ตอนที่ 1 สู้คนครั้งเดียวก็โด่งดัง
เดือนกรกฎาคม ปี 1972 เป็นช่วงที่อากาศอบอ้าวที่สุดในฤดูร้อน แม้จะอาศัยบนเกาะเล็ก ๆ ริมทะเลก็ไม่อาจหลีกหนีมวลความร้อนได้ กระทั่งอารมณ์ของผู้คนก็ยังพลุ่งพล่านตามสภาพอากาศ
“ไอ้สารเลว! ไอ้เด็กไม่มีแม่ กล้ามาทำลายสมบัติของตระกูลฉัน คอยดูเถอะ วันนี้ฉันจะตีแกให้ตายให้ได้!”
“แกนั่นแหละที่แม่คลอดออกมาแต่ไม่มีเวลาสั่งสอน” เสียงดื้อรั้นไร้เดียงสารีบโต้กลับ
“ไอ้เด็กบ้า! แกยังกล้ามาต่อปากต่อคำอีก อย่าคิดว่าพ่อแกเป็นผู้บังคับกองร้อยแล้วฉันจะกลัวแกนะ”
“วันนี้ฉันจะมอบบทเรียนอันใหญ่หลวงให้แกเอง รู้ไว้ซะว่าลูกของประชาชนไม่ได้รังแกง่าย ๆ” หญิงร่างท้วมใบหน้าอ้วนกลมโวยวายเสียงดังลั่นใส่เด็กน้อย
เหล่าผู้ชมเฝ้าดูความสนุกสนานอยู่รอบ ๆ ขณะที่เด็กทั้งสองถูกหล่อนผลักเข้าหากันเหมือนลูกเจี๊ยบสองตัว ดูไปแล้วช่างน่าสงสาร
ถึงอย่างนั้นบนใบหน้าของเด็กชายตัวน้อยก็ไม่ปรากฏร่องรอยของความกลัว ยังคงต่อปากต่อคำกับหล่อนอย่างดื้อรั้น “เขาทำร้ายผมก่อน ถ้าไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ผมจะทำร้ายเขาได้ยังไง”
“เฮอะ แกมีเหตุผลเวลาทำร้ายคนอื่นดีจริงนะ”
“สวี่ม่ายซุ่ย รีบโผล่หัวออกมาเดี๋ยวนี้” หลังจากผู้หญิงคนนั้นด่าเด็กชายจบก็เงยหน้าตะโกนเข้าไปในบ้าน
ตอนที่หล่อนตะโกนเรียกสวี่ม่ายซุ่ย เด็กชายตัวเล็กก็โน้มตัวเข้าไปใกล้เด็กที่ตัวโตกว่ามากขึ้น เขามองไปที่เด็กชายตัวโตด้วยสีหน้าติดกังวล
เดิมทีเมื่อเด็กหัวแข็งได้ยินคำพูดนี้ ร่องรอยของความสิ้นหวังก็ฉายขึ้นในแววตาแวบหนึ่ง ความดื้อรั้นบนใบหน้าค่อย ๆ คลายลงทีละน้อย
ภายในบ้าน สวี่ม่ายซุ่ยเพิ่งจะได้สติกลับมาก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอก ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะตอบสนอง
เธอมองออกไปด้านนอกด้วยใบหน้าซีดขาว มือยังสั่นไม่หยุดราวกับว่าเป็นโรคพาร์กินสัน
เธอกลับมาแล้ว ในที่สุดเธอก็กลับมาแล้ว สวรรค์ไม่ได้ใจร้ายกับเธอ เธอย้อนกลับมาในช่วงเวลาที่หลินเซียวถูกคนรังแกในชีวิตก่อน
ในชีวิตก่อน เพื่อชื่อเสียงของผู้ชายคนนั้น ตั้งแต่เธอแต่งงานกับเขาก็ต้องกล้ำกลืนความเจ็บช้ำน้ำใจตอนที่ลูกมีเรื่องทะเลาะกับคนอื่นตลอด เขาจะเป็นคนแรกที่ถูกดุโดยไม่ได้ถามที่มาที่ไปให้แน่ชัด ลูกจึงหมดหวังในตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่สนิทชิดเชื้อกับเธอเท่าไรนัก
โดยเฉพาะครั้งนี้ เพื่อให้ลูกของเธอยอมรับผิด สวี่ม่ายซุ่ยไม่ลังเลที่จะลงไม้ลงมือ ทำให้ลูกต้องเสียหน้าเสียศักดิ์ศรี ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้งทางร่างกายและจิตใจ จนกระทั่งมีนิสัยเปลี่ยนไปมากในภายหลัง เพียงเรื่องเล็กน้อยก็สามารถทำให้เขาหงุดหงิดฉุนเฉียวได้ตลอดช่วงวัยเด็ก
ลูกชายคนรองก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักเช่นกัน อุปนิสัยของเขาเปลี่ยนเป็นไหลไปตามน้ำ ไม่มีแม้กระทั่งความกล้าที่จะพูดคุยกับผู้คน สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหว เดินลงไปในทะเลและไม่ได้กลับขึ้นมาอีกนับตั้งแต่วันนั้น…
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ สวี่ม่ายซุ่ยก็แทบอยากจะตีตัวเองให้ตาย ในชีวิตนี้เธอจะต้องไม่ทำผิดซ้ำรอยเดิมอีก พอนึกมาถึงตรงนี้ก็ไม่มัวลังเล สวมรองเท้าแล้ววิ่งออกไปด้านนอก
ขณะเดียวกัน จางหงเหมยที่เห็นว่าสวี่ม่ายซุ่ยยังไม่ออกมาก็พออกพอใจ “เจ้าสารเลว ถ้าวันนี้แกยอมคุกเข่ารับผิดให้ต้าเป่าของฉัน ฉันก็จะยอมให้อภัยเพราะเห็นแก่พ่อของแก”
หลินเซียวจ้องมองอย่าดุดัน พลางถ่มน้ำลายลงกับพื้นแล้วด่า “เหอะ! อยากให้ผมขอโทษหรือ ฝันไปเถอะ”
จางหงเหมยไม่คิดว่าหลินเซียวจะหัวแข็งขนาดนี้จึงยื่นมือไปผลักเขา “เจ้าเด็กบ้า ฉันอุตส่าห์ไว้หน้าแก แต่แกไม่สนใจใช่ไหม”
ปีนี้หลินเซียวเพิ่งจะอายุเจ็ดขวบ แม้ว่าจะตัวโตกว่าเด็กในวัยเดียวกัน ทว่าก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางหงเหมย เขาถูกจางหงเหมยเขย่าไปมาราวกับเป็นตุ๊กตาผ้าขี้ริ้ว
จางหงเหมยดึงคอเสื้อของเขาเขย่าไปมา เด็กชายหน้าแดงด้วยความโกรธพยายามดิ้นรนทุกวิถีทาง เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหลุดจากการเกาะกุมได้ก็กัดมือของจางหงเหมยที่รั้งเขาไว้
จางหงเหมยเจ็บจนยอมปล่อยมือจากคอเสื้อของหลินเซียว เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมาที่ตนเองด้วยดวงตาแดงก่ำจึงเงื้อมือขึ้นเพื่อที่จะตบสั่งสอน
ทันใดนั้นก็มีร่างผอมบางร่างหนึ่งมาขวางหน้าหลินเซียวไว้ ตามมาด้วยเสียงกระทบเนื้อก้องกังวาน ผู้คนที่รอชมความสนุกสนานอยู่รอบ ๆ ต่างจ้องไปที่ผู้หญิงร่างบางคนดังกล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
สวี่ม่ายซุ่ย ผู้เป็นที่รู้จักกันดีบนเกาะนี้ว่าอ่อนแอขี้ขลาด ไม่เคยพูดจาเสียงดังกับใคร นับประสาอะไรกับการตบตีคน
จางหงเหมยเอามือกุมหน้า อึ้งไปชั่วขณะ ไม่นานก็รู้สึกตัว หล่อนรีบปรี่ไปหาสวี่ม่ายซุ่ย “นังคนชั้นต่ำไร้ยางอาย กล้าดียังไงมาตบฉัน”
สวี่ม่ายซุ่ยข่มความกลัวในใจ แล้วพูดขึ้นเสียงดัง “เธอก็ทำร้ายคน หมายความว่าเธอก็ไร้ยางอายเหมือนกันน่ะสิ! รังแกได้แม้กระทั่งคนที่อ่อนแอกว่า ยังมีหน้ามาว่าคนอื่น!”
ในระหว่างที่สนทนาทั้งสองก็เริ่มทะเลาะกัน
เมื่อได้ตบคนเป็นครั้งแรก สวี่ม่ายซุ่ยก็ยังคงหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อการวิวาทเริ่มต้นขึ้นจริง ๆ ความหวั่นเกรงภายในใจก็หายไป คิดเพียงแต่จะฆ่าหญิงสารเลวคนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ครอบครัวของเธอก็คงจะไม่พังพินาศ ความเคียดแค้นในชีวิตนี้ประกอบกับความพยาบาทในชีวิตที่แล้วทำให้เธอโมโห สวี่ม่ายซุ่ยผู้มีร่างกายเล็กกว่ากลายเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที เธอจับจางหงเหมยทุ่มลงไปกับพื้น จากนั้นก็รีบปีนขึ้นไปคร่อมร่างของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วแล้วเริ่มตบหล่อน “นี่สำหรับการมารังแกลูกของฉัน!”
“สำหรับที่แกมารังควานลูกของฉัน!”
“สำหรับที่แกมาทำร้ายลูกของฉัน!”
เสียงตบดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า สวี่ม่ายซุ่ยในเวลานี้ราวกับคนขาดสติ เธอเอาแต่ตบหน้าจางหงเหมย ใบหน้าของคนถูกกระทำปูดบวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุด ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ทนดูต่อไปไม่ได้ พากันฉุดดึงสวี่ม่ายซุ่ยขึ้นมา
สวี่ม่ายซุ่ยมีสองหมัดยากที่จะสู้สี่มือ เธอถูกดึงรั้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ตาคู่คมยังคงจ้องไปที่จางหงเหมยซึ่งถูกประคองขึ้นมาเช่นกัน “ถ้ากล้ามาด่าลูกของฉันอีก ฉันจะไปที่บ้านของแกแล้วฆ่าแกซะ!”
“ถ้าวันนี้ฉันฆ่าแกไม่ได้ ฉันก็จะไปพรุ่งนี้ ฉันจะไปทุกวัน อย่าคิดว่าจะรอดมือฉันไปได้”
จางหงเหมยมองสวี่ม่ายซุ่ยซึ่งดูประหนึ่งฆาตกรแล้วก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ทว่ายังคงปากแข็ง “ฝากไว้ก่อนเถอะ”
พูดจบก็คว้าตัวต้าเป่าแล้ววิ่งหนีไป
สวี่ม่ายซุ่ยจ้องมองไปที่แผ่นหลังของพวกเขาด้วยแววตาลึกล้ำ ตะโกนออกมาสุดเสียง “หลังจากนี้ใครพูดว่าลูกของฉันมีแค่แม่ที่คลอดออกมาแต่ไม่มีแม่อบรมสั่งสอนอีก ฉันจะจัดการเรียงตัวเลยคอยดู!”
หลังจากกล่าวจบ ผู้คนที่ดูเรื่องสนุกอยู่รอบ ๆ ล้วนมีสีหน้ากระดากอาย แต่ละคนยิ้มเขินแล้วก็วิ่งหนีไป เหลือเพียงเพื่อนบ้านไม่กี่คนที่ปกติค่อนข้างใจดี พวกเขามองสวี่ม่ายซุ่ยแล้วเอ่ยแนะนำ “แม่หลินเซียวใจเย็น ๆ อย่าเป็นเหมือนหล่อน ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้เสียหน่อยว่าหล่อนเป็นคนเช่นไร”
เมื่อสวี่ม่ายซุ่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ รัศมีห้าวหาญก่อนหน้าของเธอก็หายไปทันที ตามมาด้วยน้ำตาที่ไหลพรากออกมา “ป้า เมื่อครู่ป้าไม่เห็นหรือ หลินเซียวเป็นเด็กอายุแค่เจ็ดขวบเท่านั้น แต่หล่อนกลับดึงคอเสื้อของเขาแบบนี้ หล่อนทำบ้าอะไร คิดจะตีลูกของฉันในบ้านของฉันเหรอ?”
“ใช่สิ! ฉันมันอ่อนแอ แต่ถึงจะอ่อนแอแค่ไหนก็มองคนอื่นทุบตีลูกตัวเองโดยไม่ทำอะไรไม่ได้หรอก!”
ป้าเจิ้งเงียบไปครู่หนึ่งเพราะคำพูดของสวี่ม่ายซุ่ย จากนั้นจึงพยักหน้าและกล่าว “ใช่ หล่อนไม่ควรตีเด็ก”
“เอาเถอะ อย่างไรเธอก็ทุบตีหล่อนไปแล้ว ใจเย็น ๆ ให้หลินเซียวเข้าไปในบ้านแล้วเอาน้ำให้ดื่มสักหน่อย ฟังเสียงของเธอหน่อยเถอะ”
อารมณ์ของสวี่ม่ายซุ่ยจึงสงบลง เธอมองไปที่บรรดาพี่สะใภ้และป้าเจิ้งพลางกล่าว “ขอบคุณค่ะ ฉันขอโทษด้วยที่ทำให้พวกคุณต้องลำบาก”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทุบตีลูกกันแรงจัง คนหมู่บ้านนี้มือหนักจังแฮะ
เริ่มต้นสู้เพื่อลูกก็นับว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ที่ดี ได้มีโอกาสเกิดใหม่แล้วอย่าให้เสียเปล่านะ
ชิวเฟิง
MANGA DISCUSSION