ตอนที่ 116 เธอแนะนำอะไรให้พี่สามีเธอเนี่ย
แม่สวี่ “มีป้าแกอยู่ ก็ไม่ต้องให้เราเป็นห่วงหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ย “แม่ไม่เป็นห่วง พ่อฉันก็ไม่เป็นห่วงด้วยไหม”
แม่สวี่ “เขาเป็นห่วงก็เรื่องของเขา ไม่ต้องให้เรายุ่ง”
สวี่ม่ายซุ่ย “ถ้าให้ฉันพูด ครั้งนี้ต้องเหมาะสมกับมาตรฐานความงามของป้าฉันแน่ แม่วางใจเถอะถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ ฉันรับรองว่าจะไม่ยกมาพูดอีก”
แม่สวี่เห็นสวี่ม่ายซุ่ยใส่ใจขนาดนี้ก็เลิกคิ้วถาม “แกบอกความจริงฉันมา ทำไมแกต้องแนะนำคู่ให้เขา”
สวี่ม่ายซุ่ย “ก็ได้… ก็ได้ ฉันจะพูดความจริงกับแม่ ฉันรับปากเพื่อนบ้านไว้ว่าจะแนะนำคู่ให้น้องสาวหล่อน”
แม่สวี่ “เป็นคนในกองทัพด้วย?”
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม พี่ชายเป็นผู้บังคับกองร้อย ส่วนหน้าตาหล่อน สวยมากแต่ว่าหน้ามีกระ”
แม่สวี่ “แล้วไงอีก”
สวี่ม่ายซุ่ย “ชอบย้ำคิดย้ำทำ ขี้เกียจอีก ขี้เกี้ยจมากเป็นพิเศษ แต่ฉันคิดว่าป้าฉันจะดัดนิสัยหล่อนได้ ปากป้าฉันน่ะเหรอ ไม่ใช่แค่จู้จี้ แล้วยังชอบหลอกลวงอีก ขอแค่หล่อนเห็นใครในสายตา ก็หลอกลวงได้หมดแหละ”
แม่สวี่ “นี่แกจะเล่นลูกไม้อะไรกับป้าแกอีก”
สวี่ม่ายซุ่ย “แม่ว่าเหมาะหรือไม่เหมาะล่ะ”
แม่สวี่ลังเลสักพักก่อนพูด “ฟังแกพูดขนาดนี้ก็เหมาะสมมากจริง ๆ นั่นแหละ”
สวี่ม่ายซุ่ย “งั้นจะรออะไร? ไปกันเถอะค่ะ” เธอพูดพลางลากแม่สวี่ขึ้นมา
แม่สวี่ “แกไม่กินข้าวแล้ว?”
สวี่ม่ายซุ่ย “กลับมาค่อยกินก็ได้ค่ะ”
เห็นสีหน้าร้อนรนของเธอ แม่สวี่ก็กลอกตาใส่เธออย่างไม่สบอารมณ์ “รอก่อน ถ้าแกกล้าไปมือเปล่า ป้าแกคงตีแกออกมา”
รอสองแม่ลูกเก็บของเสร็จแล้ว สะใภ้ใหญ่สวี่ก็ยกข้าวที่ผัดเสร็จแล้วเข้ามาในห้องเห็นสองแม่ลูกที่ถือตะกร้าออกมาก็ถามอย่างเเปลกใจ “แม่ น้องสาว นี่พวกเธอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเราจะออกไปข้างนอกสักประเดี๋ยว ข้าวนี่พี่กับพวกพ่อกินกันก่อนเลย”
สะใภ้ใหญ่สวี่ถามด้วยสีหน้าโง่งม “นี่ก็จะได้เวลากินข้าวแล้วยังจะไปไหนอีก?”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้ว่าสะใภ้ใหญ่สวี่มีนิสัยชอบซักไซ้ไล่เลียงจนถึงที่สุดก็เลยพูดตามตรงอย่างไม่ปิดบัง “ฉันจะไปทาบทามคนให้ลูกพี่ลูกน้องน่ะ”
สะใภ้ใหญ่สวี่ฟังจบก็จ้องตาโต ถามอย่างคิดไม่ถึง “เธอจะไปทาบทามซูหมิง? นี่เป็นข่าวใหญ่นะ ไม่ได้ ฉันต้องไปดูด้วย”
หล่อนพูดแล้วปลดผ้ากันเปื้อน
สะใภ้ใหญ่สวี่นั้นขึ้นชื่อเรื่องสัพเพเหระ พอยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดก็เลยตื่นเต้น
สวี่ม่ายซุ่ย “เรื่องยังไม่ถึงไหนเลย ฉันแค่จะไปถามดู ถ้าพี่อยากดูรอวันดูตัวขอค่อยดู”
แม่สวี่ก็พูดด้วย “ใช่ ถ้าเราไปหมด พวกพ่อเธอกลับมากินข้าวจะทำยังไง”
สะใภ้ใหญ่สวี่เห็นทั้งสองไม่ยอมให้ตัวเองไปก็เบะปากพึมพำอย่างไม่ยินดี “ก็ได้ แต่วันดูตัวฉันว่ายังไงก็ต้องไป”
สวี่ม่ายซุ่ย “ได้ ถึงเวลานั้นคงต้องอาศัยพี่ออกโรง”
สะใภ้ใหญ่สวี่ฟังจบถึงค่อยดีใจขึ้นมาหน่อย เงยหน้าพูดอย่างภูมิใจ “ก็ได้ งั้นพวกเธอไปเถอะ”
ตอนที่ไปสวี่ม่ายซุ่ยก็สะดวกพาหลินฟานไปด้วย ที่จริงแล้วสะใภ้ใหญ่สวี่คนนี้นอกจากจะปากร้ายไปหน่อย ชอบตอดเล็กตอดน้อย แต่ความจริงดีกับเด็กมาก สวี่ม่ายซุ่ยไม่กล้าทิ้งหลินฟานไว้ที่นั่น กลัวจวินจวินกับซิ่วซิ่วจะโมโห
ป้าสวี่กับพวกเธอเป็นเพื่อนบ้านกัน ออกจากบ้านผ่านไร่ระหว่างสองบ้านก็ถึงบ้านของพวกป้าสวี่แล้ว ตอนที่ไปถึงก็เห็นป้าสวี่กำลังยืนพูดกับคนอยู่หน้าบ้าน
พอป้าสวี่เห็นพวกเธอมาก็ผงะไป จากนั้นก็ยิ้มต้อนรับเสียงดัง “พี่สะใภ้ ม่ายซุ่ย พวกเธอมาเยี่ยมกันได้แล้วสินะ”
แม่สวี่ที่จูงหลินฟานอยู่พูดว่า “นี่ไม่ใช่ว่าหลานสาวคิดถึงเธอเหรอ เลยต้องลากฉันมาเยี่ยมเธอให้ได้”
ป้าสวี่ยิ้มเจิดจ้า “ก็ยังเป็นหลานสาวคนโตที่รักฉัน”
“ไอ้หยา นี่คือฟานฟานสินะ โตมาน่ารักเชียว มาให้ป้าหอมหน่อยซิ”
หลินฟานเห็นท่าทางแบบนั้นของหล่อน ก็ตกใจจนหลบอยู่หลังแม่สวี่
สวี่ม่ายซุ่ยมีความรู้สึกพิเศษให้ป้าสวี่ อาจจะเป็นเพราะสาเหตุจากน้องชายของเธอ ป้าสวี่จึงรักพี่น้องเธอมาก ตอนที่มีข่าวลือของเธอว่อนไปทั่ว ป้าสวี่ไม่เคยว่าเธอเลย แล้วยังแก้ต่างให้เธอตลอด
แม่สวี่เผลอเอาตัวบังหลินฟานไว้ด้านหลังพูดกับป้าสวี่ว่า “เหมยจื่อ นี่ใช่ที่ที่ควรจะพูด พวกเรากลับบ้านก่อนเถอะ”
ป้าสวี่เป็นคนหัวไว พอฟังความหมายออกก็รีบพูด “ไป ๆ ๆ กลับบ้านก่อน”
ตอนกลับบ้าน คนที่พึ่งคุยกับสวี่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงนั้น มองพวกเธอแล้วเข้ามาพูดกับป้าสวี่ว่า “เหมยจื่อ บ้านมีแขกเหรอ”
ป้าสวี่หัวเราะแหะ ๆ ตอบรับ “พี่สะใภ้กับหลานสาวฉันมาเยี่ยมฉันน่ะ”
เพื่อนบ้าน “หลานสาวเธอนี่สวยจริง ๆ”
ป้าสวี่ตอบกลับอย่างไม่เกรงใจทันที “สวยล่ะสิ คนเขาก็พูดว่าหน้าอย่างกับดารา”
เพื่อนบ้าน “ใช่ เหมือนดาราเลยแหละ ทั้งขาวทั้งสวย”
ป้าสวี่ “อืม บ้านฉันก็พูดแบบนี้กันหมด”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังคำพูดที่ดูไม่เกรงใจของป้าสวี่ก็ก้มหัวลงอย่างเขินอาย แต่ก่อนเธอหน้าตาเหลืองซ่านเป็นเทียนไข ผอมอย่างกับไม้เสียบผี มีคนชมเธอที่ไหน ป้าเธอนี่เป็นพวกเข้าสังคมจริง ๆ อะไรก็พูดอย่างไม่เกรงใจหมด
กลับถึงบ้าน ป้าสวี่ก็เริ่มเอาเก้าอี้ไม้มาให้พวกเธอแล้วรินน้ำ “พวกเธอมากะทันหันเกินไปแล้ว ไม่งั้นฉันจะต้องไปซื้ออาหารดี ๆ จากสหกรณ์มาให้พวกเธอกินแน่”
แม่สวี่ “เกรงใจอะไรคนบ้านเดียวกัน อีกอย่างที่บ้านก็ทำกับข้าวแล้ว พวกฉันคงไม่กินที่นี่อีก”
ป้าสวี่ฟังจบก็มีสีหน้าหนักอึ้ง “พี่สะใภ้พูดแบบนี้ หลานสาวฉันพาลูกมาเที่ยวหนึ่งมันไม่ง่ายเลยนะ ทำไมไม่กินข้าวก็จะไปแล้ว ดูถูกป้าหล่อนชัด ๆ”
แม่สวี่ “เธออย่าพูดมั่วซั่ว ครั้งนี้หลานสาวเธอมาเพราะมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ป้าสวี่ฟังจบก็หยิบเก้าอี้ไม้มานั่งด้านข้างสวี่ม่ายซุ่ยพลางพูด “เรื่องอะไร”
สวี่ม่ายซุ่ยดื่มชาไปอีกหนึ่งพูดอย่างสงบนิ่ง “ป้า พี่ใหญ่ไม่อยู่บ้านเหรอ”
ป้าสวี่ “ไม่อยู่หรอก พอดีมีธุระในหมู่บ้าน เขาเลยไปช่วยแล้วน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ลังเลสักพักก่อนพูด “ป้า พี่ใหญ่ยังไม่มีคู่สินะ ฉันอยากแนะนำคู่ให้เขา”
ป้าสวี่ได้ฟังก็สนใจทันที รีบตอบกลับว่า “ได้สิ เธอดูเรื่องนี้พี่ใหญ่เธอทำฉันกังวลไม่น้อย ไม่มีที่เหมาะสมเลย”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ดื่มน้ำจนหมด ตกใจขึ้นมา ในใจคิดว่าถ้าไม่ใช่หล่อนเรื่องมาก พี่ใหญ่คงได้แต่งงานไปนานแล้ว
“หน้าตาดีไหม ที่บ้านเป็นไงบ้าง มีพี่น้องกี่คน ถ้าน้องสะใภ้เยอะ มีน้องชายคนเดียวไม่เอา ถ้าเหมือนพี่สะใภ้เธอ งั้นก็ใช้ไม่ได้”
สวี่ม่ายซุ่ยตอบกลับอย่างใจเย็น “หน้าตาพอได้ มีพี่น้องสองคน ที่บ้านมีพี่ชาย พี่เขาเป็นผู้บังคับกองร้อย อยู่หน่วยเดียวกับหลินเจี้ยนเยี่ย”
ป้าสวี่ฟังจบก็พึมพำอย่างผิดหวังอยู่บ้าง “ผู้บังคับกองร้อยเหรอ”
แม่สวี่ฟังจบก็พูดต่อว่า “ผู้บังคับกองร้อยก็พอ คู่ม่ายซุ่ยเป็นหัวหน้ากองร้อย เขาเป็นผู้บังคับกองร้อยก็กดเธอไม่ลงหรอก อีกอย่างพี่ชายแท้ ๆ หล่อนเป็นผู้บังคับกองร้อยก็ไม่ต้องให้พวกเธอช่วย ไม่แน่ว่าอาจจะช่วยพวกเธอได้ด้วย”
ป้าสวี่ “งั้นพ่อแม่หล่อนล่ะ?”
แม่สวี่ “ก็ดี ๆ ทั้งนั้น มือไม้ใช้การได้ ไม่ต้องให้พวกเขาดูแล อีกอย่างชาวบ้านเขาก็อยู่กับเมียพี่ชายหล่อน”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ป้าสวี่นี่เป็นแม่สื่อมือทองหรือเปล่าคะ ดูช่ำชองมากกับการจับคู่แต่งงาน
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION