ตอนที่ 100 หาช่องโหว่
สวี่ม่ายซุ่ยมองชุดที่เขาสวม พิจารณารูปลักษณ์สง่างามภายใต้เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร จึงตรงไปแง้มผ้าบนตะกร้าสะพายหลัง เผยให้เห็นแอปเปิลแดงก่ำหลายลูก
ชายหนุ่มเห็นเข้าก็มีตาเป็นประกาย ถามเสียงต่ำว่า “พวกเธอขายยังไง”
สวี่ม่ายซุ่ย “สองเหมาต่อลูก”
ชายหนุ่มฟังจบก็ขมวดคิ้ว “มันมีทั้งลูกเล็กลูกใหญ่แบบนี้จะคิดราคายังไง?”
สวี่ม่ายซุ่ย “แล้วแต่นายจะเลือก”
ชายหนุ่มฟังจบก็ลังเลอยู่บ้าง “เธอขายแพงขนาดนี้ เกิดไม่อร่อยขึ้นมาจะว่ายังไง?”
สวี่ม่ายซุ่ยเตรียมการไว้นานแล้ว ได้ยินเขาพูดขนาดนี้ก็ล้วงมีดเล่มเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วฝานเป็นแผ่นบาง ๆ ให้เขา “นายลองชิมดู”
ชายหนุ่มมองเธออย่างสงสัยพลางพูด “ไม่คิดเงินเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย “ลองชิมไม่เอาเงิน”
ชายหนุ่มฟังจบถึงรับเอามาเข้าปาก จากนั้นก็ตาเป็นประกายด้วยตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ฉันเอาห้าลูก เธอให้ฉันเลือกก่อน”
สวี่ม่ายซุ่ย “จ่ายเงินก่อน”
ชายหนุ่มฟังจบก็ล้วงเงินหยวนหนึ่งออกมาตรง ๆ โดยไม่คิด
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นเขามั่นใจขนาดนี้ก็ไม่ลังเลที่จะเปิดผ้าออกให้เขาเลือก
ชายหนุ่มให้เงินเสร็จก็นึกเสียดายอยู่บ้าง คิดว่าด้านล่างมีแต่ลูกเล็ก รอเปิดผ้าออกก็เห็นด้านในมีแอปเปิลขนาดพอ ๆ กันถึงวางใจ
เลือกมาห้าลูกก็ควักเงินออกมาอีกหยวนหนึ่งอย่างลังเล “ฉันเอาอีกห้าลูก”
สวี่ม่ายซุ่ยรับเงินมา ตอบกลับอย่างสบายอารมณ์ “ได้”
ตอนที่ชายหนุ่มกำลังเลือกแอปเปิล มันก็ดึงดูดความสนใจจากคนด้านข้างทันที เห็นแอปเปิลเธอใหญ่ขนาดนี้ขายแค่สองเหมาก็เกิดหวั่นไหว
สหกรณ์ก็มีแอปเปิลที่แม้จะถูกกว่านี้ไม่น้อย แต่ก็ทั้งเล็กทั้งฝาดแถมยังไม่ใช่อาหารหลัก มองแวบเดียวก็รู้ว่าอร่อยสู้ของเธอไม่ได้
พอชายหนุ่มไป หญิงสาวที่นั่งยองด้านข้างก็เข้ามาใกล้ทันที “น้องสาว เธอก็ให้ฉันดูด้วยคนสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็เปิดผ้าให้หล่อนดู หญิงสาวจึงกล่าว “ฉันขอชิมได้ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยจึงหั่นชิ้นบาง ๆ ให้หล่อนโดยไม่ลังเล หญิงสาวกินเสร็จก็ล้วงเงินออกมา “ฉันก็เอาห้าลูก”
ธุรกิจของสวี่ม่ายซุ่ยเริ่มดีขึ้นมาอย่างช้า ๆ เพราะเธอขายในราคาต่อลูก อีกทั้งแอปเปิลก็มีขนาดใหญ่ กี่ลูกต่อกี่ลูกก็มีขนาดพอ ๆ กัน ไม่นานแอปเปิลในตะกร้าสะพายหลังสองใบก็ขายออกไปได้พอสมควร
หญิงสาวมองธุรกิจที่รุ่งขนาดนี้ของพวกเธอก็พูดอย่างอิจฉา “พวกเธอขายดีจริง ๆ เทียบกับที่ขายเนื้อยังดีกว่า”
สวี่ม่ายซุ่ย “เงินสองเหมาของฉันนี่ซื้อแอปเปิลลูกใหญ่ได้สองลูก เงินสองเหมาของเขาซื้อเนื้อได้ไม่เท่าไร”
หญิงสาวฟังจบก็พยักหน้าตอบรับ “จะว่าไปก็ใช่”
สวี่ม่ายซุ่ยมองหล่อนที่ไม่ได้เปิดตะกร้าเลยก็ถามอย่างแปลกใจ “พี่สะใภ้ นี่พี่ขายอะไร?”
หญิงสาวได้ยินสวี่ม่ายซุ่ยถามด้วยสายตาวาววับก็รีบเปิดตะกร้าแล้วกระซิบ “ฉันขายของเก่าน่ะ”
หลี่ต้านีได้ฟังก็ยื่นหัวมามุงด้วย เห็นในตะกร้ามีหยกหลายก้อนแล้วยังมีตำราหลายเล่ม
“ของพัง ๆ ของเธอนี่ใครเขาจะซื้อ” หลี่ต้านีเผลอพูด
หญิงสาวฟังจบก็หน้าเปลี่ยนสี พึมพำอย่างเก้อกระดาก “ฉันบอกว่าฉันไม่ขาย บ้านฉันก็ยังจะให้ฉันมาขายของพัง ๆ นั่นให้ได้ บอกว่ายังไงก็ต้องเจอคนที่รู้จักสินค้า”
สวี่ม่ายซุ่ย “เธอขายที่นี่มานานเท่าไรแล้ว?”
หญิงสาวพูดอย่างโกรธเคือง “หนึ่งสัปดาห์แล้ว สักชิ้นก็ยังขายไม่ออก”
หลี่ต้านีฟังจบก็หลุดหัวเราะ “สามีเธอนี่คงถูกหลอกแล้ว มาที่นี่ไม่ขายอาหารก็มาแลกคูปอง มีมาขายของเล่นพวกนี้ที่ไหน”
หญิงสาว “ใช่ เขาพูดว่าในเมื่อฉันว่างจนไม่มีอะไรทำก็ออกมาลองดู กลับไปฉันจะให้เขาเห็นดีกัน”
สวี่ม่ายซุ่ยมองพู่หยกด้านในที่ส่องประกายทั้งหมดก็เผลอถาม “ให้ฉันดูได้ไหม?”
หญิงสาวตอบกลับตามที่คิด “อ่า… ดูสิ”
สวี่ม่ายซุ่ยรับก้อนหยกเข้ามาในมือก็รู้สึกถึงความเย็นสบาย มองอย่างละเอียดก็เห็นว่าบนนั้นมีรูปแกะสลักเสมือนจริงของมังกรอยู่
“พี่สะใภ้ พี่เอาอันนั้นให้ฉันดูหน่อย”
หญิงสาวฟังจบก็ยื่นหยกอีกอันส่งให้สวี่ม่ายซุ่ย พอรับมาไว้ในมือก็รู้สึกเย็นเหมือนกับอันก่อนหน้า
“พี่ขายยังไง?”
หญิงสาวฟังจบก็มองเธออย่างประหลาดใจ “เธอจะซื้อจริง ๆ เหรอ?”
เพิ่งจะพูดออกมา หลี่ต้านีที่อยู่ด้านข้างก็มองสวี่ม่ายซุ่ย แล้วยังขยิบตาให้เธอ
หญิงสาวด้านข้างเห็นเข้าก็กลัวว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะไม่ซื้อแล้วรีบพูดว่า “ถ้าเธออยากได้จริง ๆ ก็อันละยี่สิบ ไม่งั้นก็เหมาร้อยหยวนทั้งตะกร้านี้ให้เธอเลย”
หลี่ต้านีได้ฟังก็ร้อนรนทันที “ของเธอนี่กินไม่ได้ ดื่มไม่ได้แล้วยังแพงขนาดนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละถึงจะซื้อ”
สวี่ม่ายซุ่ย…
“พี่สะใภ้ พี่ก็ขายแพงไปหน่อยจริง ๆ ถ้าพี่อยากขาย ตะกร้าหนึ่งแปดสิบก็พอ”
หญิงสาวฟังจบก็ลังเลขึ้นมา “สามีฉันบอกให้ฉันขายร้อยยี่สิบ นี่ฉันลดให้แล้ว”
สวี่ม่ายซุ่ย “ไม่งั้นก็จบกันแล้ว” พูดจบก็วางของกลับคืน
หญิงสาวนั่งขายที่นี่อยู่สัปดาห์กว่า ๆ ความอดทนก็ไม่มีตั้งนานแล้ว พอได้ยินสวี่ม่ายซุ่ยพูดขนาดนี้ก็กัดฟันพูด “ได้ แปดสิบก็แปดสิบ”
หลี่ต้านีมองอยู่ด้านข้างอย่างร้อนรน “น้องสะใภ้ นี่เธอ”
สวี่ม่ายซุ่ยยิ้มให้หล่อน เอ่ยปลอบว่า “พี่สะใภ้ ฉันมีแผน” เธอว่าแล้วล้วงเงินจากกระเป๋าส่งให้ไป
เงินที่พวกเธอขายแอปเปิลเก็บอยู่ในมือหลี่ต้านี ที่ติดตัวสวี่ม่ายซุ่ยเป็นของเธอเอง
เห็นสวี่ม่ายซุ่ยล้วงเงินออกมาแล้ว หลี่ต้านีก็พึมพำด้วยความจนใจเป็นอย่างมาก “เงินเยอะขนาดนี้ ต้องขายแอปเปิลตั้งเท่าไร”
ผู้หญิงที่ขายของโบราณนับเงินด้วยความพอใจ ได้ยินคำพูดหลี่ต้านีก็เอ่ยปลอบหล่อนว่า “ธุรกิจพวกเธอดีขนาดนี้ ขายสองตะกร้าก็ได้แล้ว”
หลี่ต้านีเบ้ปาก “เธอก็พูดได้นี่ ที่จ่ายไปไม่ใช่เงินเธอสักหน่อย”
ผู้หญิงที่ขายของโบราณยิ้มประจบหลี่ต้านี จากนั้นก็รีบเก็บของจากไป กลัวว่าสวี่ม่ายซุ่ยจะกลับคำ
สวี่ม่ายซุ่ยเก็บของใส่กระเป๋าอย่างระมัดระวัง แล้วดึงหลี่ต้านีมาปลอบ “พี่สะใภ้ ฉันว่ามันก็ดูดีออก ซื้อแล้วก็ซื้อไป”
หลี่ต้านีพูดอย่างผิดหวัง “เธอนี่ ของชิ้นนี้มีอะไรดี ไปที่รับซื้อขยะมีเยอะแยะ”
สวี่ม่ายซุ่ยฟังจบก็ตาเป็นประกาย “ขอบคุณพี่สะใภ้ ขายเสร็จพวกเราก็ไปที่รับซื้อขยะ”
หลี่ต้านี “ทำไมล่ะ ไปที่รับซื้อขยะแล้วค่อยขายออกเหรอ?”
สวี่ม่ายซุ่ย…
ตอนที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่ หญิงชราที่เดินเงอะงะก็ถือไม้เท้าเดินเข้ามา เห็นสวี่ม่ายซุ่ยก็ถามอย่างระมัดระวัง “สาวน้อย เธออยากได้ของโบราณไหม”
สวี่ม่ายซุ่ย “คุณมีอะไรมาคะ?”
หลี่ต้านีมองคนที่มาใหม่ เดิมทีตั้งใจจะไล่ไป แต่พอเห็นอีกฝ่ายเดินเงอะงะ ผมก็หงอกขาวอีกเลยกลืนคำพูดลงไป
หญิงชราล้วงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หยิบปิ่นปักผมสีเขียวมรกตจากด้านในออกมาถามว่า “เธอดูว่าพอแลกเป็นเงินยี่สิบหยวนได้ไหม”
สวี่ม่ายซุ่ยหยิบมาดู เทียบกับพู่หยกอันที่แล้วคุณภาพต่ำกว่านิดหน่อย “ได้”
หญิงชราผงกหัว “ตกลง”
สวี่ม่ายซุ่ยเห็นหล่อนรับปากก็ล้วงเงินยี่สิบหยวนออกมาให้หล่อน ตอนที่หญิงชรารับเงินแล้วเตรียมจะไป เธอก็หยิบแอปเปิลสองลูกออกมาจากตะกร้าสะพายหลังยัดให้ไป “แอปเปิลนี่ฉันให้นะคะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เก็บไว้บ้างก็ดีนะม่ายซุ่ย เพราะอีกสิบยี่สิบปีข้างหน้าของพวกนี้จะมีมูลค่ามากเกินประมาณแน่นอน ไม่แน่รัฐบาลจะเป็นฝ่ายมาขอซื้อเองอีกต่างหาก
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION