บทที่ 180 ตามหลังมา
การคาดเดาของเหยียนซีถูกต้องครึ่งหนึ่ง
หลังจากได้ยินว่าลูกในท้องของหานเซียงไม่ใช่ลูกชาย สวีอวี้หรงก็ส่งคนมารับนางกลับไปที่จวน
ตามที่ป้าหลิวกล่าว หานเซียงขอร้องอยู่หลายครั้งว่าไม่อยากกลับไป แต่สาวใช้ทั้งสองก็ลากนางขึ้นรถม้าไปอย่างไม่ได้สนใจ นางยังได้ยินเสียงหานเซียงร้องไห้อย่างชัดเจนจากรถม้า
ป้าหลิวคาดเดาว่านางอาจจะไม่รอด
แน่นอนว่าการที่หานเซียงไม่ได้ตั้งครรภ์บุตรชาย คนที่ผิดหวังที่สุดก็คงจะเป็นเว่ยหวน
เมื่อทราบว่าเขาไม่ได้ลูกชาย เหยียนซีจินตนาการถึงท่าทีว้าวุ่นใจของเว่ยหวนอย่างมีความสุขอยู่หลายครั้ง แต่ในไม่ช้าเธอก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เว่ยหวนเริ่มเสียสติและคิดขึ้นมาได้ว่า ‘ข้ามีลูกชายอยู่แล้วนี่’
หลังเทศกาลล่าปา เหยียนซีก็กลับมาจากโรงน้ำชาในเขตชานเมืองหลวงและขอให้ตาเฒ่าหวูโถวขับรถม้าไปที่สำนักกว๋อจื่อเจี้ยนเพื่อไปรับหลิวเหิงและเหยียนเฟิงกลับบ้านมาด้วยกัน
ที่หน้าสำนักกว๋อจื่อเจี้ยนเธอบังเอิญเห็นว่าเว่ยหวนกำลังยืนอยู่ที่มุมถนน เฝ้ามองบัณฑิตหลายคนกำลังเดินออกมาจากหน้าประตู
ในตอนนี้เมืองหลวงมีหิมะตกลงมาหลายครั้งแล้ว เว่ยหวนอยู่ในชุดคลุมขนสัตว์สีดำ ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหน้า ใบหน้าของชายวัยกลางคนเศร้าหมอง ดูเสียสติไปแล้วจริง ๆ
เพียงแค่มองดูก็ทำให้เหยียนซีรู้สึกอยากจะสาดน้ำไปสักถังหนึ่ง!
เมื่อหลิวเหิงและเหยียนเฟิงเดินออกมา เขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวด้วยท่าทางลำบากใจ
โชคดีที่เขาไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงแค่มองด้วยสายตาแห่งความรักใคร่
มุมที่เขายืนอยู่นั้นค่อนข้างหลบอยู่ในผู้คนมากมายด้านหน้าสำนัก มีรถที่มารอรับเหล่าบัณฑิตและคนพลุกพล่านอื่น ๆ บดบังสายตา
แต่ในตอนนี้รูปลักษณ์ของเขาช่างดูน่าขยะแขยงยิ่งนัก!
เขาดูหมดอาลัยตายอยาก ทำตัวราวกับถูกภรรยาทอดทิ้ง ไม่ได้เป็นผู้ทอดทิ้งภรรยาและบุตรชายของตนเอง แต่เป็นหลิวเหิงที่เป็นบุตรอกตัญญูปฏิเสธบิดาอย่างไร้เยื่อใย
เหยียนซีบอกให้ตาเฒ่าหวูโถวขับรถม้าอย่างรวดเร็ว พาหลิวเหิงและเหยียนเฟิงออกไปจากตรงนี้
ระหว่างที่อยู่ในรถ เธอส่งเตาอุ่นมือให้ทั้งสองเพื่อเพิ่มความอบอุ่น เอาม่านขึ้นแล้วพยักพเยิดให้หลิวเหิงมองดู
เมื่อหลิวเหิงมองออกไปเห็น ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนสีด้วยความโกรธ ชายหนุ่มกำหมัดข้างหนึ่งแน่น “ทำไมยังมีหน้ามา!…เขากล้ามาทำหน้าอย่างนั้นได้อย่างไรกัน….”
ครั้งแรกที่ได้พบเขาในหย่งโจว อย่างน้อยใต้เท้าเว่ยผู้นั้นก็ยังดูเป็นเจ้าหน้าที่ผู้คุมการสอบจากราชสำนัก เวลานั้นหลิวเหิงมีความประทับใจครั้งแรกที่ดีต่อเขา แต่ตอนนี้ความรู้สึกที่มีหลงเหลืออยู่เพียงความโกรธ อับอาย และเกลียดชัง…ทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันหมด ทว่าหลิวเหิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เขามีหน้ามายืนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร
ทำไมถึงมีหน้ามายืนทำตัวเสียสติอยู่ที่นี่
หากต้องการพบหลิวเหิงจริง ๆ ทำไมไม่ไปที่ซอยเม่าจือแล้วพูดคุยกันตรง ๆ เล่า
หลิวเหิงเกลียดโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรม ลิขิตให้เขาต้องมาเกี่ยวข้องกับชายผู้นี้
เว่ยหวนมองหลิวเหิงขึ้นรถม้าไป แล้วเขาก็ก้าวเท้าออกมาจากที่ซ่อน
เหยียนเฟิงสบถ ยื่นมือออกไปที่หน้าต่างรถ เขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เห็นเท้าที่ยกขึ้นของเว่ยหวนสั่นสองครั้งก่อนจะนั่งลงกับพื้น
เหยียนเฟิงทำเช่นนั้นแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายเป็นบิดาของหลิวเหิง ดังนั้นเขาจึงวางมือลงอย่างไม่แน่ใจแล้วนั่งลงที่ประตูรถ
หลิวเหิงพยักหน้าให้เป็นสัญญาณว่าทำดีแล้ว เหยียนเฟิงจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
เหยียนซีไม่เข้าใจท่าทีเช่นนั้นของเว่ยหวนเลยแม้แต่น้อย จึงถามขึ้นด้วยความสงสัย “เขาพยายามจะแสดงตัวเป็นบิดาท่านหรือไม่”
“เขาไม่กล้าทำอย่างนั้นหรอก” หลิวเหิงเยาะเย้ยอย่างหยามเหยียด “ข้าได้ยินมาว่านางสวีหวาดระแวงในตัวเขาจนไม่เป็นอันไปทำงาน ส่งคนไปตามเขากลับบ้าน เขาเป็นรองเจ้ากรมยุติธรรม แต่ตอนนี้กลับไม่ได้มีอะไรต้องทำมากมายนัก”
เจ้ากรมยุติธรรมไม่กล้าที่จะงัดข้อกับใต้เท้าสวี ดังนั้นเมื่อสวีอวี้หรงส่งคนไปลางานให้สามี เขาจึงได้รับอนุญาตอย่างง่ายดาย เขาหยุดงานสองครั้งภายในสามวัน และไม่มีใครอยู่ในที่ว่าการ ไม่มีใครกล้าปล่อยให้เขารับผิดชอบหน้าที่ใด ๆ ในตอนนี้
เว่ยหวนต้องการรับผิดชอบหน้าที่การงานของเขาให้ดี แต่เมื่อคนจากตระกูลสวีมากดดันถึงที่ เขาจะกล้าขัดขืนได้อย่างไร
ในสำนักกว๋อจื่อเจี้ยน มีบัณฑิตหลายคนเป็นบุตรของเจ้าหน้าที่ในเมืองหลวง พวกเขามักจะมีเรื่องมากมายมาแลกเปลี่ยนกันหลังเลิกเรียน และข่าวลือของเว่ยหวนกำลังเป็นที่พูดถึงในเวลานี้
ทุกคนต่างพากันถอนหายใจว่าเป็นเรื่องยากที่จะต่อกรกับมังกรและเหยี่ยว ทั้งยากที่จะปีนขึ้นไปและยากที่จะควบคุม
การแต่งงานกับบุตรีของขุนนางใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ
“ในเมื่อไม่ได้อยากจะยอมรับ แล้วจะมาที่นี่อีกเพื่ออะไรกัน”
“อาจจะไม่ได้ตั้งใจมาพบโดยตรง แต่แค่บังเอิญผ่านมาระหว่างทาง และจำได้ว่าข้าศึกษาอยู่ที่นี่จึงแวะมาดู หรือบางทีเขาอาจจะต้องการทำเพื่อกดดันข้า” หลิวเหิงครุ่นคิดเกี่ยวกับท่าทีเช่นนั้นของเว่ยหวน
“ตอนแรกคงคิดว่าหานเซียงกำลังตั้งครรภ์บุตรชาย แต่ตอนนี้ทุกอย่างล้มเหลวไปหมดแล้ว จึงได้นึกถึงข้าขึ้นมา แต่ก็ไม่กล้าเข้ามาแสดงตัวยอมรับข้า เขาอาจต้องการกดดันให้ข้ายอมรับเขาเป็นบิดาในทางอ้อม”
เว่ยหวนไปที่สำนักกว๋อจื่อเจี้ยนเพื่อดักเจอหลิวเหิงด้วยท่าทางสิ้นหวัง หากมีใครเห็นเข้าก็จะเกิดการกระจายข่าวลือออกไปว่ารูปร่างหน้าตาของเว่ยหวนและหลิวเหิงคล้ายคลึงกันมาก เป็นธรรมชาติที่ผู้คนจะคาดเดาไปต่าง ๆ นานา ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ และเริ่มแน่ใจว่าเป็นพ่อลูกกัน
หลังจากเป็นเช่นนั้นแล้ว หากหลิวเหิงอยากจะกลับเข้าตระกูลของเขา ก็จะต้องไปแสดงตัวต่อตระกูลเว่ย
แต่หากไม่ยอมรับ ก็จะถูกครหาว่าเป็นคนอกตัญญู ชื่อเสียงหน้าตามีความสำคัญอย่างมากต่อหน้าที่การงาน ถ้าไม่อยากแบกรับคำครหาก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นบิดาของตนเอง
ในเวลานั้นเว่ยหวนก็จะแก้ตัวได้ว่าเป็นนางหวังที่ปกปิดเรื่องการตั้งครรภ์ของตนเองไม่ให้เขารู้ว่ามีบุตรชาย โลกนี้มักเอื้ออารีต่อบุรุษมากกว่าอยู่แล้ว ท้ายที่สุดเว่ยหวนก็จะตกเป็นคนน่าสงสารที่ถูกอดีตภรรยาหลอกลวง นางหวังจะเป็นผู้หญิงแพศยาที่ขัดขวางเขาจากบุตรชายตนเอง
เหยียนซีตกใจกับเรื่องราวเหล่านี้
เธอไม่ได้เข้าใจประเพณีของยุคนี้ได้ดีเท่ากับหลิวเหิง ตอนนี้เมื่อได้ฟังข้อสันนิษฐานของเขาก็เพิ่งเข้าใจว่าเว่ยหวนกำลังพยายามเล่นแง่กับชายหนุ่ม
“แล้วแบบนี้จะต้องทำอย่างไรดี”
“ตั้งแต่วันนี้สำนักกว๋อจื่อเจี้ยนมีวันหยุดพักผ่อนประจำปี ข้าจะไม่ได้เจอเขาอีกในปีนี้ บางทีเขาอาจจะมีบุตรชายในเร็ว ๆ อีก ดังนั้นยังไม่ต้องใส่ใจเขาก็ได้” หลิวเหิงตอบอย่างเย็นชา
สำหรับชายผู้นี้ เขาแทบรอไม่ไหวที่จะฆ่าให้ตาย ทว่าเขาก็รู้สึกไม่พอใจหากจะปล่อยให้ตายไปทั้งอย่างนี้
“ท่านแม่ของข้าต้องทนทุกข์ทรมานมากมายขนาดไหน นางต้องเจ็บปวดมากเพียงใด …คนเหล่านี้ยังสามารถยืนหยัดต่อหน้าผู้คนด้วยอำนาจบารมีและความมั่งคั่งเช่นนี้และไม่ทุกข์ร้อนได้อย่างไร” หลิวเหิงกล่าวอย่างขมขื่น
เขาต้องการให้คนเหล่านี้ตกลงมาจากแท่นบูชา และมองดูว่าคนที่พวกเขาดูถูกว่าไร้ราคาเหมือนมดปลวกนั้นจะจัดการพวกเขาอย่างไร!
ก่อนที่หลิวเหิงจะพูดจบ เหยียนซีก็เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร ใต้เท้าสวี สวีอวี้หรง เว่ยหวน…คนพวกนั้นที่เหยียบย่ำผู้อื่น
“เมื่อดูจากตำราตี้เป่าจะพบว่าตอนนี้ใต้เท้าสวีกำลังมีอำนาจมาก” เมื่อมาอยู่ในเมือง เหยียนซีก็สามารถหาตำราตี้เป่ามาอ่านได้ง่ายขึ้น เธอหามาอ่านทุกครั้งที่มีฉบับใหม่ออกมา
“ข้าได้ยินจากเพื่อนร่วมสำนักว่าสุขภาพฝ่าบาทดีขึ้นแล้ว สามารถเสด็จออกว่าราชการได้ตามปกติในระหว่างการประชุมขุนนางเมื่อปีก่อน”
เหยียนซีได้ยินจากโจวหงตอนที่เขามาซื้อเครื่องปรุงและน้ำจิ้มแบบถุงว่า ในที่สุดองค์ชายเฉิงจวิ้นก็มีเวลาว่างและอยากจะกินหม้อไฟจึงมาซื้อเครื่องปรุงและน้ำจิ้มไปถุงใหญ่
ดูจากท่าทางมั่นใจและสบายดีของเขาทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อยดีจริง ๆ
“นายท่าน รถม้าของใต้เท้าเว่ยกำลังตามเรามาขอรับ” เสียงของตาเฒ่าหวูโถวดังขึ้นจากนอกรถม้า
“ไปที่ตลาดสดกันเถอะ”
MANGA DISCUSSION