมาหน่อย ดูว่าถึงสิบอย่างแล้วก็พอ” สวี่ม่ายซุ่ยขัดจานชามขณะตอบรับ
หลินเจี้ยนจวิน “ได้ครับ งั้นผมไปแล้วนะ”
หลินเจี้ยนจวินเพิ่งออกไปไม่นาน หลินเจี้ยนเยี่ยก็ถือกระเป๋าเอกสารเดินออกมาจากห้อง “ต้องให้ผมอยู่ช่วยที่บ้านไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปทางเขา ตอบด้วยดวงตาวาววับ “ได้นะคะ”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองสายตาคาดหวังของเธอ ทำได้แค่ลูบจมูกอย่างเก้อเขิน “เช้านี้ผมยังมีเรื่องที่ยังไม่ได้จัดการนิดหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปยิ้ม “เอาเถอะ ฉันรู้แล้ว รีบไปสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยเดินไปด้านนอกพลางตอบรับอย่างร้อนรน “คุณวางใจเถอะ ตอนเที่ยงผมต้องรีบกลับมาดื่มเป็นเพื่อนคุณลุงคุณป้าอยู่แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ยไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคนที่งานยุ่งอย่างหลินเจี้ยนเยี่ยสักนิด ขัดชามเสร็จก็ต้มน้ำ แล้วถึงพาหลินฟานไปท่าเรือ ส่วนหลินเซียววันนี้ไปเรียนจึงไม่อยู่บ้าน
รออยู่ที่ท่าเรือประมาณยี่สิบนาที แม่สวี่กับป้าสวี่ถึงมาถึง พอเห็นสวี่ม่ายซุ่ยก็กวักมือเรียก สวี่ม่ายซุ่ยเห็นก็รีบโบกมือให้พวกหล่อน
“พวกยายของลูกมาแล้ว เดี๋ยวอย่าลืมทักเขานะ” สวี่ม่ายซุ่ยกำชับหลินฟาน
หลินฟานพยักหน้า “ยาย ป้าสะใภ้ ยายใหญ่ ปู่ใหญ่ น้า พี่ชาย พี่สาว ใช่ไหมครับ?”
สวี่ม่ายซุ่ยลูบหัวเขาอย่างพอใจ เอ่ยชมว่า “เยี่ยมมาก”
รอพวกเขาลงเรือ สวี่ม่ายซุ่ยก็รีบไปต้อนรับ ได้ยินแม่สวี่ที่ประคองมือเธอพลางพูด “โชคดีที่วันนี้ไม่มีลม ไม่งั้นต้องเมาเรือแน่”
สวี่ม่ายซุ่ย “นี่แม่ไม่สบายอีกแล้วเหรอ”
แม่สวี่ “ฉันไม่เป็นไร เป็นลุงแกที่เมาเรือนิดหน่อย”
“ฉันก็ว่าอยู่ทำไมไม่เห็นลุงเขย” หลังประคองแม่สวี่เสร็จ สวี่ม่ายซุ่ยก็ไปพยุงป้าสวี่ลงมาต่อ
“ลุงเธอนอนอยู่ข้างใน เธอดูสิ… เขาไม่มีความสามารถสักนิด แต่ก็ยังร้องจะมา” ป้าสวี่พูดอย่างเหยียดหยาม
สวี่ม่ายซุ่ย “เมาเรือนี่เป็นเรื่องกลไกของร่างกาย ไม่เกี่ยวกับมีความสามารถหรือไม่มีหรอกค่ะ”
ป้าสวี่ “เธอนี่ก็ให้ท้ายเขาอยู่เรื่อย แล้วพวกเขาไม่มาเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ฟังก็รู้ว่าป้าสวี่ถามถึงใคร รีบอธิบาย “พวกเขารออยู่ที่บ้าน พวกเรากลับไปพักที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปเถอะค่ะ”
ป้าสวี่จัดเสื้อผ้าแล้วเบะปากตอบ “ก็ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยมองสะใภ้ใหญ่สวี่ที่ยืนอยู่กับจวินจวินและซิ่วซิ่ว ก่อนถามว่า “พี่สะใภ้ พวกเขาไม่ไปเรียนกันเหรอคะ?”
สะใภ้ใหญ่สวี่ “ก็มาหาเธอไม่ใช่หรือไง ฉันก็เลยลาให้พวกเขาแล้ว”
เวลานี้ทุกคนไม่ค่อยสนใจเรื่องการเรียน สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ไม่ได้พูดอะไร ในใจคิดว่าต่อไปจะพูดกับแม่สวี่ให้ดี ๆ ว่าต้องให้ความสำคัญกับการเรียนของเด็ก ๆ
ตอนที่พูด ซูหมิงก็ประคองพ่อซูออกมาจากเรือ ทั้งสองค่อย ๆ ลงจากเรืออย่างช้า ๆ หลังเห็นสวี่ม่ายซุ่ย พ่อซูก็เขินอายอยู่บ้าง “หลานสาว ต้องให้เธอเห็นเรื่องตลกแล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลุงเขย ดูลุงพูดเข้า เรือนี้มีคนเมาเรือตั้งเยอะ ถ้าให้ฉันดูเรื่องตลก ต้องไปดูตอนไหนคะถึงจะเห็น”
พ่อซูหัวเราะ “ยังคงเป็นเธอที่รู้ความ ไม่เหมือนป้าเธอ”
ป้าสวี่จ้องมาทันที “เหมือนป้าหล่อนแล้วทำไม ที่อยู่บนเรือนั่นไม่ใช่ฉันดูแลคุณเหรอ”
พ่อซูรู้ความผิดตัวเองดี ไม่กล้าส่งเสียงอีก สวี่ม่ายซุ่ยหัวเราะ รีบเชิญพวกหล่อนเดินไปที่บ้าน แต่ยังไม่ทันถึงสมาคมหน่วยข่าวกรอง ก็รู้สึกถึงสายตาที่มองมาทางพวกเธอ
แม่สวี่ “ทำไมถึงมีคนเยอะขนาดนี้ พวกหล่อนไม่มีเรื่องอะไรจะทำกันเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ยหัวเราะ ในใจคิดถึงภรรยาหมาจื่อที่รีบเตรียมน้องสาวหมาจื่อให้แต่งออกไปสุดฤทธิ์ วันนี้เรื่องที่มาพบกันคงแพร่ออกไป คนพวกนี้คงมารวมตัวกันที่นี่เพื่อเตรียมชมเรื่องคึกคัก
ยังไม่ทันรอให้สวี่ม่ายซุ่ยพูด ก็ได้ยินเสียงป้าสวี่พูด “นี่พี่ยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ชาวบ้านเขาเป็นเมียเจ้าหน้าที่กันหมด ไม่ได้ลุยโคลนเหมือนเราที่วัน ๆ ยุ่งกันจะตาย”
เพิ่งจะพูดออกไป ก็ได้ยินสะใภ้ใหญ่สวี่ตอบกลับ “ป้าพูดไม่ถูก ฉันมองแล้วก็มีหลายคนที่พอ ๆ กับเราแหละน่า”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินคำพูดนี้ก็พูดตามตรง “ป้า พี่สะใภ้ นี่ไม่ใช่ที่อื่น พูดซี้ซั้วไม่ได้”
ป้าสวี่ได้สติกลับมาทันที ตบปากเบา ๆ แล้วตอบกลับ “ฉันนี่มันปากพล่อยจริง ๆ”
พวกเธอเพิ่งมาถึงฝั่งคนกลุ่มหนึ่ง ก็ได้ยินคนถาม “นักบัญชีสวี่ เธอพาใครมากันเนี่ย”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างมาก “แม่ฉันแล้วก็ครอบครัวป้าฉันค่ะ”
“ญาติฝ่ายแม่?”
สวี่ม่ายซุ่ยพยักหน้า “ค่ะ”
“หนุ่มน้อยคนนั้นเป็นใคร?”
สวี่ม่ายซุ่ยหันกลับไปมองซูหมิง “พี่ใหญ่ฉันค่ะ”
พริบตาเดียว สายตาของคนโดยรอบก็หันไปทางซูหมิง โชคดีที่หลายปีมานี้ซูหมิงฝึกตนมาอย่างดีแล้ว แม้ใจจะร้อนรน แต่สีหน้าไม่แสดงออกเลยสักนิด
รอไม่กี่วินาที สวี่ม่ายซุ่ยก็พูดออกมาอย่างเหมาะเจาะ “ป้า พวกป้าคุยเล่นกันไปนะคะ ฉันจะพาพวกหล่อนกลับไปพักก่อน”
ยายเฒ่ารีบผงกหัวตอบรับ “ดี ๆ รีบกลับไปพักเถอะ”
พอผ่านกลุ่มคนไป สะใภ้ใหญ่สวี่ก็ตบอกพูดอย่างหวาดผวา “น้องสาว ไม่คิดเลยว่าคนแถวบ้านเธอจะขี้นินทากันขนาดนี้”
สวี่ม่ายซุ่ยหัวเราะ “ที่ที่มีคนก็ย่อมมีเรื่องนินทาแหละค่ะ”
เมื่อกลับถึงบ้าน สวี่ม่ายซุ่ยก็เปิดประตูให้พวกหล่อนเข้าไปก่อน พอเข้าประตูไป สะใภ้ใหญ่สวี่ก็ทำเหมือนไม่เคยเห็นของดีมาก่อน ตกใจจนหุบปากไม่ลง “น้องสาว บ้านใหญ่มากเลยนะนี่”
“ผักนี่ใครปลูก ดูน่าอร่อยดี”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันปลูกเอง พี่สะใภ้นั่งเรือมาไม่เหนื่อยเหรอคะ?”
สะใภ้ใหญ่สวี่ตอบกลับอย่างเมินเฉย “ทางแค่นี้จะไปเหนื่อยอะไร ฉันไม่ใช่ลุงเรานะที่ยังเมาเรืออีก”
สวี่ม่ายซุ่ย…
แม่สวี่ “พอได้แล้วเธอ ไม่รู้จักพูดก็ไม่ต้องพูด”
สวี่ม่ายซุ่ยกลัวว่าทั้งคู่จะตีกันตรงนี้ก็รีบพูด “ในบ้านฉันมีน้ำเย็น ๆ ตอนนี้พวกเราไปพักในบ้านเถอะ”
เพิ่งจะเข้าบ้าน หลินเจี้ยนจวินที่ซื้อกับข้าวเสร็จก็กลับมาแล้ว พอเข้าไปเห็นคนมากขนาดนี้ก็รู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง “ป้า น้า น้าเขย พี่สะใภ้”
ก่อนที่พวกเขาจะมา สวี่ม่ายซุ่ยก็บอกแล้วว่าคนที่มาเป็นใคร ดังนั้นพอพบหน้า หลินเจี้ยนจวินก็รู้ว่าต้องเรียกอย่างไร
แม่สวี่เห็นหลินเจี้ยนจวินก็พยักหน้าให้อย่างอ่อนโยน ป้าสวี่ก็ยิ้มอย่างโอบอ้อมอารี “เธอคงเป็นน้องชายหลินเจี้ยนเยี่ยสินะ โตมาดีจริง ๆ หน้าตานี่คล้ายพี่ชายเธอเลย”
หลินเจี้ยนจวินเกาหัวอย่างเขินอาย “ขอบคุณสำหรับคำชมครับป้า”
“พี่สะใภ้ แตงโมที่ฉันซื้อต้องเอาเข้ามาไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ เอาเข้ามาก่อนเถอะ กินแตงโมแล้วค่อยไป”
ซูหมิงเห็นหลินเจี้ยนจวินพูดจบก็จะเดินไปด้านนอก รีบลุกขึ้นพูดว่า “เดี๋ยวฉันไปช่วยนายนะ”
พูดจบทั้งสองก็เดินออกจากห้อง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ครอบครัวทางฝั่งม่ายซุ่ยนิสัยดีกันจัง ไม่เหมือนฝั่งสามีที่ยกเว้นเจี้ยนจวินกับเจี้ยนเยี่ยแล้วก็มีแต่อะไรไม่รู้
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION