ตอนที่ 115 กลับบ้านแม่ไปคุยเรื่องแต่งงาน
“อยากกินเป็ดขนาดนี้เลย?” หลินเจี้ยนเยี่ยมองสีหน้าเบื่อหน่ายของสวี่ม่ายซุ่ย ขณะพูดอย่างเอาใจ
สวี่ม่ายซุ่ย “อืม อยากกินมาก”
ในชาติก่อน หลังจากที่ชีวิตดีขึ้นมาหน่อย สิ่งที่เธอชอบที่สุดก็คือเป็ด น่าเสียดายที่ปัจจัยมีจำกัด ปีหนึ่งกินได้ไม่กี่ครั้ง
“พอแล้ว ไม่ต้องสนเขาแล้ว ผมจะหาวิธีให้คุณเอง”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา มองเขาด้วยดวงตาเปล่งประกาย พูดด้วยสีหน้าเลื่อมใส “ผู้บังคับกองร้อยหลินยอดเยี่ยมจริง ๆ รู้อยู่แล้วว่าคุณดีที่สุด”
หลินเจี้ยนเยี่ยหัวเราะ พูดอย่างอ่อนโยนว่า “ตอนนี้ก็ลุกได้แล้วสินะ”
สวี่ม่ายซุ่ยเอนตัวไปด้านข้าง ตอบกลับอย่างเกียจคร้านว่า “ลุกไม่ขึ้น สมองระบมไปหมดแล้ว ฉันต้องไปนอน”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองภรรยาที่ห่อตัวเป็นก้อน ยิ้มอย่างจนใจ “ได้ คุณนอนไป ผมจะไปทำกับข้าวเอง”
พูดจบก็ม้วนแขนเสื้อเดินออกไปด้านนอก
พอเขาออกไป หลินเจี้ยนจวินกับหลินฟานก็เข้ามารุมล้อมทันที “พี่ พี่สะใภ้เป็นยังไงบ้าง?”
หลินเจี้ยนเยี่ย “เหนื่อยนิดหน่อย ให้หล่อนหลับไปแล้ว เดี๋ยวฉันทำกับข้าวเอง”
หลินเจี้ยนจวินเห็นท่าทางของหลินเจี้ยนเยี่ยก็พูดอย่างไม่ชอบใจนิดหน่อย “พอแล้ว ให้ผมทำเองเถอะ” เขาพูดแล้วเดินไปทางห้องครัว
หลินฟานเห็นอาเข้าครัวไปแล้วก็เหลือบมองพ่อของเขา ก่อนวิ่งไปเล่นตัวต่อไม้บนม้าหิน
หลินเจี้ยนเยี่ยมองคนทั้งสองที่แยกย้ายกันหมดในพริบตา ส่งเสียงฮึดฮัดเบา ๆ แล้วหมุนกายกลับห้อง
สวี่ม่ายซุ่ยนอนอยู่ที่บ้านจนถึงเที่ยง กินข้าวแล้วก็เริ่มเก็บของ
หลินฟานวิ่งมาถาม “แม่ แม่จะทำอะไร?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไปบ้านยายลูกน่ะ”
หลินฟานได้ฟังก็รีบพูด “ผมอยากไปด้วย”
เพราะว่าพาเขาไปแค่คนเดียว สวี่ม่ายซุ่ยเลยไม่ได้ปฏิเสธ ตอบรับอย่างสบาย ๆ ว่า “ได้สิ ลูกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเลย”
สวี่ม่ายซุ่ยเก็บของเสร็จ หลินฟานก็เปลี่ยนเสื้อผ้าออกมาแล้ว เพียงแต่แต่งตัวได้เละเทะไปหมด “มา ๆ เดี๋ยวแม่จะแต่งตัวให้ลูกเอง”
หลินฟานฟังจบก็อ้าสองมือ วิ่งเหยาะ ๆ พุ่งไปซุกอ้อมกอดของเธออย่างเชื่อฟัง
สวี่ม่ายซุ่ยดึงกางเกงขึ้นให้เขาแล้วดึงเสื้อตัวบนลงมา จัดเสื้อผ้าเสร็จก็จูงมือเขาเดินไปด้านนอก
“เจี้ยนจวิน พวกฉันไปแล้วนะ นายอยู่เฝ้าบ้านให้ดี”
หลินเจี้ยนจวินออกมาจากห้องครัว เช็ดเหงื่อพลางพูด “ได้เลย”
ตอนที่สวี่ม่ายซุ่ยพาหลินฟานไปถึงบ้านแม่ แม่สวี่กับสะใภ้ใหญ่สวี่ก็กำลังยืนคุยกันใต้ร่มเงาต้นไม้ที่ปากทางหมู่บ้าน
เห็นพวกเธอมาแล้ว แม่สวี่ก็รีบลุกขึ้นพูด “นี่ก็นานแล้วนะ ที่ไม่ได้กลับมา ทำไมวันนี้ถึงว่างมาได้ล่ะ?”
สะใภ้ใหญ่สวี่ก็เดินตามมาด้วย หล่อนยื่นมือไปรับตะกร้าจากมือสวี่ม่ายซุ่ย
สวี่ม่ายซุ่ย “ในหมู่บ้านทำงานกันไปได้ประมาณหนึ่งแล้ว ฉันก็เลยเจียดเวลาว่างมาเยี่ยมได้”
ถือโอกาสตอนที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุย สะใภ้ใหญ่สวี่ก็ค่อย ๆ แง้มผ้าบนตะกร้าอย่างเงียบ ๆ เห็นเนื้อกับเหล้าที่วางอยู่ด้านใน รอยยิ้มบนใบหน้าก็กว้างขึ้นแทบจะคุมไม่อยู่
“เธอมาได้เสียที ไม่รู้เหรอกว่าแม่เรารออยู่บ้านจนร้อนใจไปหมดแล้ว ถ้าเธอยังไม่มา ต้องเรียกให้เจ้าสี่ไปดูเธอแน่”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็รีบพูด “รู้งี้ฉันไม่มาดีกว่า รอให้แม่มาเยี่ยมฉันแทนดีกว่า”
แม่สวี่มองเธออย่างขุ่นเคืองพลางตอบกลับ “งั้นแกก็ฝันไปเถอะ”
“ไปเถอะ กลับบ้านกัน ไอหยา… หลานยาย มาให้ยายกอดเร็ว ๆ” นางพูดและเตรียมจะกอดหลินฟาน ส่วนหลินฟานก็ไว้หน้าด้วยการกอดคอนาง
สวี่ม่ายซุ่ยมองแม่สวี่ที่กำลังอุ้มหลานอย่างทุลักทุเลก็รีบพูด “แม่ แม่อย่าไปอุ้มเขา เขาอายุตั้งเท่าไรแล้ว เดี๋ยวจะทำแม่หนักเปล่า ๆ”
แม่สวี่ฟังจบก็ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เด็กเพิ่งจะอายุกี่ขวบเอง ไม่ถึงกับหนักหรอก”
สะใภ้ใหญ่สวี่ก็พูดด้วย “ใช่ หลินฟานจะหนักกี่ชั่งเอง ตอนแม่ทำงานในไร่ กระสอบมันฝรั่งเป็นร้อยชั่งก็แบกไหว”
พอพูดคำนี้ออกมา ใบหน้าสวี่ม่ายซุ่ยก็พลันหนักอึ้ง “แม่อายุตั้งเท่าไรแล้วพี่ ยังจะให้แม่แบกกระสอบมันฝรั่งเป็นร้อยชั่งอีกเหรอ”
สะใภ้ใหญ่สวี่ก็รู้ว่าพูดผิดไปเลยรีบตบปากตัวเอง “เธอดูปากฉันสิ จะให้แม่แบกได้ที่ไหน แม่แค่แบกไปสองครั้งเอง”
“พี่ก็รู้ว่าแม่เราทำงานอยู่กับไอ้สารเลวโก่วเชิ่งนั่น ถ้าแม่ไม่ทำ ไอ้โก่วเชิ่งต้องหาเรื่องพี่ชายเธอแน่ แม่เราก็ไม่มีทางเลือก”
สวี่ม่ายซุ่ย “แม่เราอายุตั้งเท่าไรแล้ว ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะให้แม่เขาทำ”
สะใภ้ใหญ่สวี่ “เขาก็ไม่ให้แม่เขาทำจริง ๆ เขาทำงานแทนแม่ ฉันอยากแบกแทนแม่เรา แม่เราก็ไม่ยอม”
แม่สวี่ตอบกลับอย่างสบาย ๆ “ฉันไม่ใช่คนอายุเจ็ดแปดสิบด้วยซ้ำ ตัวเองแบกไหวอยู่ก็ไม่ต้องถึงมือพวกเธอทำหรอก”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้ว่าแม่สวี่เป็นคนประเภทที่ลำบากก็ไม่ปริปากบ่น เลยไม่ได้ตอบรับคำพูดหล่อน หันไปถามสะใภ้ใหญ่สวี่ว่า “พี่ใหญ่ฉันว่ายังไง”
สะใภ้ใหญ่สวี่ “เธอยังไม่รู้จักนิสัยพี่ใหญ่เธอคนนั้นอีกเหรอ เจอหน้าโก่วเชิ่งทีไรก็ต้องก้มหัว”
สวี่ม่ายซุ่ยทราบแล้วว่าพี่ใหญ่ของเธอไม่กล้าขัดอีกฝ่าย “ได้ งั้นวันนั้นฉันจะไปคุยกับโก่วเชิ่ง ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะกล้าทำตัวหน้าไม่อายขนาดนี้”
เพราะไม่อยากให้สามีบ้านหล่อนออกหน้า สะใภ้ใหญ่สวี่ก็พลันยินดี “น้องสาว ถ้าเธอพูดได้ก็จะดีที่สุด”
อันที่จริงสวี่ม่ายเถียนคิดจะไปพูดกับโก่วเชิ่งตั้งนานแล้ว แต่สะใภ้ใหญ่สวี่ก็รักศักดิ์ศรี กดดันไม่ให้สวี่ม่ายเถียนไปตลอด
ครั้นกลับถึงบ้าน แม่สวี่ก็ให้หลินฟานไปเล่นในสวนแล้วจัดการให้สะใภ้ใหญ่สวี่ไปทำกับข้าว สะใภ้ใหญ่สวี่เดิมทีไม่พอใจนัก แต่พอแม่สวี่ส่งตะกร้ามาให้ก็ยิ้มแฉ่งทันที ตอบกลับว่า “ได้เลยแม่ แม่กับน้องสาวไปคุยกันเถอะ ฉันจะไปทำกับข้าว รับรองว่าครบเครื่องแน่”
แม่สวี่มองท่าทางประจบประแจงของสะใภ้ใหญ่ก็ตอบรับอย่างเฉื่อยชา “ได้ เธอไปเถอะ”
หลังส่งสะใภ้ใหญ่สวี่ไป ในห้องก็เหลือแค่เธอกับแม่สวี่ แม่สวี่มองเธอพลางพูด “พูดมาเถอะ ครั้งนี้มาทำอะไร”
สวี่ม่ายซุ่ยเดินไปคล้องแขนแม่สวี่พูดอ้อนว่า “ฉันจะไปมีเรื่องอะไรได้ ก็แค่อยากมาเยี่ยมแม่”
แม่สวี่เหลือบมองเธออย่างเมินเฉย “แกคือลูกที่ฉันคลอดมา ฉันยังจะไม่รู้จักแกอีกเหรอ พูดมาเถอะ มีเรื่องอะไรจะขอฉัน”
สวี่ม่ายซุ่ยมองแม่ที่รู้แจ่มแจ้ง ยิ้มเขิน ๆ ว่า “แม่ยังเป็นแม่ที่ยอดเยี่ยมเหมือนเดิมเลยนะคะ ไม่มีอะไรรอดพ้นสายตาแม่ไปได้”
“ฉันอยากให้แม่ไปบ้านพี่สามีเป็นเพื่อนฉัน ฉันอยากแนะนำคู่ให้ลูกพี่ลูกน้อง”
แม่สวี่ฟังจบก็ขมวดคิ้ว ถอนตัวแล้วมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ ถามเธอว่า “แกบ้าหรือเปล่า หรือว่ากินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำกันแน่ แกไม่รู้หรือว่าพี่สามีแกเป็นคนยังไง?”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดอ้อนว่า “รู้ค่ะ”
แม่สวี่ตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์ “แกรู้แล้วแกยังจะแนะนำอีก พี่สามีแกเป็นแบบนั้น ต่อให้จะแนะนำก็ขายไม่ออกง่าย ๆ”
“ชาวบ้านเขาแนะนำครอบครัวฐานะดีให้หล่อน หล่อนก็รังเกียจกฎเกณฑ์อันสูงส่ง คุมชาวบ้านไม่อยู่ พอแนะนำบ้านที่ธรรมดาให้ หล่อนก็รังเกียจว่าคนจะดูถูก พอแนะนำที่สวย ๆ ให้อีก หล่อนก็ว่าเหมือนจิ้งจอก คุมไม่ไหวหรอก ถ้าแนะนำคนธรรมดาให้ หล่อนก็ว่าน่าเกลียด ดูแล้วน่ารำคาญ”
“ไหน… แกบอกฉันแกอยากแนะนำคนแบบไหนให้ลูกพี่ลูกน้องแก มาเบิกเนตรฉันหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยรู้ว่าแม่เธอกำลังจะโกรธก็รีบไปคล้องแขนหล่อนพลางพูด “นี่ไม่ใช่ว่าฉันเห็นลูกพี่ลูกน้องยังโสดอยู่เหรอคะ ทำเป็นเรื่องจริงจังไปได้”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
จะแนะนำคนแบบไหนให้น้องสามีหมาจื่อกันนะ คีย์เวิร์ดคือต้องเป็นคนที่กำราบผู้หญิงร้าย ๆ ได้อะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION