บทที่ 182 เริ่มการแสดงละครงิ้ว
ตอนที่เหยียนซีกล่าวกับหัวหน้าชิวว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจมาแนะนำ เขาก็ยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เมื่อพิจารณาดูแล้ว เขาก็มีสีหน้ายินดี “เจ้าของร้านเหยียน เรื่องนี้ข้ายังไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลยขอรับ! คำที่ใช้ก็ไม่ธรรมดา เอาความรู้มาจากไหนกัน สามารถขายให้เราได้หรือไม่ขอรับ”
วันตรุษกำลังจะมาถึงในอีกไม่นานนี้ ช่วงก่อนและหลังวันตรุษ โรงละครและโรงงิ้วต่าง ๆ จะคึกคักมาก โรงละครแต่ละแห่งในเมืองหลวงจะจ้างนักแสดงไปแสดงอย่างคับคั่ง
ถ้าพวกเขาเอาละครเรื่องใหม่นี้ไปซ้อมให้ชำนาญก่อนปีใหม่มาถึง ก็จะทันได้แสดงในช่วงวันตรุษพอดี จากประสบการณ์หลายปีของเขา การร้องเพลงงิ้วและเรื่องราวประเภทนี้เป็นที่ชื่นชอบของบรรดาฮูหยินทั้งหลายมากที่สุด โดยทั่วไปแล้วโคลงละครเช่นนี้มักจะไม่ค่อยถูกนำมาขายให้คณะละครเล็ก ๆ เช่นพวกเขา เพราะอย่างนั้นหัวหน้าชิวจึงถามอย่างระมัดระวังเล็กน้อย
เหยียนซียิ้ม “ข้าจะบอกกับท่านตามตรง ข้าดูละครมามากและมีความสนใจในด้านนี้ จึงให้พี่ชายเขียนเรื่องนี้ออกมา หากท่านคิดว่าสามารถนำไปแสดงได้ ข้าจะขอให้ใครสักคนช่วยเขียนมันเป็นบทสำหรับขับร้อง” เด็กหญิงไปที่ร้านตำราเพื่อตามหาสิ่งที่เรียกว่าบทขับร้อง ทำให้เข้าใจว่ามันมีรูปแบบคล้ายคลึงกับบทละครของคนยุคใหม่ หลังจากที่ถามหลิวเหิง เขาก็บอกว่าสามารถช่วยเขียนให้ได้
หัวหน้าชิวตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ขอบคุณเจ้าของร้านเหยียนที่เมตตาข้าขอรับ!”
“หัวหน้าชิว ท่านต้องลองดูเรื่องนี้ก่อน ถ้าออกมาดีข้ายังมีอีกเรื่องเจ้าค่ะ”
“งั้นหรือขอรับ เอาล่ะ… เรามาลองดูเรื่องนี้กันก่อน เจ้าของร้านเหยียน ในเมื่อท่านเมตตาเราถึงขนาดนี้ ข้าจึงมีความคิดที่ดี ๆ ขึ้นมาขอรับ หากท่านมอบบทนี้แก่พวกเรา และจะไม่ขายมันให้กับคนอื่น ต่อไปในอนาคต ตราบใดที่คณะของเราแสดงเรื่องนี้ เราจะแบ่งหนึ่งส่วนจากรายได้มอบให้ท่าน ท่านเห็นว่าอย่างไร” หัวหน้าคณะชิวเป็นคนหลักแหลม เมื่อได้ยินว่าเหยียนซียังมีเรื่องอื่นอยู่อีก เขาก็ไม่ได้ถามถึงการซื้อเพื่อเอาเล่นโดยตรง แต่ตั้งข้อเสนอเช่นนี้ขึ้นมา
เหยียนซีอดคิดขึ้นมาไม่ได้ว่าความคิดเรื่องการค้าของคนยุคก่อนนั้นไม่เลวเลยทีเดียว ไม่ควรที่จะประเมินพวกเขาต่ำเกินไป เธอไม่ได้ตั้งใจจะมาทำกำไรอะไรอยู่แล้ว จึงได้ตอบตกลงไปอย่างง่ายดาย
หัวหน้าคณะกลัวว่านางจะเอาบทไปขายให้กับคณะอื่น ๆ และนางเองก็กลัวว่าจะต้องเสี่ยงกับการแข่งขันของวงการที่ตนไม่รู้จัก จึงเลือกที่จะหาคณะละครเล็ก ๆ เป็นผู้ถ่ายทอดจะปลอดภัยกว่า
“หัวหน้าคณะชิว ในเมื่อท่านว่าอย่างนั้น ข้าจะเขียนเรื่องต่อไป และถ้าท่านชอบมัน ข้าก็จะมอบมันให้ท่าน แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องตกลงกัน ก็คือห้ามท่านบอกใครว่าได้บทเหล่านี้มาจากข้า” เหยียนซีเสนอเงื่อนไขของตน
นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่เขาจะรับปาก
บทละครงิ้วดี ๆ หาได้ยาก และคนที่เขียนเก่ง ๆ มักปิดบังตัวตนเพราะกลัวจะถูกเข้ามาแย่งชิงบทเป็นเรื่องธรรมดา ในยุคนี้ไม่ได้มีกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อคณะละครมีเรื่องใหม่มาแสดง คณะอื่น ๆ ที่ได้เห็นจึงเล่นตามได้ คณะเล็ก ๆ อย่างพวกเขาก็เรียนรู้ที่จะเอาบทของคนอื่นมาแสดงตามเช่นกัน พวกเขามีเงินซื้อบทได้เฉพาะละครเก่า ๆ เท่านั้น เมื่อเล่นวนซ้ำไปมาแล้วผู้ชมก็เริ่มเบื่อ ไม่อยากดูอีกต่อไป งานจ้างก็จะลดลง
มีเพียงคณะละครที่มีความสามารถในการแสดงอย่างดีเท่านั้นที่พอจะเติบโตและพัฒนาขึ้นได้
ยามนี้เหยียนซีเอาบทละครใหม่มามอบให้เขาและขอให้ช่วยปกปิดเป็นความลับ นี่มันไม่ต่างอะไรจากการได้ลาภลอยก้อนโต ไม่มีอะไรจะต้องลังเลเลย
เมื่อได้รับคำตกลงแล้วเหยียนซีก็กลับบ้านและขอให้หลิวเหิงเขียนบทขับร้องให้
บัณฑิตที่รู้หนังสือในยุคนี้ล้วนมีความสนใจด้านศิลปะทั้งหกของบุรุษ พวกเขาต้องเรียนรู้การเขียนทั้งโคลงฉันท์ และร้อยแก้ว
แม้หลิวเหิงจะไม่เคยเขียนบทขับร้องมาก่อน แต่เมื่อมีเรื่องเขียนมาให้มาแล้ว ก็เพียงปรุงแต่งโวหารลงไปให้สวยงามเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขา และสามารถเขียนมันให้เสร็จได้ในหนึ่งวัน
เหยียนซีเอาบททั้งหมดมาแล้วไปส่งให้หัวหน้าชิวทันที
หัวหน้าชิวซ้อมละครงิ้วเรื่องนั้นทั้งวันทั้งคืน และในวันที่ยี่สิบสาม เดือนสิบสอง ก็เริ่มสร้างฉากขึ้นมา
วันที่ยี่สิบแปด เดือนสิบสอง จวนหนานอันโหวในเมืองหลวงก็มีการจัดงานบวงสรวงเทพเจ้า และเชิญคณะละครมาทำการแสดงงิ้วที่จวน ช่วงก่อนวันตรุษคณะละครขนาดใหญ่ยุ่งอยู่กับงานอื่น ๆ ทำให้คณะละครของหัวหน้าชิวได้รับการว่าจ้างอย่างคาดไม่ถึงจากจวนหนานอันโหว
เหยียนซีไม่รู้ว่าในยุคนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องของหวังเป่าช่วน จึงรู้สึกกระวนกระวายตลอดทั้งวัน ขนมถ้วยฟูที่นึ่งในวันที่ยี่สิบแปด แทบจะแตกออกจากกัน
ระหว่างที่กินข้าวตอนกลางคืนเธอก็เอาแต่ฟุ้งซ่าน
“ซีเอ๋อร์ กินอย่างสบายใจเถอะ นี่เป็นเพียงละครเท่านั้น ไม่ว่าผู้ชมจะชอบมันหรือไม่ ก็ไม่ได้มีทำให้สถานการณ์แย่ลงได้หรอก” หลิวเหิงอยู่ในอาการสงบและปลอบโยนนาง
เหยียนซีก็พยายามคิดเช่นนี้ จุดประสงค์หลักของการแสดงก็คือการสร้างความทุกข์ใจแก่นางสวีและเว่ยหวน นั่นคือผลที่ดีที่สุด แต่ถ้าไม่ได้ผล ก็ไม่ได้เสียหายอะไร
หลังจากสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ในที่สุดเธอก็กลับมาเพลิดเพลินกับอาหารอีกครั้ง ในตอนเย็น หัวหมูถูกเอามาวางที่เตา เด็กหญิงทำเต้าหู้ทอดหนึ่งกระทะ มีทั้งแบบยาวและแบบตัดเป็นสี่เหลี่ยม ทั้งยังสอดไส้เนื้อผสมเต้าหู้กับหัวไชเท้าหั่นเต๋า ตามด้วยการทอดลูกชิ้นอีกกระทะหนึ่ง
ไม่ทันได้เก็บข้าวของหลังจากทำอาหารเสร็จตอนเที่ยงคืน หลังจากที่นอนหลับไม่สนิทมาหลายวัน เมื่อถึงเตียงเหยียนซีก็หลับไปในทันที
ในช่วงเช้า เหยียนซีลืมตาตื่นมาด้วยความงุนงง และเห็นว่าท้องฟ้าแจ่มใส เพราะเมื่อคืนเข้านอนดึกมาก เธอรู้สึกอายเล็กน้อย เมื่อลุกขึ้นนั่งก็ได้ยินเสียงคนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามา จากนั้นก็มีเสียงคนพูดคุยกันไปมาไม่ขาดปาก ทำให้รู้สึกเวียนหัวไม่น้อย
เช้าขนาดนี้ใครมาถึงลานบ้านกันนะ
ตอนนี้คนอื่น ๆ ไปที่ร้านและส่งสินค้า มีเพียงเหยียนหลิ่วและหลิวเหิงอยู่ที่นี่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่ที่ลานบ้าน เหยียนหลิ่วรู้ว่าเธอหลับอยู่ ไม่มีทางทำเสียงดังให้ตื่นแน่นอน
เด็กหญิงรีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย “เสี่ยวหลิ่ว เกิดอะไรขึ้น”
“เจ้าของร้านเหยียน เจ้าของร้านเหยียน ข้ามีข่าวดีมาบอกขอรับ !” เมื่อได้ยินเสียงของเหยียนซี ไม่ทันที่เหยียนหลิ่วจะตอบ เสียงเด็กชายก็ตะโกนขึ้นมาก่อน
เหยียนซีคิดอยู่ครู่หนึ่ง นี่เหมือนจะเป็นเสียงของชิวเหลียนหรงใช่หรือไม่ เธอสวมเสื้อคลุมบุนวมรวบผมอย่างเร่งรีบแล้วเปิดประตู “ข่าวดีอะไรกัน”
“ฮูหยินผู้เฒ่าของจวนหนานอันโหวชอบละครที่เราเล่นมาก นางเจาะจงเลือกเราไปแสดงอีกครั้งในวันแรกของปีใหม่ด้วยขอรับ!” ใบหน้าของชิวเหลียนหรงเต็มไปด้วยประกายแห่งความยินดี
“จริงหรือเจ้าคะ!?”
“ขอรับ! เมื่อคืนเราเล่นไปเพลงแค่ครึ่งเรื่อง ก็มีฮูหยินหลายท่านมาขอให้อาจารย์ไปทำการแสดงที่จวนในเดือนแรกของปี” ว่าจบเขาก็เอาถุงในมือมอบให้นาง “นี่คือผลไม้และขนมที่จวนหนานอันโหวให้เป็นรางวัลกับพวกเรา ท่านอาจารย์บอกให้ข้าเอามาให้เจ้าของร้านเหยียนกิน ส่วนเรื่องเงินอาจารย์จะมาคุยกับท่านหลังจากเสร็จงานในวันนี้ขอรับ”
เหยียนซีเห็นว่ามีเค้กถั่วเขียว ติ่มซำ และอื่น ๆ อยู่ในห่อ แต่ที่สำคัญคือนี่เป็นของแทนคำขอบคุณของหัวหน้าคณะชิว เธอจึงรับมาอย่างมีความสุข “ผู้ชมดูแล้วว่าอย่างไรกันบ้างเจ้าคะ”
“หลายคนถึงกับหลั่งน้ำตาเมื่อได้ชมขอรับ พวกเขาบอกว่าหวังเป่าช่วนเป็นสตรีที่มีคุณธรรม ฮูหยินผู้เฒ่าจวนหนานอันโหวกล่าวว่าหวังเป่าช่วนถูกหลอกลวงด้วยคำพูดสวยหรู” ชิวเหลียนหรงเลียนแบบน้ำเสียงของหญิงชราไปพร้อมกับตอบคำถาม
เหยียนซียิ้มอย่างพึงพอใจ นี่แหละคือสิ่งที่นางต้องการ
ชิวเหลียนหรงยังเล่าต่อว่างานที่จัดขึ้นที่จวนนั้นยิ่งใหญ่และมีการแสดงที่ดีมากขนาดไหน เหยียนซีเองก็ตื่นเต้นตามไปด้วย และอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเขา กลัวว่าจะเจ็บคอจากลมหนาว จึงเชิญเขาไปกินน้ำแกงร้อน ๆ ที่ห้องโถง
หลังกินน้ำแกงแล้วเด็กหนุ่มก็ยิ้มอย่างเขินอาย “ข้าต้องรีบกลับแล้วขอรับ อาจารย์ให้ข้ามาแจ้งข่าวแล้วรีบกลับไปเตรียมแต่งตัวขึ้นแสดงต่อแล้วขอรับ”
เหยียนซีบอกให้เขารีบกลับไป จากนั้นก็เดินมารอบห้องโถงอย่างมีความสุข
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอต้องการให้ผู้คนจดจำได้ว่าหวังเป่าช่วนทุ่มเทและเสียสละเพื่อความสำเร็จของสามีมากเพียงใด แคว้นเว่ยเป็นยุคที่บุรุษเป็นใหญ่กว่าสตรี แต่อย่างไรสตรีที่เต็มไปด้วยความทุ่มเททั้งชีวิตและมีคุณธรรมจะต้องได้รับการยกย่องจากคนทั้งโลก!
MANGA DISCUSSION