บทที่ 166 ร้านเนื้อตุ๋นอวี่เซิ่น
เรือนหลังนี้ของเหยียนซีมีราคาห้าร้อยตำลึงเงิน
ทว่าเธอพึงพอใจกับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหน เรือนในเมืองหลวงมักแพงอยู่เสมอ
โชคดีที่ตอนนี้เหยียนซีมีโชคเล็กน้อย และได้ยินมาว่าหลายคนที่สอบจิ้นซื่อภายในปีนี้ต้องเข้ามาอยู่อาศัยในเรือนรวมสำหรับผู้มีรายได้ต่ำ
การครอบครองเรือนหลังนี้จะทำให้หลิวเหิงที่จะต้องเข้ามาสอบในอนาคต ไม่ต้องกังวลเรื่องที่อยู่อาศัย
เรือนหลังนี้ถูกขายพร้อมกับเครื่องเรือนมากมาย มีเครื่องเรือนประดับอย่างครบครัน
เหยียนซีไม่ได้รู้สึกลำบากใจที่ต้องใช้ของเก่า หลังจากที่ซื้อเรือนเรียบร้อยแล้ว เด็กหญิงจ้างหญิงสาวสองคนมาทำความสะอาด จากนั้นจึงเริ่มกลับไปทำงาน
เธอสั่งให้ช่างฝีมือขุดกรอบสี่เหลี่ยมตรงกลางกำแพงอิฐที่เป็นผนังด้านนอกของเรือนปีกข้าง ซึ่งอยู่ใกล้กับทางเข้าซอยมากที่สุด ก่อเป็นผนังสูงถึงครึ่งเอว
ทุกวันนี้เวลาเปิดปิดร้าน ประตูหน้าร้านจะทำมาจากไม้กระดาน ครั้งเมื่อเปิดประตูออกจำต้องเอาไม้กระดานออกก่อน และเสียบไม้กระดานกลับเข้าที่เดิมเมื่อปิดประตู
เหยียนซีสั่งซื้อไม้กระดานขนาดใหญ่มาสองแผ่น และตอกสลักแผ่นไม้แนบติดกับผนังที่มีขนาดสูงครึ่งเอว เปลี่ยนให้แผ่นไม้อยู่ในรูปทรงพลิกขึ้นพลิกลง เมื่อเปิดประตูออกให้ดึงหมุดไม้ออกและแขวนแผ่นไม้กระดานเอาไว้ด้านบน หากจะปิดประตูให้ดึงแผ่นไม้จากด้านบนลงมา ซึ่งสะดวกรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้เธอยังไม่มีกำลังเพียงพอที่จะเปิดร้านบริเวณประตูทางเข้าจวนตระกูลสวี แต่อย่างน้อยเด็กหญิงจำต้องตั้งหลักในเมืองหลวงให้ได้เสียก่อน
หลังจากหลิวเหิงยื่นเรื่องร้องเรียน เธอก็วิตกกังวลถึงเหตุร้ายทุกทางที่เป็นไปได้ และนึกถึงแม้แต่วิธีการที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ขึ้นมา ดังนั้นตนจึงสั่งให้เหยียนเฟิงกับเหยียนหลิ่วพาหลิวเหิงติดตามมาด้วย นอกจากนี้ยังมีพวกเฉวียจืออีกสี่คน รวมทั้งหมดแปดชีวิต ไม่ว่าตระกูลสวีจะมีความสามารถมากเพียงใด แต่ท้ายที่สุดจักรพรรดิองค์ปัจจุบันก็ไม่ใช่คนใจดีมีเมตตา จึงเป็นไปไม่ได้ที่จวนตระกูลสวีจะตัดสินได้ทุกสิ่งอย่าง
ไม่นานหลิวเหิงก็เขียนจดหมายมาบอกเธอว่าไม่จำต้องวิตกกังวล เมืองถงอันยอมรับคำร้องแล้ว กล่าวได้ว่าตระกูลเฉินไม่ได้ประพฤติตนเหมือนครั้งก่อนแล้ว ที่ตอนนั้นต้องการใช้แม่ลูกตระกูลหลิวเป็นเครื่องมือต่อรองในการเจรจากับจวนตระกูลสวีเท่านั้น
ไม่นานใครบางคนที่อาศัยอยู่ระแวกเดียวกับเธอขอให้ขอทานตัวน้อยช่วยส่งกระดาษตี่เป้าประจำวันมายังที่พัก บนหน้ากระดาษตี่เป้ากล่าวว่าฝ่าบาททรงรับสั่งให้เฉินเก๋อเหล่าตรวจสอบเงินภาษีและอาหารในอำเภอเมืองต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีกระดาษแผ่นเล็กสอดแทรกอยู่บนกระดาษตี่เป้าอีกใบหนึ่ง เขียนเป็นตัวอักษรว่า ‘ปวงประชาเป็นผู้ตัดสินความยุติธรรม’
ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้ดวงตาของเหยียนซีร้อนผ่าว รู้สึกต้องการร้องไห้ออกมาอย่างไม่มีเหตุผล
ความยุติธรรม… นานแค่ไหนแล้วที่นางไม่ได้เห็นคำคำนี้?
นางหวัง นางกู้ สิ้นใจลงทั้งที่ไร้ความผิด…
เธอรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อเห็นว่าชาวบ้านจะเป็นผู้ตัดสินความยุติธรรม
เรื่องราวของหลิวเหิงถูกดำเนินการภายในเมืองถงอัน ทว่าเธอกลับต้องทำธุระต่าง ๆ ในเมืองหลวง ตราบใดที่เด็กหญิงสามารถตั้งหลักในเมืองหลวงได้ และไม่ว่ามันจะเลวร้ายมากแค่ไหน ตนก็จะไปร้องทุกข์ที่ต้าหลี่ให้จงได้ จะไประบายความโกรธเคืองที่หน้าประตูจวนตระกูลสวีให้เลือดกระเซ็นออกไปสามวา จะไม่ยอมอดทนกับการใช้อำนาจกดขี่เช่นนี้อีกแล้ว
ทว่าสิ่งแรกที่ควรกระทำคือสร้างรายได้จนสามารถยืนหยัดได้อย่างมั่นคง
จากนั้นเพียงแค่ใช้ชื่อสูตรลับที่ใต้เท้าสวีต้องการครอบครองเป็นเจ้าของ
เหยียนซีวางแผนจะเปิดร้านอาหารเนื้อตุ๋นในเมืองหลวงต่อ
สมัยนี้ผู้คนต่างชื่นชอบการใส่อบเชย ขิง เฉินผีหรือเปลือกส้มจีนอบแห้ง และอื่น ๆ ลงไปในการปรุงรสอาหาร ทว่ามันกลับมีกรรมวิธีง่าย ๆ ไม่มีสูตรเฉพาะเจาะจงอย่างที่เหยียนซีเคยเรียนรู้จากคนรุ่นหลัง
แต่ก่อนการปรุงไข่ใบชาจำต้องตั้งน้ำพะโล้ทิ้งไว้
ทว่าตอนนี้เหยียนซีกำลังปรับเปลี่ยนการทำน้ำพะโล้ที่เป็นน้ำแกงฐานดั้งเดิม เดิมทีเธอใส่ขิง อบเชย เปลือกส้มจีนอบแห้ง พริกไทย ยี่หร่า และเครื่องเทศอีกห้าชนิด แต่ยามนี้เด็กหญิงใช้กระดูกหมูและกระดูกไก่มาปรุงเป็นน้ำแกงตั้งต้น ใส่หัวหอม ขิง เกลือ สุราสำหรับปรุงอาหาร น้ำตาล ชะเอม เฉ่ากั่ว กระวานและยังใส่เครื่องปรุงรสอีกเกือบยี่สิบชนิด หลังจากโม่แป้งถุงใหญ่เสร็จ ก็จวนจะได้เวลาเขียนสูตร
ใส่ซีอิ๊วขาวลงไปในน้ำหมัก เทน้ำตาลทรายสีที่ผัดมาจากน้ำตาลทรายขาวลงไปจนน้ำหมักในหม้อกลายเป็นสีแดง น้ำหมักสีแดงส่วนใหญ่สำหรับตุ๋นอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อาทิ หูหมู ลิ้นหมู ขาไก่ ตีนเป็ด และอื่น ๆ
เหยียนซียุ่งอยู่กับการปรุงรสชาติในเตา ขณะที่เหยียนหลิ่วช่วยเธอเคี่ยวและเติมน้ำ
รอจนกระทั่งตุ๋นน้ำแกงเสร็จ เหยียนซีจึงนำหูหมูและลิ้นหมูที่ปรุงสุกแล้วออกมาจากหม้ออีกใบ ขูดคราบสีขาวบนเนื้อออก โยนลงไปตุ๋นในหม้อ และเคี่ยวต่อด้วยไฟอ่อน
เมื่อเปิดร้านครั้งแรก เธอไม่กล้าทำอาหารเยอะมากนัก เพียงแค่ซื้อหูหมูสองชิ้น ลิ้นหมูสี่ชิ้น ไก่สองตัวและเป็ดอีกสองตัว
อากาศกำลังร้อนขึ้นเรื่อย ๆ การทำเนื้อตุ๋นด้วยซอสหมักเจาหลู่ย่อมอร่อยเป็นไหน ๆ
นับตั้งแต่ที่เหยียนซีมาเยือนแคว้นเว่ย เธอไม่เคยเห็นเหล้าหมักและซอสหมักเจาหลู่เลย อันที่จริงซอสหมักเจาหลู่ไม่ได้รับความนิยมในคนรุ่นหลังมากนัก
เหยียนซีต้องการเริ่มทำกิจการด้วยซอสหมักเจาหลู่ ดังนั้นเธอจึงทำการค้นคว้าเกี่ยวกับซอสหมักเจาหลู่อย่างจริงจัง
แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลในตอนแรก ทว่าบัดนี้มันจะได้ผล
เธอไปโรงเหล้าเพื่อซื้อเมล็ดพืชที่ไม่ได้ใช้มากลั่น เถ้าแก่โรงเหล้ายิ้มกว้างจนตาหยี ต้องทราบว่าตอนนี้กากเหล้าของโรงเหล้าไม่ได้ทำประโยชน์อะไรนอกเสียจากใช้เลี้ยงปศุสัตว์ ตอนนี้ในเมื่อมีคนเต็มใจจะจ่ายเงินเพื่อซื้อมัน เขาจึงมีความสุขมากและมอบกากเหล้าให้ถึงสองถังใหญ่
เหยียนซีต้องใช้เงินจ้างรถเพื่อมาเข็นกลับเรือน
นำกากเหล้าไปผสมกับเหล้าเหลืองจนละลาย เติมเกลือและน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน เทลงบนผ้าตาข่ายผืนใหญ่เพื่อทำการกรองน้ำให้ไหลลงไปในหม้อดินขนาดใหญ่ จากนั้นรอจนกระทั่งถึงตอนบ่าย ซอสหมักเจาหลู่จะเป็นอันเสร็จสิ้น
การทำซอสหมักเจาหลู่ย่อมประหยัดพลังงานกว่าการทำน้ำหมักพะโล้
ถั่วลิสง ถั่วเหลือง เต้าหู้แห้ง ไข่นกกระทา… หมักได้เกือบทุกอย่าง
เธอหมักทุกอย่างจนกระทั่งฟ้ามืดลง หวังชีกลับมาจากสถานที่ก่อสร้าง มองดูสาวน้อยทั้งสองปรุงอาหารหลายหม้อใหญ่ จึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวเสนอ “ซีเอ๋อร์ เราควรซื้อสักกี่คนดี?”
เหยียนซีหันหน้ากลับไปมอง และเห็นว่าเหยียนหลิ่วกำลังยุ่งอยู่กับการจุดไฟจนใบหน้าเต็มไปด้วยละอองฝุ่นจากเตา เดิมทีนางเป็นยอดฝีมือด้านการต่อสู้ แต่ยามนี้นางกำลังกลายร่างตนเองเป็นหยางไป่เฟิง*[1 และอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงว่าเป็นความผิดของตน
เหยียนหลิ่วเห็นว่าเหยียนซีกำลังมองดูนาง จึงนึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะถาม จึงบอกด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “คุณหนู งานเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ ทาสทำคนเดียวได้เจ้าค่ะ”
ยอดฝีมือย่อมมีฝีมือ และความแข็งแกร่งมีมากกว่าคนทั่วไป
แม้แต่หวังชียังลูบคลำจมูกตนเองเมื่อได้ยินถ้อยคำดังกล่าว เขารู้สึกจุกจนกล่าวไม่ออกครั้งเมื่อเห็นเหยียนหลิ่วโอบหม้อใบใหญ่ หม้อใหญ่ใบนี้ใหญ่มากพอที่จะใส่เหยียนหลิ่วสองคนลงไปได้ ดังนั้นเขาจึงรีบเข้าไปช่วย แต่กลับกลายเป็นว่า… เหยียนหลิ่วปล่อยมือ ในขณะที่เขากำลังย่อตัวลง
ตอนที่เขาแบกย่ามไปทำงานที่ท่าเรือ สามารถแบกกระสอบสี่ใบได้ด้วยพละกำลังของตนเอง ทว่าน้ำหนักของหม้อใบนี้… คือน้ำหนักที่มนุษย์เราควรจะแบกไหวอย่างนั้นหรือ?
หากเหยียนหลิ่วไม่เข้ามาประคองมือได้ทันเวลา หม้อใบใหญ่คงจะตกแตกละเอียดไปแล้ว
เหยียนซีอดจะหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางคับแค้นใจของหวังชี ไม่นานเรื่องราวของหวังชีกับหม้อใบใหญ่ก็เป็นที่รู้กันไปทั่วโรงน้ำชาอวี่เซิ่น
ทว่าก็ต้องคำนึงถึงกำลังคนด้วย
ผู้จัดการร้านและผู้ช่วยผู้จัดการของโรงน้ำชาอวี่เซิ่นในยามนี้ได้รับการคัดเลือกมาจากอำเภอหมิงสุ่ย และถูกนำตัวมาทีละคน สำหรับโรงน้ำชาสาขาเมืองหลวง เหยียนซีวางแผนจะให้เฉวียจือมาเป็นผู้ช่วย เฉวียจือเก่งกาจ รู้จักศิลปะการต่อสู้ และมีดวงตาเฉียบแหลม สำหรับ ‘ร้านเนื้อตุ๋นอวี่เซิ่น’ ในเมืองหลวง เธอวางแผนจะจัดการมันกับหวังชีและเหยียนหลิ่ว ทั้งสามคนจะเป็นผู้ลงมือทำก่อน
เหยียนหลิ่วมักเป็นดั่งที่เหยียนซีกล่าวถึงอยู่เสมอ นางรับงานหนักไปทำเงียบ ๆ จนเสร็จ ทว่าจนบัดนี้นางก็ยังไม่ถนัดทำงานบ้าน อาทิ การหุงต้ม ล้างจาน มีเพียงงานเย็บปักถักร้อยเท่านั้นที่นางสามารถทำได้ดี
หวังชีวิตกกังวลว่าเหยียนซีกับเหยียนหลิ่วจะทำงานหนักจนเกินไป แต่หลังจากพิจารณาถึงเรื่องที่พวกเขากลัวที่จะเชิญคนภายนอกเข้ามา ตอนนี้นี่จึงเป็นวิธีเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ในขณะนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ
ก่อนจะเดินทางไปหานักบวชที่วัดผู่จี้เพื่อเลือกฤกษ์งามยามดี และจะทำการเปิดร้านเนื้อตุ๋นอวี่เซิ่นเป็นอันดับแรก
[1] หยางไป่เฟิง เป็นตัวละครหญิงรับใช้ในจวนตระกูลหยาง นางลอกเลียนแบบท่าทางศิลปะการต่อสู้จากเหล่าสมาชิก โดยใช้แท่งเหล็กในห้องครัวมาเป็นอาวุธ
MANGA DISCUSSION