ตอนที่ 109 หลักฐานชัดแจ้ง สมควรทุบตีเฉียนเสี่ยวเหลียนให้ตาย
สวี่ม่ายซุ่ยได้ยินแล้วหัวเราะเยาะ เธอไม่คาดคิดว่ามาถึงขั้นนี้แล้วเฉียนเสี่ยวเหลียนจะยังสาดน้ำสกปรกใส่ครอบครัวของเธออีก เธอจึงไม่คิดจะช่วยไว้หน้าหล่อน ในเมื่อหล่อนรักหน้าตาชื่อเสียงมากนัก คราวนี้เธอก็อยากจะปล่อยให้หล่อนเสียหน้าสุด ๆ ไปเลย
“แม่หู่จือ เธอช่วยฉันหน่อย…” สวี่ม่ายซุ่ยหันกลับมาและกำลังจะขอให้แม่หู่จือไปเรียกคนมาแทน แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดจบ เธอก็เห็นหลินเจี้ยนเยี่ยมีสีหน้ามืดมนกำลังก้าวเข้ามาพร้อมจับคอเสื้อด้านหลังของชายคนหนึ่งไว้ และเมื่อเดินเข้ามาท่ามกลางฝูงชน เขาก็โยนชายคนนั้นทิ้งลงพื้น
สวี่ม่ายซุ่ยเข้าไปมองใกล้ ๆ และเห็นว่านี่คือหวังอู่ชายที่ข่มเหงหลิวซุ่ย เธอจึงหยุดพูดทันทีและยืนมองการเสแสร้งด้วยสีหน้าเย็นชา
หลินเจี้ยนเยี่ยถามเฉียนเสี่ยวเหลียนด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่สะใภ้… คุณดูชายคนนี้แล้วบอกหน่อยว่ารู้จักเขาไหม?”
เฉียนเสี่ยวเหลียนมองชายตรงเบื้องหน้าที่มีจมูกช้ำและใบหน้าบวมเป่ง จึงแค่นเสียงเย้ยหยัน “ฉันจะไปรู้จักเขาได้ไง?”
หลินเจี้ยนเยี่ยพูดต่อ “ถ้าคุณไม่รู้จัก แล้วทำไมไม่ถามลูกสาวของคุณว่ารู้จักเขาไหมล่ะ?” ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนก็มองไปทางหลิวซุ่ยเป็นตาเดียว และเห็นหลิวซุ่ยหลบอยู่ตรงมุมห้องตัวสั่นไม่หยุดด้วยความหวาดกลัวขณะมองหวังอู่ที่นอนกองบนพื้น
ไม่ว่าสมัยนี้ทุกคนจะโง่แค่ไหน แต่ก็ยังสามารถมองเห็นพิรุธได้ “ภรรยาหลิวไห่ เกิดอะไรขึ้นกับซุ่ยซุ่ยของเธอ?”
ทันทีที่เฉียนเสี่ยวเหลียนเห็นปฏิกิริยาของหลิวซุ่ย หล่อนก็รู้ได้ทันทีว่าชายตรงเบื้องหน้าคนนี้คือเดรัจฉานที่รังแกลูกสาวของตน แต่ตอนนี้หล่อนมาไกลเกินว่าจะหันหลังกลับ หล่อนจึงแสร้งทำเป็นโง่แล้วพูดว่า “จะเกิดอะไรขึ้นอีกล่ะ ก็กลัวน่ะสิ”
เมื่อได้ยินคำตอบแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็เตะหวังอู่และพูดว่า “พูดออกมาว่านายทำอะไรลงไป”
หวังอู่เงยหน้าขึ้นมองทุกคนแล้วพูดอย่างระโหยโรยแรง “ผมยอมสารภาพแล้ว ผมเป็นคนรังแกซุ่ยซุ่ยเอง”
เมื่อเฉียนเสี่ยวเหลียนได้ยินคำสารภาพนี้แล้ว หล่อนก็มีท่าทางเหมือนโผล่มาจากนรก รีบวิ่งไปหาหวังอู่อย่างบ้าคลั่ง “แกพูดบ้าอะไร ซุ่ยซุ่ยของฉันไม่รู้จักแกเลย แล้วทำไมแกจะต้องทำตัวเป็นหมาป่าหางโต*[1]ด้วย?”
หวังอู่เพิ่งถูกหลินเจี้ยนเยี่ยลงโทษ เขาจึงมีความรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอตอนนี้โดนเฉียนเสี่ยวเหลียนทั้งหยิกทั้งทุบตี เขาก็พลันโมโหและผลักหล่อนออกไป จากนั้นตวาดลั่น “คุณโวยวายพอหรือยัง ถ้าผมไม่ได้ทำ แล้วผมจะยอมรับทำไม ถ้าคุณไม่เชื่อก็ไปถามลูกสาวของคุณเองสิ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ภรรยาของกรรมการการเมืองโหวก็หันขวับไปมองเฉียนเสี่ยวเหลียนแล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “เธอก็รีบถามลูกสาวของเธอสิว่าหล่อนนอนกับผู้ชายคนนั้นจริงไหม”
เฉียนเสี่ยวเหลียนมองไปที่ภรรยาของกรรมการการเมืองโหวแล้วตะโกนว่า “พี่สะใภ้ คนพวกนั้นพูดไร้สาระ ลูกสาวของฉันจะอยู่กับคนแบบนี้ได้ไงล่ะ พวกนั้นไปสนใจผู้หญิงที่ดีกว่าแล้วไง ก็เลยวางแผนกำจัดลูกสาวของฉันโดยการหาผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาใส่ร้ายพวกฉันน่ะ”
ตอนนี้ภรรยาของกรรมการการเมืองโหวเห็นว่าเฉียนเสี่ยวเหลียนทำเหมือนใช้พวกตนเป็นเครื่องมือ หล่อนจึงพูดด้วยความโกรธ “จริงหรือไม่จริง เธอก็แค่ถามไง”
เฉียนเสี่ยวเหลียนระงับความตื่นตระหนกในใจ หล่อนหันไปมองหลิวซุ่ยแล้วถามด้วยเสียงอ่อนโยน “ซุ่ยซุ่ย แกบอกความจริงกับแม่ แล้วแม่จะปกป้องแกเอง หลินเจี้ยนจวินข่มเหงแกแล้วไม่ยอมให้แกพูดใช่ไหม?”
หลิวซุ่ยมองไปที่ชายสองคนเบื้องหน้าและรู้สึกหวาดกลัวมาก ๆ หล่อนเอาแต่ร้องไห้และไม่ตอบคำถามใด ๆ เลย
เนื่องด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันไม่ได้ก้าวหน้านัก จึงไม่สามารถตรวจของเหลวในช่องคลอดหรืออะไรทำนองนั้นได้ นอกจากนี้เหตุการณ์ก็ผ่านมาวันสองวันแล้ว ต่อให้พยายามตรวจหาหลักฐานก็ตรวจไม่พบ จึงทำให้หลายเรื่องถึงทางตัน
ทันใดนั้นหลี่ต้านีก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูพร้อมกับใครคนหนึ่ง “ม่ายซุ่ย ม่ายซุ่ย ฉันตามหมอมาให้เธอแล้ว เธอรีบให้เขาตรวจเจี้ยนจวินเร็วเข้า”
หลี่ต้านีเหนื่อยมากจนหอบแฮก ๆ ก้มลงใช้มือจับเข่าเอาไว้
นอกจากหมอแล้ว ภรรยาหมาจื่อและหลินเซียวก็มาด้วย ทำให้ลานบ้านเล็ก ๆ ในตอนนี้มีชีวิตชีวามากขึ้นไปอีก
หลินเจี้ยนเยี่ยเห็นหลินเซียวกลับมาก็กวักมือเรียกเขามาหา “ไปหาลุงใหญ่จ้าวแล้วขอให้เขาเรียกพ่อของหลิวเฉียงมาด้วย”
หลินเซียวมองเหตุการณ์ที่บ้านและทราบถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เขาจึงหันหลังกลับและวิ่งออกไปโดยไม่ต้องคิดมาก
หมอเดินผ่านกลุ่มคนไปหาหลินเจี้ยนจวินที่หน้าแดงก่ำ เขาตรวจชีพจรแล้วมองเข้าไปในม่านตาของอีกฝ่าย จากนั้นตรวจลิ้นและรอยผื่นบนร่างกาย เมื่อฟังเสียงหอบหายใจนั้นแล้ว หมอก็สบถด่าออกมาด้วยความโกรธ “มีคนที่ไร้ยางอายขนาดนี้ด้วยเหรอ ขนาดกล้าที่จะใช้ยาปลุกกำหนัดกับคนอื่น”
เมื่อได้ยินคำพูดของหมอแล้ว ทุกคนก็ล้วนตกตะลึง ส่วนเฉียนเสี่ยวเหลียนก็ทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยใบหน้าซีดเผือด เนื่องจากอาการของหลินเจี้ยนจวินนั้นชัดเจนมากจนปกปิดไม่ได้
เมื่อได้ยินแล้วสวี่ม่ายซุ่ยก็รีบพูดว่า “คุณหมอ แล้วควรทำไงดี มันจะส่งผลกระทบต่อเขาไหมคะ?”
หมอตอบว่า “ยานี้ไม่ได้มีไว้สำหรับให้คนกิน แต่มันเป็นยาสำหรับหมู จึงมีฤทธิ์ค่อนข้างแรง ถ้าให้เขาอาบน้ำเย็น ๆ ก็จะผ่านมันไปได้”
หลินเจี้ยนเยี่ยถามด้วยใบหน้าเย็นชา “เขาจะผ่านมันได้ด้วยตัวเองหรือว่าเขาต้องได้รับการช่วยเหลือ?”
หมอตอบว่า “ผ่านไปเองได้ เพราะถ้าหาคนมาช่วยก็จะน่าขนลุกไปหน่อย”
สวี่ม่ายซุ่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า “ทุกคนก็น่าจะได้ยินแล้วนะคะว่ารอยบนตัวของหลิวซุ่ยไม่เกี่ยวข้องกับน้องสามีของฉันเลย”
“เหล่าหลิน มีถังน้ำอยู่ในครัว งั้นคุณก็ไปช่วยเขาเถอะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว หลินเจี้ยนเยี่ยก็เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อให้ความช่วยเหลือ
สวี่ม่ายซุ่ยมองไปทางกลุ่มคนแล้วพูดต่อ “ถ้าฉันพูดอะไรออกไป ทุกคนก็อาจจะไม่เชื่อ”
“แต่แม่หู่จือกลับมาพร้อมฉัน ทำไมไม่ให้หล่อนเล่าทุกสิ่งออกมาล่ะ”
เฉียนเสี่ยวเหลียนหันไปมองแม่ของหู่จือด้วยสีหน้าวิงวอน ดูเหมือนจะขอร้องไม่ให้หล่อนพูดออกมา
แม่หู่จือลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเล่าทุกสิ่งที่ตนเห็นออกมา
ทันใดนั้นใบหน้าของเฉียนเสี่ยวเหลียนก็ซีดเผือด ทำให้คนที่มากับหล่อนได้เข้าใจด้วยว่านี่เป็นการโดนหลอกใช้
หลังจากเรื่องเล่าจบแล้ว สวี่ม่ายซุ่ยก็มองหล่อนพลางเอ่ย “จู่ ๆ หล่อนก็มาหาฉันเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน ฉันสังเกตเห็นว่ามีความผิดปกติ จึงเริ่มไปสืบหาความจริง และได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ได้เป็นความลับ เพราะมีหลาย ๆ คนได้เห็นด้วย”
เมื่อพูดจบแล้ว เธอก็หันไปพูดกับภรรยาหมาจื่อและเพื่อนร่วมชั้นของหลินเซียว “วันนั้นทั้งสองคนก็เห็นมันด้วย นี่คือคนที่รังแกซุ่ยซุ่ยใช่ไหม?”
หลังได้ยินคำถามแล้วภรรยาหมาจื่อและเพื่อนร่วมชั้นหลินเซียวต่างก็พยักหน้า
สวี่ม่ายซุ่ยพูดว่า “เดิมทีฉันไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้นะ แต่คุณอยากจะเอาเปรียบเหมือนเห็นเราเป็นคนโง่ ฉันจึงไม่มีทางเลือก นอกจากต้องทำแบบนี้”
ตอนนี้เฉียนเสี่ยวเหลียนรีบวิ่งไปหาหวังอู่ทันที “เป็นเพราะแก ถ้าไม่ใช่เพราะแก ครอบครัวของฉันคงไม่เป็นแบบนี้ แกทำลายพวกฉันทุกคน”
หวังอู่ผลักเฉียนเสี่ยวเหลียนออกไปแล้วพูดว่า “คุณพูดบ้าอะไร ปัญหามันเกิดจากความคิดบ้า ๆ ของคุณต่างหาก ตอนที่ผมกับซุ่ยซุ่ยจะนัดดูตัวกัน คุณน่ะแหละที่บอกว่าครอบครัวของผมยากจนและดูถูกผม ผมยังจำสิ่งที่คุณพูดกับแม่สื่อได้ชัดเจนทุกคำ”
ปรากฏว่าการที่หวังอู่รังแกซุ่ยซุ่ย เหตุผลคือนอกจากชอบหล่อนแล้ว ยังเป็นการแก้แค้นเฉียนเสี่ยวเหลียนด้วย
ในขณะนี้จ้าวเป่ากั๋วมาพร้อมกับหลิวไห่ ซึ่งตอนนี้หลิวไห่มองไปที่ภรรยาและลูกสาวของตนซึ่งนั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขามืดทะมึนอย่างสุดประมาณ “พวกหล่อนมาสร้างปัญหาให้หัวหน้าหลินแล้ว ผมจะพาพวกหล่อนกลับเดี๋ยวนี้”
หลินเจี้ยนเยี่ยมองไปที่ผู้คนในลานบ้านและไม่อยากทำให้อีกฝ่ายอับอาย เขาจึงพยักหน้าและบอกให้พาคนออกไปทันที จากนั้นคนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไปด้วย
ลานบ้านเงียบลงทันที สวี่ม่ายซุ่ยมองไปทางหลินเจี้ยนเยี่ยและถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณกลับมาได้บังเอิญขนาดนี้ แถมยังพาคนมาด้วยอีก”
[1] หมาป่าหางโต หมายถึง คนที่อวดเบ่งเสนอตัวเพราะกลัวคนอื่นจะมองข้าม
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จะอยู่ยังไงต่อล่ะเนี่ย อับอายขายหน้าคนอื่นเขาขนาดนี้ พยานรู้เห็นมีเพียบเลย
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION