บทที่ 191 ทุบตีสุนัขในถ้ำ
การที่สวีอวี้หรงถูกตำหนิจากพระมเหสีในครั้งนั้น ทำให้นางถูกกีดกันออกจากชนชั้นสูงในเมืองหลวง แม้แต่ฮูหยินที่มีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างดีมาก่อนก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้
สุดท้ายแล้วคนประเภทเดียวกันก็มักจะคบค้าสมาคมกันเอง
เวลาดี ๆ เช่นนี้เหยียนซีก็ไม่พลาดโอกาสที่จะทุบตีสุนัขในถ้ำ
แม้เหยียนซีไม่สามารถเผชิญหน้ากับสวีอวี้หรงได้ แต่เธอก็สามารถรวบรวมข่าวของนางได้เป็นจำนวนมากจากการทำงานในโรงน้ำชาอวี่เซิ่น ทำให้ตอนนี้ตนจะพร้อมโจมตีอีกฝ่ายได้ทุกเมื่อ
ไม่นานหลังจากที่พระมเหสีตำหนิสวีอวี้หรง ก็มีคนจากสามครอบครัวไปร้องห่มร้องไห้พร้อมตีกลองร้องทุกข์ยังที่ว่าการ ทั้งยังกล่าวว่าจวนตระกูลเว่ยไม่สนใจไยดีชีวิตของคนรับใช้
ในยุคโบราณ ชีวิตของคนรับใช้ไม่ได้มีความหมายอะไร แน่นอนว่าผู้น้อยไม่ได้มีคุณค่าอะไรมากนักในยามทุกข์ยาก ชีวิตคนรับใช้หนึ่งคนแลกเป็นเรือพายได้หนึ่งลำ
ทว่าก็ไม่สามารถละเลยชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นได้ เหยียนซีศึกษากฎหมายของแคว้นเว่ยก็พบว่าบริวารไม่อาจถูกเจ้านายทรมานและฆ่าได้ตามอำเภอใจ
สาวใช้ในจวนตระกูลเว่ยที่ทำงานให้สวีอวี้หรงไม่ได้ลงนามขายตัวชั่วชีวิต ทุกคนสามารถหาไถ่ถอนตัวเองได้ด้วยเงินหลังจากเวลาผ่านไปห้าถึงสิบปี
ทว่าความหึงหวงของสวีอวี้หรงทำให้สาวใช้ที่อยู่รอบกายนางถูกระแวงว่าจะมีความสัมพันธ์กับเว่ยหวน บางคนที่ถูกทุบตีจนตายที่จวน ที่แย่กว่านั้นคือการถูกตามรังควานทำร้ายร่างกายอยู่เสมอไม่ลดละ นางเคยพยายามจะหาสาวใช้มาเป็นอนุให้แก่เว่ยหวน แต่กลับเปลี่ยนใจในภายหลังเพราะทำใจไม่ได้ สาวใช้เหล่านั้นจึงถูกกำจัดในเวลาต่อมา
บางครอบครัวเมื่อขายบุตรตัวเองออกไปแล้วก็ไม่ได้สนใจไยดีความเป็นตายของพวกเขา แต่บางครอบครัวก็หวังให้บุตรสาวของตนได้โอกาสการยกฐานะเมื่อเข้าไปทำงานในบ้านของเจ้านายด้วยการถูกรับไปเป็นอนุ
ในบรรดาสาวใช้ที่สวีอวี้หรงสังหารไปในนั้นมีบางคนที่มาจากครอบครัวอย่างหลัง
ครอบครัวของพวกนางได้ไปร้องทุกข์กับทางการมาก่อน ทว่าไม่สามารถทำสิ่งใดได้
เหยียนซีฝากให้ตาเฒ่าหวูโถวไปช่วยสืบเรื่องราวทั้งในเมืองหลวงและที่หมู่บ้านตระกูลเว่ย จากนั้นก็ให้กลับมาที่เมืองหลวงอีกครั้ง หลังจากสืบสวนอย่างถี่ถ้วนในที่สุดก็พบครอบครัวของสาวใช้สองสามครอบครัว
ในสามครอบครัวนั้นมีสองครอบครัวที่ต้องการไถ่ตัวบุตรสาวกลับ แต่ก็กลับพบว่านางตายไปแล้ว
อีกบ้านหนึ่งเป็นครอบครัวของอันธพาล ที่ขายบุตรสาวเพราะหวังว่านางจะไปหาเงินมาให้พวกเขาด้วยการเป็นอนุหรือสาวใช้ข้างห้อง หลังจากขายบุตรสาวไปยังจวนตระกูลเว่ยแล้วก็ขอให้นางส่งเงินกลับมาที่บ้าน และครั้งล่าสุด นางพยายามจะส่งข่าวมาที่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากพวกเขา ทว่าสุดท้ายแล้วข่าวคราวก็เงียบหายไป
พวกเขาไปก่อความวุ่นวายอยู่ที่จวนตระกูลเว่ย จนได้รับเงินมาสองร้อยตำลึง ทำให้พวกเขายอมกลับบ้าน แต่เพราะความขี้เกียจจึงเอาแต่นั่งกินนอนกิน แม้แต่ภูเขาเงินภูเขาทองก็ยังมีวันที่ถูกขุดออกมาใช้จนหมด นับประสาอะไรกับเงินสองร้อยตำลึง หลังเวลาผ่านไปไม่กี่ปีก็หมดลง
สองพ่อลูกรอโอกาสที่จะไปรีดไถเงินจากจวนตระกูลเว่ยอีกครั้งเช่นนี้อยู่แล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าลงมือ ทันทีที่ตาเฒ่าหวูโถวพบคนเหล่านี้แล้วได้พูดคุยกัน สองพ่อลูกก็มีความความหวังที่จะไปหาเงินมาเพิ่มทันที
ทว่าจวนตระกูลเว่ยจะต้องปฏิเสธที่จะมอบเงินให้ครอบครัวนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน ดังนั้นสองพ่อลูกจึงก่อเหตุวิวาท ทำให้พ่อบ้านตระกูลเว่ยต้องจัดการกับคนก่อกวนทั้งสอง พวกเขาจึงได้วิ่งโร่ไปร้องทุกข์ยังที่ว่าการทันที
ทั้งสามครอบครัวต่างมารวมตัวกันเพื่อร้องทุกข์ สองครอบครัวแรกร้องไห้อย่างขมขื่น ส่วนพ่อลูกอันธพาลเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว ให้การเป็นฉาก ๆ
หลังจากที่จวนตระกูลเว่ยทราบเรื่องที่เกิดขึ้น พ่อบ้านก็รีบเดินทางไปยังที่ว่าการ เอาหนังสือบางอย่างออกมา และชี้แจงกับเจ้าหน้าที่ว่าสาวใช้ทั้งสามถูกสังหารเพราะลักขโมย และนั่นคือ ‘ความผิด’ ที่พวกนางต้องถูกฆ่าที่พ่อบ้านให้การต่อทางการ
ทั้งสามครอบครัวต้องการหลักฐานจากจวนตระกูลเว่ย ระหว่างที่ทุกอย่างกำลังวุ่นวาย ก็มีสตรีนางหนึ่งวิ่งเข้ามาร้องขอความช่วยเหลือในสภาพผมกระเซิง
เมื่อขุนนางประจำที่ว่าการสอบสวนเห็น ก็พบว่านางคือหานเซียง สาวใช้ของใต้เท้าเว่ย นางให้การว่าหลังจากให้กำเนิดบุตรสาวแก่เว่ยหวนนางก็ถูกนำไปขังไว้ในห้องเก็บฟืน สวีอวี้หรงต้องการนำตัวนางไปขายเมื่อสามวันก่อน แต่นางสามารถรอดพ้นจากเงื้อมือนายหน้ามาได้
หานเซียงทำความเคารพครั้งแล้วครั้งเล่า และพูดกับเจ้าหน้าที่ไม่หยุด “ข้าน้อยเป็นพยานให้แก่ทั้งสามครอบครัวนี้ได้เจ้าค่ะ! ข้าได้ยินเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเว่ย สาวใช้ทุกคนล้วนถูกบอกว่าจะต้องทำงานรับใช้นายท่าน แต่เมื่อฮูหยินไม่พอใจ บอกว่าสาวใช้พยายามจะยั่วยวนนายท่าน พวกนางก็จะถูกทุบตีจนตาย ส่วนศพจะถูกโยนทิ้งลงไปตามเนินเขาในเขตชานเมืองหลวงเจ้าค่ะ!”
หานเซียงมองไปยังทั้งสามครอบครัว และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับสาวใช้แต่ละนางได้
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีใครถูกตีจนตาย ความจริงแล้วพวกนางล้วนถูกทุบตีจนเสียโฉม และปล่อยให้ตายจากการขาดอาหาร
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ฟังเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทุกอย่างรอบข้างก็คล้ายตกอยู่ในความวุ่นวาย “มีคนที่จิตใจโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน!”
หานเซียงกล่าวกับพ่อบ้าน “ท่านบอกว่าพวกนางถูกฆ่าเพราะขโมยของ เช่นนั้นร่างกายของพวกนางควรเต็มไปด้วยรอยแผลจากการเฆี่ยนตี ท่านกล้ากลับไปที่เนินเขานั่น แล้วเอาศพกลับมาชันสูตรหรือไม่!”
พ่อบ้านตะลึงเมื่อสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ เขาไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมหานเซียงที่ถูกขังอยู่ถึงหนีออกมาได้ และนางรู้เรื่องทั้งหมดราวกับตาเห็นเช่นนี้ได้อย่างไร
ขุนนางประจำที่ว่าการอยู่ในอาการลังเล
เจ้าหน้าที่อยู่ด้านนอกนายหนึ่งเข้ามารายงาน “ใต้เท้าขอรับ มีคนมารอด้านนอก ท่าทางจะเป็นคนของเฉินเก๋อเหล่าขอรับ”
เมื่อเขาหันไปก็พบว่าเป็นคนสนิทข้างกายของเฉินโหย่วฝู หลานชายของเฉินเก๋อเหล่า ที่กำลังมองความวุ่นวายด้วยสายตาใคร่รู้
เป็นเรื่องยากที่จะทำงานในเมืองหลวง และการเป็นขุนนางในกรมยุติธรรมในเมืองหลวงนั้นลำบากยิ่งกว่า ในเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ หากก้อนอิฐตกลงมาอาจไปทับคนของคนใหญ่คนโตสักคนได้ หากต้องการจะเป็นขุนนางที่ใสสะอาดและปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ ก็จะต้องพึงระวังไว้ว่าอาจจะถูกลดตำแหน่งไม่ก็กลายเป็นศพ!
ดังนั้นในวันที่รับตำแหน่ง เขาจึงไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ทำตนให้เป็นเพียงคนตายไม่มีปากเสียงในเมืองหลวงแห่งนี้ เดิมเคยคิดจะพึ่งพาใต้เท้าสวีเช่นกัน ทว่าก็ไม่เป็นผล ดังนั้นจึงได้หันไปคิดเรื่องนี้กับตระกูลเฉินแทน
เนื่องจากเรื่องของหัวหน้าชิว ทำให้เขาถูกจงอ๋องไม่พอใจ ดังนั้นเฉินเก๋อเหล่าจึงไม่พอใจในตัวเขาเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าคนจากตระกูลเฉินกำลังให้ความสนใจคดีนี้ ขุนนางประจำที่ว่าการก็ไม่กล้าประมาท และสั่งให้คนพาหานเซียงพร้อมเจ้าทุกข์ทั้งสามเดินทางไปยังเนินเขาห่างไกลนั่นเพื่อตามหาศพ
ไม่นานพวกเขาก็ได้รับรายงานกลับมาว่าพวกนางล้วนถูกทรมานจนตายดังคำให้การของหานเซียง
หนังสือที่พ่อบ้านจากจวนตระกูลเว่ยนำมานั้น ถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเว่ยหวนที่มีตำแหน่งเป็นรองเจ้ากรมยุติธรรม เขามีหน้าที่ดูแลคดีความทางอาญาและหนังสือเกี่ยวกับคดีต่าง ๆ เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่คนทั่วไปจะนำหนังสือเช่นนี้ออกมาได้
แม้สาวใช้ทั้งสามจะถูกสงสัยว่าตายเพราะถูกทรมาน ทว่าหานเซียงก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นด้วยตาตนเอง นางจึงเป็นเพียงพยานที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ส่วนพ่อบ้านก็มีหนังสือยืนยันความชอบธรรมในการลงโทษสาวใช้ แต่เอกสารนั้นระบุเอาไว้ว่าพวกนางถูกเฆี่ยนด้วยไม้ แต่เมื่อพิสูจน์แล้วกลับพบว่าเป็นการทรมาน ขุนนางประจำที่ว่าการจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งเรื่องนี้ให้ขุนนางในส่วนอื่นดูแลต่อ
ในที่ชุมนุมขุนนาง ฝ่ายตรวจการกระตือรือร้นที่จะสอบเว่ยหวนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ใบหน้าของเว่ยหวนซีดเซียว เขาเอ่ยว่าภรรยาเป็นคนดูแลทุกอย่างในจวน
ฝ่ายตรวจการพิจารณาว่าความโหดร้ายทารุณ การสังหารสาวใช้ในจวนตระกูลเว่ยเป็นเพราะการกดขี่ข่มเหงของฮูหยินสวี และยังเป็นความบกพร่องในการจัดการคนในครอบครัวของเว่ยหวนด้วย
เป็นครั้งที่สองแล้วที่เว่ยหวนถูกกล่าวโทษเช่นนี้
ใต้เท้าสวีหลับตาลง เขาหยุดความคิดที่จะสนับสนุนให้เว่ยหวนได้เป็นเจ้ากรมยุติธรรมทันที ไม่ต้องเดาเลยว่าเขาจะได้เป็นเจ้ากรมหรือไม่ ตอนนี้เขาอาจจะไม่สามารถทำงานเป็นขุนนางต่อไปได้ด้วยซ้ำ
เขาลุกขึ้นกราบทูลฝ่าบาทให้มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ไปสอบสวนเรื่องนี้ เพื่อคืนความบริสุทธิ์แก่เว่ยหวนและบุตรสาว
จักรพรรดิเทียนฉีดูอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า ‘อนุมัติ’ อย่างเย็นชา
การสืบสวนยังไม่เริ่มต้น ทว่าจวนตระกูลสวีกลับเกิดความวุ่นวายขึ้น เมื่อหยวนเหนียงหลานสาวตนโตของใต้เท้าสวีแขวนคอตายที่บ้าน
MANGA DISCUSSION