ตอนที่ 113 หลินเซียวเปิดเทอมแล้ว
ไต้ฉิงพูดด้วยความเขินอายทันที “ไม่ใช่หรอก”
“เธอสองคนตัวติดกันซะขนาดนั้น เธอให้ของขวัญเขา ส่วนเขาก็ให้ของขวัญเธอ ถ้ายังไม่ได้คบกันแล้วจะเรียกความสัมพันธ์นี้ว่าไงล่ะ?” จางเหวินเหวินขยิบตาพลางเอ่ยกับไต้ฉิง
ไต้ฉิงตอบว่า “เราไม่ได้คบกันนะ แต่เป็นแค่เพื่อนกัน แล้วทำไมเพื่อนกันถึงให้ของขวัญกันไม่ได้ล่ะ?”
จางเหวินเหวิน “จ้า ๆ ๆ งั้นก็มาดูกันว่าเธอจะปากแข็งได้อีกนานแค่ไหน”
หลังจากที่เรือโดยสารลับสายตาไปแล้ว หลินเจี้ยนจวินก็ถือกระเป๋าหูรูดของตนแล้วเดินกลับบ้านด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ แต่ระหว่างทางเขาได้พบกับหลิวซุ่ยและหวังอู่ที่เดินออกจากลานบ้านพอดี
หลินเจี้ยนจวินหยุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัวและก้าวไปข้าง ๆ เพราะหลังเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลิวซุ่ยและหวังอู่ก็แต่งงานกันเร็วมาก เร็วชนิดที่ว่าไม่มีแม้กระทั่งพิธีแต่งงานด้วยซ้ำ
เมื่อพวกเขาเดินสวนกัน หลิวซุ่ยก็จ้องมองเขาด้วยความโศกเศร้าในดวงตาที่เขาเองก็มองไม่เข้าใจ แต่เมื่อคนข้างกายหล่อนสังเกตเห็นสายตานั้นแล้ว ก็ดึงหล่อนไปแบบไม่พอใจและก่นด่า “เธอมองอะไร ต่อให้มองจนตาย เขาก็ไม่ต้องการเธอหรอก”
หลิวซุ่ย “จะต้องการหรือเปล่า ยังไงก็ดีกว่านายแล้วกัน”
หวังอู่ “ดีกว่าแล้วจะมีประโยชน์อะไร ยังไงเธอก็แต่งงานกับเขาไม่ได้อยู่ดี ต้องอยู่กับฉันเท่านั้น”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลิวซุ่ยก็อดกรีดร้องไม่ได้ “ถ้านายไม่ไร้ยางอายขนาดนั้น ฉันจะแต่งงานกับนายเหรอ”
หวังอู่เย้ยหยัน “เธอมาด่าฉันก็ไม่มีประโยชน์หรอก เพราะแม่ของเธอได้รับสินสอดเป็นเงินหนึ่งพันหยวนจากฉันแล้ว หล่อนขายเธอให้ฉันแล้ว ถ้าเธอยังก่อเรื่องอีก เชื่อไหมว่าฉันจะขังเธอไว้ในบ้านและไม่ปล่อยให้ออกมาอีก”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้จบลง หลิวซุ่ยก็หยุดพูดและเดินตามหวังอู่ด้วยความไม่เต็มใจ หล่อนเดินต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งในช่วงเวลานี้หลินเจี้ยนจวินหันกลับไปมองแค่ครั้งเดียว และเมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสอง เขาก็ยิ้มพลางส่ายหัวแล้วเดินกลับบ้าน
เมื่อเขากลับถึงบ้าน ก็มีเพียงหลินเซียวและหลินฟานอยู่บ้าน เพราะหลังจากที่เขาออกไปไม่นาน พี่สะใภ้ก็กลับไปทำงานที่หน่วยงานใหญ่ต่อ
พริบตาเดียวก็ผ่านไปสองวันแล้ว มาถึงวันที่หลินเซียวเปิดเทอม สวี่ม่ายซุ่ยตื่นแต่เช้าเพื่อมาจัดเตรียมอาหารมื้อพิเศษ โดยมีทั้งไข่ต้มและปาท่องโก๋ทอด ทำให้หลินเจี้ยนเยี่ยตื่นตาตื่นใจไปกับภาพที่เห็น
“แค่เปิดเทอมเอง ทำไมคุณต้องยุ่งขนาดนี้ล่ะ?” หลินเจี้ยนเยี่ยนั่งลงข้าง ๆ แล้วหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมา เขาเหลือบมองสวี่ม่ายซุ่ยที่กำลังจัดจานพลางเอ่ย
สวี่ม่ายซุ่ยตอบว่า “คุณจะรู้อะไร นี่เรียกว่าพิธีเอาฤกษ์เอาชัยไงล่ะ”
“นี่ ลุกขึ้นมาช่วยฉันหน่อยได้ไหม อย่าทำตัวเหมือนเจ้าคนนายคนเอาแต่นั่งรอกินสิ”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดว่า “เจ้าคนนายคนอะไรกันล่ะ ก็ผมไม่เข้าใจพิธีเอาฤกษ์เอาชัยของคุณ แล้วจะช่วยคุณได้ไง”
สวี่ม่ายซุ่ย “ฉันว่าไม่ใช่เพราะคุณไม่เข้าใจหรอก คุณแค่ไม่อยากช่วยต่างหาก ถ้าคุณยังไม่ลุกอีก งั้นก็ไม่ต้องกิน”
ได้ยินแบบนี้แล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็รีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “มา มา มาเลย ผมจะทำเอง”
หลินเจี้ยนเยี่ยจัดจานด้วยความระมัดระวัง จากนั้นเขาก็เห็นหลินเซียววิ่งออกจากห้องพลางร้องตะโกนไปด้วยว่า “เร็วเข้า เร็วเข้า ผมสายแล้ว สายอีกแล้ว”
กระทั่งเขาวิ่งไปเข้าห้องน้ำแล้วก็ยังได้ยินเสียงดังปัง ตามมาด้วยเสียงโวยวายไม่หยุด
สิบนาทีต่อมา สวี่ม่ายซุ่ยก็เดินกลับเข้ามาพร้อมจานผัดผัก เธอมองไปที่หลินเจี้ยนเยี่ยซึ่งกำลังกินปาท่องโก๋ทอดพลางถามว่า “ทำไมถึงมีแค่คุณ แล้วหลินเซียวอยู่ไหน?”
หลินเจี้ยนเยี่ยแค่นเสียงตอบ “ลูกชายคนโตของคุณยังง่วนอยู่ในห้องน้ำน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยวางจานแล้วพึมพำบ่น “เจ้าลูกคนนี้ล้มอยู่ในห้องน้ำไหมนะ” พูดจบแล้วเธอก็เดินออกไปดู
“หลินเซียว รีบ ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวจะสายเอานะ”
หลินเซียวตะโกนตอบ “ผมก็รีบอยู่”
ผ่านไปอีกสิบนาที เมื่อหลินเซียวจัดการธุระ และออกจากห้องน้ำ มันก็สายเกินไปแล้วจริง ๆ
ในเวลานี้พวกหู่จือก็เดินมาถึงแล้ว เมื่อพวกเขามาถึงหน้าประตูก็ไม่ได้เคาะเรียก แต่ตะโกนเรียกสุดเสียงว่า “หลินเซียวเสร็จหรือยัง? จะไปไหมเนี่ย?”
ก่อนที่สวี่ม่ายซุ่ยจะทันได้ตอบสนอง หลินเซียวก็ตะโกนตอบไปแล้วว่า “ไปสิ” เขาพูดแล้วรีบไปที่โต๊ะอาหาร จากนั้นก็เริ่มห่ออาหารเช้าใส่กระเป๋า โดยมีไข่สองฟองอยู่ในกระเป๋าข้างทั้งสอง และปาท่องโก๋อีกสองชิ้นในมือแต่ละข้าง
เมื่อเห็นการกระทำของเขาแล้ว ใบหน้าของสวี่ม่ายซุ่ยก็มืดมนด้วยความโกรธ แต่ก่อนที่เธอจะได้ตำหนิ เขาก็วิ่งหนีไปแล้ว
หลินเจี้ยนเยี่ยมองท่าทางเธอแบบนั้นแล้วก็ทำได้เพียงอมยิ้มโดยไม่กล้าพูดอะไรออกไป
ทันทีที่หลินเซียววิ่งออกไปพร้อมปาท่องโก๋ในมือ พวกหู่จือก็เข้ามาล้อมเขาไว้ “หลินเซียว นายถือของกินอะไรมาน่ะ?”
หลินเซียวตอบ “ปาท่องโก๋น่ะ”
หู่จือกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “อร่อยไหม?”
หลินเซียวตอบพลางเคี้ยวตุ้ย ๆ “อร่อยสิ”
หู่จือ “ให้ฉันกัดคำหนึ่งสิ”
หลินเซียวโบกปาท่องโก๋ไปมาต่อหน้าของเขา “อยากกินเหรอ?”
หู่จือ “อยากสิ!”
ทันใดนั้นหลินเซียวก็อ้าปากกว้างแล้วยัดปาท่องโก๋ใส่ปากภายในคำเดียว และลอยหน้าลอยตาเคี้ยวยั่วน้ำลายใส่ทุกคน หู่จือเห็นแล้วโมโหที่อีกฝ่ายไม่ยอมแบ่ง เขาจึงล็อกคอหลินเซียวเอาไว้แล้วพูดว่า “คายออกมาให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ”
จื้อลี่และต้าเฉียงเห็นภาพนี้ พวกเขาก็รีบวิ่งมาข้างหน้าจั๊กจี้หลินเซียวไม่หยุด ซึ่งหลินเซียวจั๊กจี้มาก ๆ จนทนไม่ไหว เขาไม่มีทางเลือกนอกจากหัวเราะแล้วหยิบไข่ต้มออกจากกระเป๋าข้างพลางพูดว่า “พอแล้ว พอแล้ว ฉันยังมีไข่ต้มอยู่นะ”
แต่ไม่คาดคิดว่าทันทีที่หยิบไข่ต้มออกมา พวกหู่จือก็คว้ามันไป แต่ละคนแบ่งกันกินคนละคำ ซึ่งทำให้หลินเซียวรู้สึกเสียดายมาก ๆ
เด็กหลายคนมาถึงโรงเรียนพร้อมเสียงดังโวยวาย เมื่อเห็นโรงเรียนที่ปกคลุมไปด้วยหญ้า หลินเซียวก็กลืนน้ำลายและถามด้วยความลังเล “เราโดดเรียนดีไหม?”
หู่จือ “ฉันไม่กล้านะ”
จื้อลี่ก็เสริมว่า “ฉันก็ไม่กล้า”
ต้าเฉียงพูดว่า “ฉันกล้านะ แต่ฉันกลัวว่าพ่อแม่จะไปหาแม่ของนายอีกน่ะสิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว หลินเซียวก็มองเขาด้วยความรังเกียจและพูดว่า “นายลืมมันไปเถอะ”
ดังนั้นวันแรกของการเปิดเทอม เด็ก ๆ ที่น่าสงสารก็ใช้เวลาหมดไปกับการถอนวัชพืช
สวี่ม่ายซุ่ยได้มีวันหยุดพักที่หายากเช่นกัน หลังกินข้าวเสร็จแล้ว เธอก็เริ่มทำความสะอาดบ้านพร้อมหลินเจี้ยนจวินและหลินฟาน
หลินเจี้ยนจวินมองสวี่ม่ายซุ่ยที่กำลังยืนบนเก้าอี้แล้วกวาดเพดาน เขาจึงพูดว่า “พี่สะใภ้ ให้ผมทำเถอะ”
สวี่ม่ายซุ่ยก้มหน้าลงและมองเขา จากนั้นก็ยื่นไม้กวาดให้เขาอย่างไม่เกรงใจแล้วลงจากเก้าอี้ “นายทำความสะอาดบ้านไปนะ ส่วนฉันจะถอดผ้านวมไปซัก” เธอพูดแล้วเดินไปที่ห้องนอน
ทันทีที่เธอเดินไปถึงประตูห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงคนตะโกนอยู่ข้างนอก “นักบัญชีสวี่ นักบัญชีสวี่อยู่บ้านไหม?”
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วก็ชะงัก เธอจึงหันหลังแล้วเดินออกไป “ฉันจะออกไปดู พวกนายก็ใช้เวลาทำความสะอาดให้เต็มที่นะ”
เมื่อเธอออกจากลานบ้านแล้วเปิดประตู ก็เห็นสาวน้อยน่ารักคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน และพูดด้วยความกังวลว่า “นักบัญชีสวี่ รีบไปที่สำนักงานใหญ่เร็ว ๆ ตอนนี้หน่วยเฟินสุ่ยมาหาคนน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยพูดขณะที่ปิดประตูตามหลัง “ทุกคนออกจากเกาะไปหมดแล้ว ยังจะมาหาใครที่นี่อีก”
สาวน้อยตอบ “ก็ไม่รู้เหมือนกัน อาหญิงแค่บอกให้ฉันมาเรียกคุณน่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ยย้อนถาม “อาหญิงของเธอเป็นใคร?”
สาวน้อยตอบว่า “อาหญิงของฉันคือผู้อำนวยการหลาน”
สวี่ม่ายซุ่ย “เธอเป็นหลานสาวของผู้อำนวยการหลานนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เธอสวยมาก”
สาวน้อยรู้สึกเขินอายทันทีที่ได้ยิน จากนั้นทั้งสองก็เดินคุยกันไปสักพักก็มาถึงสำนักงานใหญ่ และทันทีที่เดินเข้ามา ก็ได้เห็นพวกหลี่โหย่วไฉนั่งยอง ๆ อยู่ในลาน เมื่อพวกเขาเห็นเธอแล้วดวงตาก็เป็นประกายทันที “นักบัญชีสวี่ ช่วยเข้าไปดูข้างในหน่อยสิ เริ่มทะเลาะกันได้สักพักแล้วล่ะ”
สวี่ม่ายซุ่ย “พวกคุณอย่ากังวล ฉันจะเข้าไปเดี๋ยวนี้” พูดจบแล้วเธอก็เดินไปด้านใน และทันทีที่เข้าไปข้างในแล้ว บรรยากาศอันเคร่งเครียดก็พุ่งเข้ามาโจมตีเธอ
สวี่ม่ายซุ่ยหันไปมอง ก็เห็นคนสองคนจากหน่วยเฟินสุ่ยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างพร้อมใบหน้ามืดครึ้ม
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
หลินเซียวตื่นเช้าหน่อยสิ กินข้าวเช้าไม่ทันเลยเห็นไหม
คนจากหน่วยเฟินสุ่ยมาทำอะไรนี่ คณะสันทนาการออกจากเกาะไปแล้วนะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION