บทที่ 181 เขียนเรื่องราว
ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผู้เฒ่าหวูโถวในการบังคับรถม้า เขาต้องหลบหลีกจากการติดตามของรถม้าของใต้เท้าเว่ย
เขาบังคับม้าให้เดินทางมายังตลาดสด ฝูงชนพลุกพล่านทำให้ระยะห่างระหว่างรถม้าสองคนเพิ่มมากขึ้น
คนขับรถม้าของเว่ยหวนไม่กล้าเร่งความเร็วตาม ไม่นานก็พบว่าอีกฝ่ายหายไปเสียแล้ว “ใต้เท้าขอรับ ดูเหมือนว่า…จะคลาดกันเสียแล้ว”
ทันทีที่รถม้าดูหรูหราเดินทางเข้ามาในตลาดสด ชาวบ้านก็พากันเก็บของหลบ ชนชั้นสูงเหล่านี้ไม่เคยต้องจ่ายค่าเสียหายยามที่ทำข้าวของพังเสียหาย
เว่ยหวนเปิดม่านรถม้าขึ้น เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ เต็มไปด้วยกลิ่นคาวของอาหารสดก็ขมวดคิ้ว
นาวสวีพูดถึงเรื่องนี้แล้ว
เขารู้แล้วว่าหลิวเหิงอยู่ที่ซอยเม่าจือ และมีร้านเนื้อตุ๋นชื่ออวี่เซิ่น
เดิมทีเขาต้องการสอน หลิวเหิง ปัญญาชน ชาวนา และพ่อค้า เป็นคนละชนชั้นกัน เขาจะไปใช้ชีวิตคลุกคลีกับพวกพ่อค้าระดับล่างเช่นนั้นได้อย่างไร
แต่ไม่คิดว่าวันนี้จะพลาดโอกาสนั้น เขาอยากจะไปเจอหลิวเหิงที่ซอยเม่าจือ แต่ก็กังวลว่านางสวีจะรู้เรื่องเข้า หลังจากลังเลครู่หนึ่งเขาก็ปิดม่านลง “กลับเถอะ”
ที่นี่มีคนมากมายเกินไป คนขับรถม้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องลงจากรถม้าและจูงม้าให้เลี้ยวกลับ ระหว่างทางกลับเว่ยหวนก็ออกคำสั่งขึ้นอีก “ไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับใครเมื่อกลับไปถึงจวน”
“ขอรับใต้เท้า” คนขับรถม้ารับคำอย่างรวดเร็ว แม้ว่าฮูหยินจะกำชับไว้อีกอย่าง แต่นายท่านสั่งเช่นนี้เขาก็ต้องรับคำทันทีอย่างไม่กล้าขัดข้อง
เว่ยหวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ และพิงผนังรถ เขาไม่สามารถทนกลิ่นแปลก ๆ เหล่านี้ได้อีกต่อไป ขณะพยายามทำใจให้สงบลงเล็กน้อย แต่เมื่อนึกถึงเด็กในท้องของหานเซียง เด็กคนนั้นจะเป็นลูกสาวไปได้อย่างไร? เขาต้องทำตามที่ฮูหยินบอกคือกำจัดนางไปอย่างนั้นหรือ? อย่างไรเสียนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เขาควรจะรักษาเอาไว้หรือไม่
ความคิดในหัวเขาวุ่นวายไปหมด
ทางด้านหลิวเหิง เมื่อเขาหันกลับไปมองก็พบว่ารถม้าของเว่ยหวนหายไปแล้ว เขารู้สึกอึดอัดราวกับต้องกินแมลงวัน ความรู้สึกรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกและขยะแขยงยามนึกถึงกำลังเล่นงานชายหนุ่ม
เหยียนซีเองก็คิดเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มาตลอดเช่นกัน หลังจากเงียบไปได้ช่วงหนึ่ง เว่ยหวนก็กำลังจะก่อปัญหาขึ้นอีกครั้ง ทำไมต้องเป็นพวกเธอฝ่ายเดียวที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องเหล่านี้
เมื่อกลับมาที่ร้าน เด็กหญิงก็กำหมัดแน่น “ข้ามีวิธีหนึ่งอยากจะลองดูเจ้าค่ะ”
“วิธีอะไรหรือ” หลิวเหิงอยากรู้ว่าวิธีที่ว่าคืออะไร
“เขียนโคลงละคร เอาให้นักแสดงไปเล่น” เว่ยหวนและตระกูลสวีไร้ยางอายมากนักไม่ใช่หรือ
เธอกลับไปที่ห้อง เอาพู่กันและกระดาษออกมา และเริ่มคิดโครงเรื่อง
หลังจากที่เธอมาอยู่ที่นี่ ก็ได้ดูละครโรงใหญ่หลายเรื่อง เป็นละครที่มีความไพเราะและสวยงามในบทร้อง แต่เนื้อเรื่องไม่ได้จริงจังเข้มข้นอะไรนัก
ตอนที่ยังอยู่ในชนบท เธอได้ตามพวกผู้ใหญ่ไปที่โรงละคร และได้ดูละครหลายเรื่อง เรื่องที่น่าประทับใจที่สุดคือเรื่อง ‘หวังเป่าชวน’ เรื่องนี้เป็นการผสมผสานกันระหว่างเรื่องราวของความภักดี ความกตัญญู และคุณธรรม ตอนเด็ก ๆ แม่เคยร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะละครเรื่องนี้
เธอหมกมุ่นอยู่กับการเขียนจนไม่มีเวลากินข้าวเย็น ทำให้เหยียนหลิ่วต้องเข้ามาตามสองสามครั้งก่อนที่จะออกไปหาอะไรกิน
ยามค่ำในที่สุดเธอก็เขียนจนเสร็จ เมื่อวางพู่กันลงก็พบว่าตอนนี้กระเพาะว่างเปล่า จำแทบไม่ได้ว่ามื้อเย็นที่ผ่านมากินอะไรเข้าไป
เมื่อเธอออกไปด้านนอกก็พบว่าเหยียนหลิ่วเฝ้าอยู่ที่ห้องโถง นางก็รีบเอ่ยขึ้น “คุณหนูเร็วเจ้าค่ะ อาหารร้อน ๆ อยู่ที่เตาแล้ว” ว่าพลางเอาชามข้าวและเครื่องเคียงมาจัดให้ “นายท่านกลัวคุณหนูจะหิว ออกมาแล้วเจอแต่อาหารเย็น ๆ เลยให้ข้านั่งเฝ้าเตาเอาไว้ให้”
เหยียนซีนั่งลงกินข้าวไปสองสามคำใหญ่ในที่สุดก็หมดทั้งชาม
“คุณหนูเขียนอะไรหรือเจ้าคะ”
“เขียนเรื่องราวน่ะ” เหยียนซีตอบด้วยความภูมิใจเล็กน้อย
“เรื่องราวอะไรหรือเจ้าคะ”
“เรื่องราวเกี่ยวกับสตรีที่มีนามว่าหวังเป่าช่วน…” เหยียนซีเล่าเรื่องราวอย่างฉะฉาน เมื่อถึงตอนที่หวังเป่าช่วนรอซวีผิงกุ้ยเป็นเวลาสิบแปดปี เธอก็หยุดแล้วเอาน้ำแกงมาซด
“เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นกัน ซวีผิงกุ้ยกลับมาหรือเจ้าคะ” ก่อนที่จะกินน้ำแกงเต็มปาก เหยียนซีก็ได้ยินคำถามนั้น ก็หันไปเห็นว่า ทั้งหลิวเหิง หวังชี ตาเฒ่าหวูโถว ทุกคนยืนอยู่ด้านหลังตนและแม้แต่เหยียนเฟิงก็ยังมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ทำให้เด็กหญิงสำลักน้ำแกงในปากและไออยู่เป็นเวลานาน
เหยียนหลิ่วรีบเข้ามาช่วยตบหลังเพื่อบรรเทาอาการ และเธอก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหยุดไอ
เหยียนซีถามอย่างเคือง ๆ “ออกมากันตั้งแต่เมื่อไรเจ้าคะ” ก่อนหน้านี้ไม่มีใครอยู่ในห้องโถง เธอจึงเข้าใจว่าพวกเขาเข้านอนกันไปหมดแล้ว
อาต้าหัวเราะเบา ๆ “พวกเรากำลังจะเข้านอนขอรับ แต่ก็กลับออกมาอีกครั้งหลังจากได้ฟังเรื่องนี้”
หูของคนเราเปิดอยู่ตลอดเวลา เหยียนซีบ่นเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ จากนั้นก็มองไปทางหลิวเหิงและหวังชี คนที่ฝึกการต่อสู้มาอย่างทั้งสองไม่แปลกที่จะได้ยิน
“ข้ายังไม่หลับ กำลังเขียนหนังสือกับเหยียนเฟิงอยู่ในห้อง” หลิวเหิงเอาเหยียนเฟิงมาเป็นพยาน
“เจ้านาย เรื่องต่อไปเป็นอย่างไรขอรับ เราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ท่านไปได้ยินมาจากที่ไหนกัน” หวังชีเร่งเร้าอย่างสนใจ
“หลังจากนั้น ในที่สุดซวีผิงกุ้ยก็กลับมา แต่เขาแต่งงานกับหญิงของเผ่าอื่นในช่วงสงคราม มีบุตรชายและบุตรสาว และกลายเป็นแม่ทัพที่ยิ่งใหญ่หลังสงครามจบลง ทว่าวันหนึ่งจู่ ๆ เขาก็กลับมาหาหวังเป่าช่วน และพบว่าหวังเป่าช่วนยังรอเขาอยู่เช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จึงได้พานางกลับไปที่จวนกลายเป็นภรรยาของแม่ทัพ”
เพื่อความปลอดภัย เหยียนซีเปลี่ยนแปลงตอนจบเล็กน้อยไม่ให้มีราชสำนักอยู่ในเรื่อง
“ทำไมเล่า…มันกลายเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร” เหยียนหลิ่วอุทาน ไม่แน่ใจว่านางผิดหวังหรือประหลาดใจ
“เรื่องนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เหยียนซีถามหลิวเหิง
หลิวเหิงคิดเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดอย่างรอบคอบ “ฟังดูดี ในส่วนของตอนจบ…” เขาจะพูดบางอย่างแล้วหยุดอย่างกะทันหัน ใบหน้ามืดครึ้มลงเล็กน้อย มันทำให้เขานึกถึงนางหวังที่รอเว่ยหวนไปสอบในเมืองหลวง ในตอนนั้นนางหวังยึดมั่นรอที่หมู่บ้านตระกูลเว่ยอย่างหวังเป่าช่วน แต่สิ่งที่นางได้รับจากการรอเขาคือการขอหย่า
“เป็นตอนจบที่ดี หวังเป่าช่วนโชคดีมาก” หลิวเหิงกล่าว
“เจ้านาย จะเอาเรื่องนี้ไปเล่าหรือขอรับ” อาต้าและอาเอ้อร์ฟังแล้วรู้สึกว่าเรื่องราวสนุกสนานเช่นนี้ ต้องเป็นที่นิยมในโรงน้ำชาแน่นอน!
เหยียนซียิ้ม “เปล่า ข้าจะเอาไปทำโคลงละคร ให้คณะละครเล่น”
เช้าวันรุ่งขึ้น เหยียนซีก็นำโคลงละครไปที่ซอยฮวยซู่ เมื่อเข้าไปในซอยก็ได้ยินเสียงดนตรีดังแว่วมา เธอเดินตามเสียงฉินเข้าไปหาต้นเสียงและได้พบกับสตรีผู้หนึ่งกำลังออกมาซื้อกับข้าว “ท่านป้า ที่นี่มีคณะละครหรือไม่เจ้าคะ”
“อยู่ทางซ้ายมือนั่นแหละ เพียงแค่เคาะประตูพวกเขาก็น่าจะมาเปิด ยามนี้คงซ้อมกันอยู่ที่ลาน” ท่านป้าชี้ไปทางประตูอย่างคุ้นเคย นางนำทางเข้าไปที่ประตูแล้วร้องเรียกอย่างกระตือรือร้น “หัวหน้าชิว มีคนมาถามหาท่าน” เห็นชัดว่านางคุ้นเคยกับคนในนั้นมาก
เสียงฉินที่ดังมาจากในบ้านหยุดลง และประตูก็เปิดออก เป็นหัวหน้าชิวที่เปิดประตูให้
เมื่อเห็นว่าเป็นเหยียนซี เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อย รีบต้อนรับด้วยรอยยิ้ม “ทำไมเจ้าของร้านเหยียนถึงได้มาที่นี่เล่าขอรับ”
เหยียนซีเดินเข้าไปในบ้าน มีคนเจ็ดแปดคนอยู่ที่ลาน สะบัดแขนเสื้อไปมา ท่าทางมีชีวิตชีวา
“หัวหน้าชิว ข้าได้ยินท่านพูดถึงโคลงละครก่อนหน้านี้ จึงได้นำเรื่องที่น่าสนใจมาให้ท่านลองอ่าน” ระหว่างที่พูดเธอก็เอาเรื่องที่เขียนไว้ให้เขา
MANGA DISCUSSION