บทที่ 165 ค้าขายในเมืองหลวง
องครักษ์พาเว่ยเฉิงกลับไปที่วัง และคอยกล่าวถึงหลิวเหิงกับตระกูลว่าเป็นดั่งดาวนำโชคขององค์ชายตลอดทาง
องค์ชายได้รับการช่วยเหลือตอนที่ซ่อนตัวอยู่ในเรือนตระกูลหลิว
ยามนี้องค์ชายทำตามคำแนะนำของบ้านตระกูลหลิว จนจักรพรรดิไม่รู้สึกเคืองโกรธ และยังแต่งตั้งให้องค์ชายดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแทนพระองค์
เว่ยเฉิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงพูดไม่หยุดหย่อนนั่น “เจ้าหยุดพูดเสียทีเถิด ผู้ตรวจการแทนพระองค์มีหน้าที่หนักหนานัก…”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทราบ แต่ตราบใดที่พระองค์มีภาระหน้าที่ ต่อไปในภายหน้าพระองค์จะต้องลำบากด้วยหรือพ่ะย่ะค่ะ?” โจวหงมีความสุขที่องค์ชายของตนมีความรู้ในด้านวรรณกรรมและการต่อสู้ อีกฝ่ายจะต้องลำบากด้วยเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ได้อย่างไร
เว่ยเฉิงไม่ได้ห้ามให้เขาหยุดพูด ครุ่นคิดเกี่ยวกับวิธีการจัดการหลังจากออกจากเมืองหลวง
จักรพรรดิให้ความสำคัญกับความรู้สึกและตระหนักถึงมิตรภาพเก่า ๆ เขาเป็นที่โปรดปรานของฝ่าบาทไม่ใช่เพียงเพราะปัญญาและความสามารถเท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกระหว่างเครือญาติอีกด้วย ความจริงที่ว่าเขาเคยเดินทางไปยังอำเภอหมิงสุ่ยนั้นไม่อาจปกปิดใครได้ และเขาเองก็ไม่คิดจะปิดบังด้วยเช่นกัน
หลังมารดาที่เป็นพระชายาสิ้นใจลงด้วยอาการเจ็บป่วย เขาถึงออกเดินทางจากเมืองถงอันไปยังอำเภอหมิงสุ่ย การเดินทางดังกล่าวเป็นทั้งการท่องเที่ยวและการลาจากวังอันน่าสลดใจ และในขณะเดียวกันก็เป็นการหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับอนุภรรยา ทว่าเขากลับไม่ได้เตรียมใจและคาดการณ์ไม่ถึงว่าจะถูกลอบสังหาร
หากมิใช่เพราะการลอบสังหารในครั้งนั้น เขาคงไม่พ่ายแพ้ต่อผิงอ๋อง และต้องเดินทางมาขอลี้ภัยที่เมืองหลวงกับจักรพรรดิเทียนฉี
เนื่องจากมันเกี่ยวข้องกับเรื่องอื้อฉาวภายในตระกูล เขาจึงไม่ปริปากเล่าอันใด ทว่าก็ไม่ได้ปกปิดเช่นกัน
ถ้อยคำที่ใต้เท้าสวีกล่าวถึงล้วนเป็นความจริงทุกประการ และเขาไม่หวาดหวั่นหากฝ่าบาทจะส่งคนไปตรวจสอบ
อย่างไรเขาก็คาดไม่ถึงว่าฝ่าบาทจะบอกใบ้อย่างชัดเจนถึงเพียงนี้หลังจากเบี่ยงประเด็นไปมาอยู่นาน
หลังเดินทางพร้อมโจวหงไปตามท้องถนนเรื่อย ๆ ก็เห็นหน้าจวนตระกูลสวียังคงเต็มไปด้วยชาวบ้านที่แห่แหนมาพบ เขาลดผ้าม่านลงและปล่อยให้รถม้าข้ามถนนไป
สำหรับใต้เท้าสวี หากจวนตระกูลสวีก่ออาชญากรรม เกรงว่าเขาคงจะต้องวิตกกังวลมากกว่านี้
เหยียนซีไม่รู้เรื่องของเว่ยเฉิง และเด็กหญิงก็ไม่มีเวลาเพียงพอที่จะใส่ใจความตื่นเต้นหน้าจวนตระกูลสวี
เนื่องจากวันนี้หวังชีเดินทางไปซื้อที่ดินแถวเชิงเขาบริเวณวัดผู่จี้ ซึ่งอยู่ติดกับถนนสายทางการ
เขาจึงขอร้องนักบวชประจำวัดผู่จี้ให้คำนวณหาฤกษ์งามยามดี และวันนี้ก็เป็นวันฤกษ์ดีที่เหมาะสำหรับการขุดดิน
หวังชีไม่กล้ารีรอ รีบสั่งการให้นายหน้าจัดการเรื่องโฉนดที่ดิน จากนั้นก็จ้างช่างฝีมือมาเริ่มงาน
บรรดาวัดในเมืองหลวง หากกล่าวตามสถานะ แน่นอนว่าวัดเป้ากั๋วที่เป็นวัดหลวงย่อมเป็นอันดับหนึ่ง ทว่าหากจะกล่าวถึงวัดที่มีการพูดถึงมากที่สุด วัดผู่จี้บนภูเขาปี้อวิ๋นย่อมเป็นอันดับที่หนึ่ง
วัดเป้ากั๋วเป็นวัดที่เสพสุขกับการได้รับการกราบไหว้บูชา และเป็นวัดหลวงที่ราชวงศ์ชอบไปเยี่ยมเยียน ขณะที่วัดผู่จี้เป็นสถานที่ที่ชาวบ้านทั่วไปและขุนนางในเมืองหลวงชอบมากราบไหว้
กล่าวกันว่าเครื่องสักการะบูชาในวัดผู่จี้ค่อนข้างศักดิ์สิทธิ์ หากขอบุตรชายจะได้บุตรชาย หากขอตำแหน่งขุนนางจะได้เป็นขุนนาง หากมาเคารพบูชาไม่ว่าอย่างไรก็จะได้รับพรตามคำร้องขอ
เหยียนซีแวะเวียนไปที่นั่นหนึ่งครั้ง ได้ผลหรือไม่เธอไม่อาจรู้ได้ ทว่านักบวชกลับทำการตลาดได้ดีเยี่ยม
ในวัดแห่งนั้นมีการจำลองบรรยากาศเกี่ยวกับการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ เริ่มต้นตั้งแต่เชิงเขา เดินขึ้นไปบนขั้นบันไดหินขนาดใหญ่ที่พาดยาวไปจนสุดทาง มีการจารึกรายชื่อผู้มีจิตศรัทธาชายหญิงที่ทำการบริจาคต่าง ๆ ระบุวันเดือนปีที่เทพเจ้าลงมาสถิตลงบนหินเขียว เมื่อไปถึงศาลาแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นภูเขา จะเห็นคำจารึกบริเวณฐานเสาทั้งสี่
ทุกขั้นบันไดจะมีศิลาจารึกพระไตรปิฎกที่เขียนโดยนักปราชญ์รุ่นต่าง ๆ เรียงรายอยู่ข้างทาง กล่าวกันว่าศิลาจารึกจะไม่ได้รับการแก้ไข หากนักปราชญ์คนใดถูกตัดสินลงโทษ จำต้องถอนศิลาจารึกออกและแทนที่ด้วยศิลาแผ่นใหม่
ภูเขาปี้อวิ๋นเป็นสถานที่ตั้งของวัดผู่จี้ ดอกท้อจะผลิบานในฤดูใบไม้ผลิ และแปรเปลี่ยนเป็นใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง มีทิวทัศน์สวยงามตลอดทั้งสี่ฤดู
ด้วยเหตุนี้วัดผู่จี้จึงมีการผสมผสานความงามระหว่างภูเขาและแม่น้ำ การเขียนอักษรของปรมาจารย์ที่มีชื่อเสียง และคำกล่าวอ้างสละสลวยตามความเชื่อที่ล้วนมาจากปรมาจารย์ ทว่าหากพวกเขาไร้ชื่อเสียง แล้วใครกันจะมีชื่อเสียง?
เหยียนซีคาดว่าที่หวังชีสามารถหาซื้อที่ดินจากวัดอารามหลวงได้ อาจเป็นเพราะเหล่านักบวชได้ลิ้มลองรสชาติของไข่ใบชาและอาหารรสเลิศต่าง ๆ ที่เขานำมาถวาย
เหล่านักบวชต่างมีทุกอย่างพร้อมภายในวัดผู่จี้ แต่กลับขาดแคลนอาหารรสเลิศ แม้อาหารของโรงน้ำชาจะดูหยาบกระด้าง ทว่ากลับมีรสชาติยอดเยี่ยม
ทั้งที่ดินรกร้างจนไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ นอกจากนี้ยังเป็นเพียงผืนดินขนาดเล็ก เหตุใดจึงไม่ขายให้พวกเขาไปเปิดโรงน้ำชาเล่า
หวังชีพึงพอใจกับสถานที่แห่งนี้มาก และเหยียนซีเองก็พอใจมากเช่นกัน บริเวณใกล้เคียงกับวัดมีการเดินทางที่ค่อนข้างคล่องตัว ติดกับถนนทางการ ทำให้การเดินทางยอดเยี่ยม
เธอคิดจินตนาการถึงความหรรษาหน้าจวนตระกูลสวี ตอนที่ทำการแสดงโดยการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ในชาติที่แล้ว ตราบใดที่มอบของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ฟรี ๆ ผู้ชมทั้งหลายจะแห่กันเข้ามาอย่างพร้อมเพรียง ทว่าในสมัยโบราณ ชาวบ้านค่อนข้างเรียบง่ายแต่ไม่โง่เขลา แม้จะอยู่ภายใต้คำแนะนำที่เย้ายวน แต่ผู้ใดกันจะทิ้งขว้างเงินทอง?
หากต้องการตำหนิ คงต้องตำหนิใต้เท้าสวีที่มั่งคั่งจนเกินไป หากเขามอบเงินให้ชาวบ้านเพียงแค่ห้าอีแปะ หรือห้าสิบอีแปะ เหตุการณ์จะไม่คลุ้มคลั่งเช่นนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าใต้เท้าสวีใจกว้าง เปิดปากกล่าวว่าจะมอบเงินจำนวนห้าตำลึงเงิน แล้วใครกันจะอดใจไว้ได้?
ไม่ต้องกล่าวถึงบุคคลอื่น ก่อนที่เหยียนซีจะเดินทางออกจากเมืองหลวง เธอพาเหยียนหลิ่วไปเดินวนรอบประตูจวนตระกูลสวีและรับเงินจำนวนห้าตำลึงมาแล้ว
เธอติดตามหวังชีมาสักการะบูชานักบวชที่วัดผู่จี้ด้วยเงินจำนวนห้าตำลึงในกระเป๋า และถวายเงินจำนวนสิบตำลึงให้นักบวชจุดตะเกียงของนางหวังกับนางกู้ให้ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา
อันที่จริงเธอไม่เชื่อเรื่องวิบากกรรมของเทพและพระพุทธเจ้าเท่าไรนัก แต่เมื่อมองดูตะเกียงที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา และท่าทางที่เคร่งขรึมของพระโพธิสัตว์ เด็กหญิงก็อดไม่ได้ที่เกิดความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ในใจ หวังว่านางหวังกับนางกู้จะได้รับพรจากพระโพธิสัตว์ และมีชีวิตที่ปลอดภัยและสงบสุขหลังความตาย
เหยียนหลิ่วแอบโกรธเคืองที่ตนเองรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หากรู้ล่วงหน้า นางคงจะสวมใส่เสื้อผ้าตามแบบสตรีแทนเสื้อผ้าบุรุษ เพื่อแสดงความเคารพแก่ฮูหยินและท่านป้ากู้
นักบวชที่มาต้อนรับแขกสังเกตเห็นว่าเหยียนซีแต่งกายธรรมดา แต่กลับถวายเงินจำนวนสิบตำลึง จึงแสดงท่าทางสุภาพนอบน้อมกับเธอ “อมิตาพุทธ ขอบคุณประสก พระพุทธเจ้าต้องเมตตา อวยพรให้ผู้ตายไปสู่สุคติในเร็ววันอย่างแน่นอน”
“ขอบพระคุณเจ้าค่ะ หวังว่าหลวงพ่อจะเอาใจใส่ดูแลน้ำมันตะเกียงตลอดเช้าเย็น และทางโรงน้ำชาจะส่งน้ำต้มกุ๊ยมาทุกวันที่สิบของทุกเดือน เพื่อเป็นการสักการะผู้มีพระคุณทั้งสองท่าน”
เนื่องจากอยู่บนเชิงเขาวัดผู่จี้ การสร้างคุณงามความดีผ่านวัดจึงเป็นการดีกว่า ได้ทั้งที่ขายของและที่หลบภัย
เหยียนซีไม่เชื่อในปาฏิหาริย์ใด ๆ ทว่าเธอเชื่อในหนึ่งสิ่งที่เรียกว่าการเติบโตจำต้องพึ่งพาอะไรบางอย่าง
การสร้างวัดใหญ่โตในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายดาย การที่วัดผู่จี้ที่ถูกจัดอยู่ในอันดับเดียวกันกับวัดเป้ากั๋ว จะต้องมีการพึ่งพาอาศัยกันอย่างแน่นอน
การถวายข้าวปลาอาหารย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่าความสัมพันธ์ที่ส่งต่อกันมาข้ามปีต่างหากที่สำคัญ น้ำใจของมนุษย์ที่มีต่อกันมีอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ยิ่งติดต่อกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีน้ำใจให้กันมากเท่านั้น
นักบวชที่มาต้อนรับพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น วัดผู่จี้ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองหรือธูปเทียน และการถวายข้าวต้มเพื่อสร้างคุณงามความดี โดยไม่ถวายเงินให้วัด ใครจะปฏิเสธการทำความดีเช่นนี้?
“ไม่ทราบว่าโรงน้ำชาของพวกท่านจะเปิดให้บริการอาหารประเภทไหนหรือ?”
“เนื่องจากอยู่ภายในพระพุทธศาสนา พวกเราจะให้บริการเพียงแค่อาหารที่ทำจากผักเท่านั้นเจ้าค่ะ” เหยียนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
นักบวชที่มาต้อนรับรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกว่าชื่อของโรงน้ำชาอวี่เซิ่นนั้นคู่ควร และเจ้าของร้านเป็นคนดีมาก แม้ว่านางจะดูอายุยังน้อย แต่สีหน้าท่าทางการแสดงออกกลับดูดีทีเดียว
หลังจากการเจรจาจบลง เหยียนซีก็กลับเข้าไปในเมือง
สำหรับสาขาวัดผู่จี้ เธอตั้งใจจะขายอาหารมังสวิรัติเพื่อตอบสนองรสนิยมของผู้แสวงบุญเท่านั้น และจุดขายหลักย่อมตั้งอยู่ในตัวเมืองหลวง
ลานขนาดเล็กในเมืองหลวงที่เหยียนซีซื้อมาตั้งอยู่บริเวณซอยเม่าจือ อยู่ไม่ไกลจากจวนตระกูลสวีมากนัก
เจ้าของที่ดั้งเดิมเป็นคนเมืองหลวงที่อยู่ในสำนักฮั่นหลิน ปีนี้พวกเขาถูกแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งขุนนาง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จึงจะกลับมาที่เมืองหลวงได้ และอาจไม่มีเงินเพียงพอ จึงป่าวประกาศขายที่ดินขนาดย่อม
เมืองหลวงแบ่งออกเป็นเมืองชั้นในและชั้นนอก ให้ความสำคัญกับความร่ำรวยทางทิศตะวันออก และความสูงส่งทางทิศวันตก
ซอยเม่าจือเป็นสถานที่ที่ใกล้เคียงเมืองชั้นในและเมืองชั้นนอกมากที่สุด อยู่ทางด้านตะวันตก ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนี้ล้วนมั่งคั่ง ยกเว้นเพียงสองสามครัวเรือน ตามหลักความเชื่อของคนรุ่นหลัง หากเมืองชั้นในถูกนับว่าเป็นวงแหวนชั้นใน เช่นนั้นซอยเม่าจือก็ถูกนับว่าอยู่ใกล้กับวงแหวนชั้นใน
ทำเลที่ตั้งน่าพึงพอใจ และราคาก็น่าพึงพอใจเช่นกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับหมู่บ้านหยางซาน พื้นที่ที่เหยียนซีเลือกซื้อมีขนาดเล็กกว่ามาก โชคดีที่ตัวเรือนตั้งตรงเป็นปกติ และเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า เมื่อเดินเข้าไปในลานบ้าน จะเห็นตัวเรือนสามหลังเรียงกัน หันหน้าเข้าหาประตู ตรงกลางเป็นห้องโถง ส่วนด้านซ้ายและด้านขวาคือเรือนหลัก หันหน้าไปทางฝั่งตะวันออกและตะวันตก แต่ละเรือนประกอบไปด้วยห้องจำนวนสองห้อง และมีเรือนใต้สำหรับอำนวยความสะดวกให้กับคนงานรวมเป็นสามห้อง
แต่ละห้องมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ไม่อาจนับว่าเป็นห้องชุดได้ มีลานกว้างตรงกลาง ห้องใต้เรือนอยู่ทางด้านซ้ายติดกับบริเวณทางเข้า และมีบ่อน้ำอยู่ถัดจากห้องครัว
สิ่งที่หายากที่สุดคือบริเวณทางด้านซ้ายจะมีดินสูงสำหรับการปลูกหัวหอม ขิง กระเทียม และผักใบเขียวต่าง ๆ ทั้งยังมีต้นกุหลาบด้านข้างโต๊ะหินกำลังผลิดอก ทำให้ดูหรูหราขึ้นมาทันที
MANGA DISCUSSION