บทที่ 162 ใช้เงินอย่างต่อเนื่อง
เหยียนหลิ่วกัดริมฝีปาก ก่อนจะผ่อนคลายไหล่ลง และหันหลังกลับมา “คุณหนู เราทุกคนอยู่ใต้คำสั่งของท่าน”
ตั้งแต่วันที่เหยียนซีช่วยเหลือนางด้วยการไถ่ตัวสองพี่น้องมา ทั้งสองคนก็ยึดมั่นถือคติว่านางคือผู้เป็นนาย และตั้งแต่วันที่เหยียนซีอุทิศตนรักษาอาการบาดเจ็บให้ พร้อมกับจะส่งคืนสัญญาซื้อขายให้พวกเขา บอกว่าพวกเขาสามารถจากไปได้ทุกเมื่อ นับแต่นั้นมาพวกเขาก็ตัดสินใจรับใช้ถวายหัวให้แก่คุณหนู และยอมสละชีพตายแทนได้อย่างไม่เกรงกลัว
เหยียนซีคว้าปิ่นปักผมออกมาจากมือนาง และเสียบเข้าช่อผมเช่นเดิม มองดูกลุ่มคนด้านหน้าจวนตระกูลสวีที่ค่อย ๆ แยกย้ายกัน พวกเขาจับกลุ่มหารือสองสามคนและแยกย้ายไป
แม้ว่ากลุ่มคนที่มาเสนอขายสูตรลับจะรู้สึกผิดหวัง แต่เมื่อพวกเขาได้ยินว่าจะได้รับเงินจำนวนห้าตำลึง และจะมีคนไปส่งถึงบ้านโดยเฉพาะ ก็รู้สึกว่าเงินจำนวนห้าตำลึงนั้นเทียบเท่ากับการเดินทางมาเที่ยวเมืองหลวง และได้รับประสบการณ์กลับไป
แม้รู้สึกไม่เต็มใจนัก แต่กลับไม่กล้าปริปากกล่าวอะไรออกไปเมื่อมองเห็นกลุ่มทหารยามยืนทำหน้าตาทะมึนทึน จ้องมองมาอย่างโหดเหี้ยม
เหยียนหลิ่วมองดูกลุ่มคนทุกข์ยากค่อย ๆ สลายตัว และรู้สึกเศร้าสลดกับเงินที่ครอบครัวสูญเสียไป “คุณหนู ทำอย่างไรดีเจ้าคะ? ตาเฒ่าผู้นั้นเกลี้ยกล่อมกลุ่มคนออกไปได้แล้วเจ้าค่ะ”
จะทำอย่างไร?
เหยียนซีมองดูสีหน้าวิตกกังวลของเหยียนหลิ่ว ยามนี้สีหน้าของเหยียนเฟิงและเหยียนหลิ่วไม่ได้แข็งทื่ออีกต่อไป
เธอครุ่นคิด “หากเป็นเช่นนั้นก็เปลี่ยนแปลงข่าวลือ กล่าวว่าใต้เท้าสวียิ่งใหญ่ไพศาล แม้ไม่โปรดปราณสูตรลับ แต่กลับไม่กล่าวโทษ ไม่กล่าวตำหนิ และยังแจกจ่ายเงินตราจำนวนห้าตำลึงให้กลับบ้าน”
ใช้เงินบรรเทาทุกข์อย่างนั้นหรือ?
เธอทำให้เขาโกรธเคืองจนสิ้นใจ!
เธอจะทำให้เขาโกรธเคือง แต่ห้ามสิ้นใจตาย!
แม้นเด็กหญิงจะไม่สามารถลงมือสังหารคนคนหนึ่งได้ การทำให้เขาเสียเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายย่อมเป็นการดีเสียกว่า เธอต้องการเห็นว่าใต้เท้าสวีมีเงินมากเท่าไหร่… เดี๋ยวก่อนนะ ทันใดนั้นเหยียนซีก็นึกเรื่องราวบนโลกอินเทอร์เน็ตในชาติที่แล้วขึ้นมาได้ มีเจ้าหน้าที่ทุจริตจำนวนเท่าไหร่ที่ถูกปลดออกเพียงเพราะแต่งกายโดดเด่น?
เงินเดือนของขุนนางมีจำกัด เงินเดือนของจวนตระกูลสวีสำหรับพ่อลูกสามคนจะมีเงินสักเท่าไหร่กันเชียว?
“เสี่ยวหลิ่ว ไปหารือกับท่านพี่หวังชี บอกให้ท่านพี่ส่งคนมาจดบันทึกว่าวันหนึ่งจวนสวีส่งเงินห้าตำลึงออกไปเป็นจำนวนเท่าไหร่”
หากจวนตระกูลสวีสามารถแจกจ่ายเงินจำนวนร้อยตำลึงภายในหนึ่งวันได้สบาย ๆ นี่คงเป็นหัวข้อที่ดีมาก หากจะตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งหลังหัวงูเจ็ดนิ้ว*[1] ทว่าเจ็ดนิ้วของเหล่าขุนนางย่อมไม่ใช่เพียงการทุจริต หรือกระทำความผิดต่าง ๆ
เหยียนหลิ่วพยักหน้า และกลับออกไปหารือเรื่องดังกล่าวกับหวังชี
หลังจากคิดหาวิธีการได้แล้ว เหยียนซีก็พบว่าไม่มีความน่าสนุกตื่นเต้นอีกต่อไป จึงหันหลังกลับ พาเหยียนหลิ่วออกจากภัตตาคารอาหาร
เหยียนหลิ่วหยุดชะงักหลังจากเดินออกไปได้สองสามก้าว มองดูภัตตาคารอาหารบริเวณใกล้เคียง แต่กลับไม่พบบุคคลที่น่าสงสัย
“เสี่ยวหลิ่ว เกิดอันใดขึ้นหรือ?” เหยียนซีเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ” เหยียนหลิ่วมองไม่เห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ และไม่ต้องการให้เหยียนซีวิตกกังวล เมื่อสักครู่นี้นางรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมา ทว่าเมื่อหันกลับไปกลับไม่เห็นสิ่งใด หรือว่านางจะรู้สึกหวาดระแวงไปเอง? เด็กสาวมองดูบริเวณรอบ ๆ อีกสองสามครั้ง ก่อนจะเดินตามเหยียนซีไป
ภายในภัตตาคารอาหารที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขา องครักษ์ตบหน้าอกและถอนหายใจออกมาอย่างเกินจริง “นายท่าน แม่นางน้อยเหยียนหาคนมาพ่ะย่ะค่ะ ส่วนสาวใช้มีไหวพริบว่องไว หากกระหม่อมมองนานกว่านี้ นางจำต้องจับได้แน่”
แม้ตนไม่ได้มีเจตนาร้าย ทว่าสาวใช้กลับหวาดกลัวและระมัดระวังตัวมากขึ้น เมื่อมองท่าทางการเดิน จะเห็นได้ว่ามีทักษะค่อนข้างดี
“คาดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยเหยียนจะมาถึงเมืองหลวง นางหวังก็สิ้นใจไปแล้ว นางก็ควรจะนิ่งเฉยเสียไม่ใช่หรือ” วีรกรรมช่างพูดจาขององครักษ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเริ่มกล่าวพล่ามทันทีที่ปริปาก “ท่านคิดว่าใต้เท้าสวีส่งคนไปลงมือจริงหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? หากตัดสินจากข่าวลือในยามนี้ ที่กล่าวว่าใต้เท้าสวีต้องการลงมือสังหารหลิวเหิง หัวหน้าขุนนางผู้ยิ่งใหญ่ เหตุใดจึงลดศักดิ์ศรีลงไปสร้างปัญหากับคนไร้ทางสู้? หย่งโจวกับฝูโจวมีภูเขาแม่น้ำกั้นกลางตั้งกี่พันลูก หลิวเหิงไปทำให้สวีถิงจือขุ่นเคืองได้อย่างไร?”
“อาจจะไม่ได้ทำให้สวีถิงจือขุ่นเคือง แต่จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่ได้ทำให้เว่ยหวนโกรธเคือง?” เว่ยเฉิงยินดีปริปากกล่าวสองสามคำต่อหน้าองครักษ์เสมอ “คดีฆาตกรรมของนางหวังเกิดขึ้นเมื่อเว่ยหวนเดินทางไปคุมสอบที่หย่งโจว ระยะเวลาค่อนข้างเหมาะสม จะต้องมีความลับอะไรบางอย่างที่คนนอกไม่รู้แน่”
องครักษ์คิดตาม และรู้สึกว่านายท่านของตนเองพูดถูก “พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย พวกเราสามารถถามไถ่นายอำเภอหงได้ ยามนั้นเขายังประจำตำแหน่งนายอำเภอในเมืองหมิงสุ่ยอยู่ กล่าวกันว่ามือสังหารสิ้นใจลงหลังจากหลิวเหิงส่งตัวไปให้ที่ว่าการอำเภอมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? เขาต้องรู้เรื่องบางอย่างแน่นอน”
“ลูกพี่ลูกน้องข้าถูกส่งตัวไปทางใต้ ยามนี้อย่างเพิ่งติดต่ออันใดไปมากกว่านี้” เว่ยเฉิงส่ายหน้า “เรามาอยู่เมืองหลวงแล้ว ติดต่อกับภายนอกน้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี”
ความเมตตาของจักรพรรดิเทียนฉีที่มีต่อเขาเป็นความสงสารที่มีต่อความโดดเดี่ยวไร้ที่พึ่ง การติดต่อขุนนางต่างถิ่นโดยไม่ตระหนักถึงตำแหน่งของทางการทั้งที่อยู่ภายใต้สายตาของจักรพรรดิเทียนฉี หากมีการติดต่อสื่อสารมากเกินไป จะทำให้ผู้คนคลางแคลงใจได้
“พวกเราเพียงแค่รู้ว่าตระกูลหลิวกับตระกูลสวีเป็นศัตรูคู่อริกัน ไม่สำคัญว่าเหตุใดพวกเขาถึงเป็นศัตรูกัน”
องครักษ์คิดตาม …ถูกต้อง เหยียนซีกับนางหวังแห่งบ้านตระกูลหลิวช่วยเหลือชีวิตพวกเขาเอาไว้ ดังนั้นพวกเขาแค่ควรจะรู้เอาไว้ว่าบ้านตระกูลหลิวกับจวนตระกูลสวีเป็นศัตรูคู่แค้นกัน หากพวกเขาต้องการช่วยเหลือบ้านตระกูลหลิว พวกเขาจะต้องจัดการจวนตระกูลสวีเสีย แต่เหตุใดจึงเกลียดชังกัน และจะต้องทำอย่างไรกับพวกเขา? หากความเกลียดชังผสมปนเปกับการคราชีวิตมนุษย์ มันจะไม่สามารถแยกออกจากกันได้
“นายท่าน แล้วเหตุใดพวกเราจึงไม่ไปพบแม่นางน้อยเหยียนล่ะพ่ะย่ะค่ะ?” องครักษ์กลืนน้ำลาย หากพบหน้ากัน บางทีเหยียนซีอาจจะทำอาหารให้เขาลิ้มลอง ไม่ว่าจะเป็นข้าวหมากไข่ตุ๋น น้ำแกงกระดูกหมูพุทราจีน เขาขอร้องให้แม่ครัวในวังองค์ชายเฉิงเจิ้นปรุงอาหารดังกล่าวให้ แต่นางไม่รู้จักวิธีการปรุงอาหารและทำรสชาติออกมาได้ไม่อร่อยถูกปาก “ไข่ใบชากับอาหารเสียบไม้ต้มอร่อยมากพ่ะย่ะค่ะ นายท่าน กระหม่อมจะบอกท่านให้ว่าอาหารเสียบไม้ต้มพวกนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่เช่นนั้นกระหม่อมคงเอามาให้พระองค์ได้ลิ้มลองสักถ้วยแล้ว”
หลังจากได้ยินเรื่องข่าวลือ สิ่งแรกที่องครักษ์ทำคือการวิ่งออกไปข้างนอก มุ่งหน้าตรงไปยังหน่วยงานไปรษณีย์เติงโจว ลิ้มลองไข่ใบชาและอาหารเสียบไม้ต้มในโรงน้ำชาอวี่เซิ่น ห่อไข่ใบชาสองสามฟองและนำกลับมายังเมืองหลวงภายในชั่วข้ามคืน
ความกระตือรือร้นดังกล่าว… เว่ยเฉิงรู้สึกชื่นชมเป็นอย่างมาก วิ่งมาตลอดทั้งคืนแต่กลับไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย
องครักษ์ยังคงพล่ามว่าเหตุใดจึงไม่ไปพบหน้า จนเว่ยเฉิงวิงเวียนศีรษะและกล่าวตอบเขาว่า “กลุ่มคนมากมายกำลังจับจ้องมาที่ข้า การไปพบนางจะเป็นการทำร้ายนาง ในเมื่อนางมาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้ายังกังวลว่าโรงน้ำชาอวี่เซิ่นจะมาไม่ถึงในเมืองอีกหรือ?”
“ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ จะต้องมาที่นี่ พวกเราไปกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ยิ้มกริ่มอย่างสุขใจ เมื่อหวนนึกถึงอาหารของเหยียนซี ตอนที่องค์ชายอยู่ในหมู่บ้านหยางซาน สามารถรับประทานอาหารได้มากขึ้น ทว่ายามตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจุบัน เขากลับอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวล “แต่การเปิดร้านค้าในเมืองหลวงไม่ง่ายเลยพ่ะย่ะค่ะ หากใต้เท้าสวีไม่ต้องการให้นางเปิดล่ะ?”
“คอยดูก่อน หากตระกูลสวีเข้ามาขัดขวาง เราจะช่วยนาง”
คำกล่าวของเว่ยเฉิงทำให้องครักษ์รู้สึกโล่งใจ
หวนนึกถึงบทสนทนาของใต้เท้าหลินในเรือน ที่คอยบอกกล่าวให้องค์ชายหลีกเลี่ยงการแสดงออกทางความสามารถ แม้ตัวเขามีสหายสองสามคนในเมืองหลวง ทว่ากลับจำต้องแอบตัดสินใจหันหลังกลับ และกล่าวทักทายเพื่อนพ้องในที่มิดชิด อย่างน้อยกระทำเช่นนี้ก็ไม่ต้องทำให้แม่นางน้อยเหยียนต้องลำบาก และองค์ชายก็ไม่ควรปรากฏกาย
เว่ยเฉิงคาดเดาได้ถูกต้อง เมื่อเหยียนซีเดินทางมาถึงเมืองหลวง เธอจำต้องการตั้งรกรากถิ่นฐานที่นี่
บัดนี้เธอมีเงินอยู่ในมือแล้ว เพียงแค่หาซื้อเรือนขนาดย่อมในเมืองหลวงจากพ่อค้านายหน้า จากนั้นก็พาหวังชีไปเลือกสถานที่สำหรับเปิดโรงน้ำชาในเมืองหลวง
เหยียนซีกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเปิดโรงน้ำชา หัวหน้าทหารยามตระกูลสวียุ่งยากเช่นกัน เนื่องจากมีผู้คนมากมายมาเสนอขายสูตรลับภายในชั่วข้ามคืน
[1] ตีงูต้องตีให้แม่นในตำแหน่งหลังหัวงูเจ็ดนิ้ว อุปมาถึงการกระทำสิ่งใด กล่าววาจาหรือปฏิบัติหน้าที่จะต้องจับจุดสำคัญให้ได้
MANGA DISCUSSION