บทที่ 161 ใต้เท้าสวีบรรเทาทุกข์
ชาวบ้านที่มานำเสนอสูตรลับล้วนเป็นบุคคลที่แสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวเอง
ยามนี้ตลอดเส้นทางหย่งโจวจรดเมืองหลวง ทุกคนต่างเข้าใจว่าขุนนางสวีต้องการสูตรลับทุกประเภท
เนื่องจากขุนนางสวีหลงใหลในสูตรลับของไข่ใบชา ดังนั้นต้องชื่นชอบสูตรลับของตนเองด้วยเช่นกัน เพียงแค่มองดู และนำรางวัลมาให้เสีย จากนั้นก็นำสูตรลับไปใช้ก็ได้มิใช่หรือ?
เมื่อเห็นว่าหัวหน้าพ่อบ้านเริ่มขับไล่กลุ่มคนออกไป คนจำนวนมากที่ออกมาแสวงหาผลประโยชน์และซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนก็ร้องตะโกนถามไถ่ว่า “นายท่านส่งคนไปปล้นสะดมสูตรลับไข่ใบชาถึงหน้าประตู แล้วเหตุใดจึงไม่ต้องการสูตรลับของพวกเราล่ะขอรับ?”
“บ้านข้ามีวิธีการเลี้ยงไก่ ไก่หนึ่งตัวสามารถออกไข่ได้วันละสองฟอง!” หากต้องการทำไข่ใบชา จำต้องมีไข่ไก่ก่อนใช่หรือไม่?
“นายท่าน สูตรเนื้อตุ๋นของข้าอร่อยมากจริง ๆ นะขอรับ” อย่างไรเสียเนื้อย่อมดีกว่าไข่ไก่ไม่ใช่หรือ?
“นายท่าน ใช้สูตรข้าตุ๋นเนื้อแกะสิขอรับ รสชาติจะอร่อยถูกปากแน่นอน หากท่านไม่เชื่อ ข้าจะตุ๋นเนื้อแกะแบ่งให้ท่านชิม”
ใครบางคนเดินเข้ามาพร้อมหม้อหนึ่งใบ น้ำเสียงของเขาแผ่วเบาจนไม่สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้ ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดหม้ออยู่ริมถนน เผยกลิ่นฟุ้งกระจายขับไล่ฝูงชนออกจากกลุ่มสาวใช้ทันที
“นายท่าน นายท่าน เต้าหู้บ้านข้าน้อยทำมาจากสูตรลับพิเศษ แม้จะมีกลิ่นเหม็นฉุน แต่รสชาติอร่อย ลองชิมดูสิขอรับ!”
หัวหน้าพ่อบ้านอาเจียนกับพื้นทันทีที่เขายื่นหม้อดินออกมาข้างหน้า “ออกไป! ออกไปเสีย! ข้าบอกให้ออกไป!”
“นายท่าน ข้าพูดความจริง มันเป็นเรื่องจริงนะขอรับ!” บุรุษคนดังกล่าวพยายามถือหม้อดินไปเผชิญหน้ากับหัวหน้าพ่อบ้านอย่างสุดกำลัง รีบร้อนสาวเท้าก้าวตามหัวหน้าพ่อบ้านไปยังประตูจวน จนสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังต้องพากันมาดึงออกไป ขณะดึงทึ้งกันไปมา หม้อดินก็ตกแตกจนเกิดเสียงอึกทึกครึกโครม ส่งกลิ่นเหม็นฉุนอยู่หน้าจวนตระกูลสวี
ใต้เท้าสวียืนพะอืดพะอมอยู่หลังประตูภายในจวน เมื่อได้กลิ่นเหม็นโชยเข้าไป
“เต้าหู้ของข้า!… เต้าหู้!!…” บุรุษคนดังกล่าวไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร รู้สึกเศร้าสลดยามเห็นเต้าหู้ที่ตนนำมาอยู่ห่างไกลออกไปหลายร้อยลี้
บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลสวีได้รับการป้องกันอย่างแน่นหนาเสมอมา ไม่ให้ชาวบ้านทั่วไปเข้ามาคลุกคลี
เรื่องราวโกลาหลในวันนี้เป็นแรงบัลดาลใจให้กับชาวบ้านในเมืองหลวงที่ชื่นชอบความตื่นเต้น พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้น้อยลงเพราะหวาดกลัวขุนนางผู้สูงศักดิ์เลยสักนิด พวกชาวบ้านพากันปิดล้อมปลายถนนทั้งสองด้านที่เป็นหนทางเข้าไปสู่จวนตระกูลสวี บางคนก้าวไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ แต่กลับอาเจียนออกมาอย่างไร้ความอดทนครั้งเมื่อได้กลิ่นเหม็น
ใต้เท้าสวีก้าวผ่านประตูออกมา มองดูฝ่ายตรวจการที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ด้านในจากระยะไกล
เมื่อสวีเฉิงผิงกับสวีเฉิงกานเดินลงมา ก็เหลือบเห็นชาวบ้านเข้ามาปิดล้อมประตูจวนจากระยะไกล และอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกัน ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ชาวบ้านในเมืองหลวงมีความกล้าหาญเดินวนรอบประตูจวนตระกูลสวีราวกับท้องถนนทั่วไป?
ทว่าหลังจากพวกเขาก้าวเข้าไปใกล้จวน กลับได้กลิ่นเหม็นโชยออกมา
สวีเฉิงกานอาเจียนทันที “นี่มัน!… แหวะ!… ถังมูลสัตว์คว่ำหรืออย่างไร?”
หัวหน้าพ่อบ้านรีบปิดจมูกทันทีเมื่อเห็นคุณชายทั้งสองคนกลับมา “คุณชายรอง ทางนี้ขอรับ ส่วน… ส่วนของพวกนี้จะให้คนมาทำความสะอาดขอรับ!”
“เจ้าพวกนั้นคือใคร? มาจัดการพวกมัน! จัดการพวกมันเสียให้หมด!” สวีเฉิงกานผลักหัวหน้าพ่อบ้านออกไป ชี้นิ้วไปที่ชาวบ้านนอกประตู และออกคำสั่งอย่างโกรธเคือง “เจ้าพวกผู้ตรวจการมัวรีรออะไรอยู่? จะมัวรอให้พวกมันทำอันใดอีกรึไง?”
คุณชายรองโกรธเคืองมากจนฝ่ายตรวจการไม่กล้าชักช้า รีบถือกระบองไม้สาวเท้าออกไป
ใต้เท้าสวีสูดลมหายใจเข้าลึก รู้สึกมวนท้องจากกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ เขาตะโกนขณะก้าวออกจากประตูไป “สหายทั้งหลาย ข้าเกรงว่าพวกเจ้าจะเข้าใจผิดแล้ว ตระกูลสวีของเราไม่ได้มองหาสูตรลับ ทว่าก็ขอบใจที่พวกเจ้าทุกคนอุตส่าห์ลำบากเดินทางกันมาถึงที่นี่ พ่อบ้าน มาให้คนพวกนี้ลงชื่อเสีย และมอบเงินห้าตำลึงให้พวกเขานำกลับบ้านไป และส่งคนพากลับไปส่งด้วยล่ะ”
เขาต้องการสืบดูว่ากลุ่มคนเหล่านี้มาจากที่ไหน
หัวหน้าพ่อบ้านรับคำสั่ง รีบวิ่งลงไปใต้ประตูจวน “มา เร่เข้ามา สหายทั้งหลายตามข้ามา” เขาวิ่งนำกลุ่มคนไปข้างประตูรั้ว ขณะที่ทหารยามคอยยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้าประตูจวนอย่างกระตือรือร้น ทำให้ไม่มีใครกล้าคัดค้าน
“คุณหนู ตาเฒ่านั้นพาทุกคนออกไปแล้วเจ้าค่ะ” เหยียนซีกับเหยียนหลิ่วมองดูความตื่นเต้นอยู่ข้างริมหน้าต่างภายในห้องส่วนตัวของภัตตาคาร
เหยียนหลิ่วรู้สึกวิตกกังวลเมื่อเห็นฝูงชนด้านหน้าจวนตระกูลสวีค่อย ๆ แยกย้ายออกจากกัน
เหยียนซีจำต้องขูดเลือดขูดเนื้อ ใช้จ่ายสุดกำลังเพื่อส่งคนพวกนี้มายังเมืองหลวง
เธอป่าวประกาศบอกผู้คนตามท้องถนนสายทางการว่าใต้เท้าสวีกำลังมองหาสูตรลับจากทั่วทุกหนทุกแห่ง โดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยสี่ และตราบใดที่ได้รับความดีความชอบจากใต้เท้าสวี ตำแหน่งขุนนางตำแหน่งสูงส่ง ยศถาบรรดาศักดิ์ เงินทองมากมายและทรัพย์สมบัติก็อยู่เพียงแค่ปลายนิ้ว
เด็กหญิงยังจัดหาบัณฑิตผู้ช่วยอีกสองสามคน กล่าวว่าหากทางครอบครัวมีสูตรลับและต้องการเดินทางเข้าเมืองหลวง แต่ไม่มีเงินใช้จ่ายสำหรับเดินทาง ผู้ช่วยเหล่านี้จะออกหน้าไปช่วยค่ารถให้พวกเขาเดินทางไปยังเมืองหลวงได้
เมื่อกลุ่มคนเหล่านี้ก้าวเข้าสู่เมืองหลวง ผู้ช่วยต่างกล่าวกับพวกเขาว่า “หากรวยแล้ว อย่าลืมกัน” จนทำให้พวกเขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เหยียนซีไม่รู้ว่าเว่ยเฉิงคอยแอบช่วยเหลือเธออยู่ แผนการของเด็กหญิงไม่ต้องการทำให้ใต้เท้าสวีบาดเจ็บ ทว่าทำให้เขารู้สึกสะอิดสะเอียดต่างหาก
ทุกคนก็รู้ดีว่าฝ่ายตรวจการของจักรวรรดิแห่งแคว้นเว่ยรู้เรื่องดังกล่าวด้วยไม่ใช่หรือ? และฝ่ายตรวจการก็มักจะอยู่สังเกตความเคลื่อนไหวอยู่ที่หน้าจวนตระกูลสวี
หากใต้เท้าสวีตอบรับสูตรลับพวกนี้อย่างง่ายดาย เธอจะส่งคนออกไปป่าวประกาศว่าจวนตระกูลสวีกระหายสูตรลับมากเพียงใด และจากนั้นความน่าเชื่อถือที่จวนตระกูลสวีส่งคนมาลงมือฆาตกรรมเพื่อขโมยสูตรจะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้น
ทว่าหากใต้เท้าสวีไม่ยอมรับ ทั้งจะขับไล่ชาวบ้านที่เดินทางมาจากพื้นที่ห่างไกลหลายพันลี้ออกไป และถ้าพวกเขาเกิดข้อขัดแย้งกับจวนตระกูลสวี เธอจะสามารถป่าวประกาศถึงความเย่อหยิ่งทะนงตนของจวนตระกูลสวีได้
เธอจัดแจงเตรียมคนส่งมอบเต้าหู้เหม็นเป็นพิเศษ เพื่อทำให้ใต้เท้าสวีโกรธจัด เต้าหู้เหม็นหม้อนี้ถูกทิ้งค้างคืนเอาไว้เป็นเวลานาน และกลิ่นจะลอยเหม็นหึ่งไปอีกหลายลี้
ทว่ากลับคาดไม่ถึงว่าใต้เท้าสวีจะสงบนิ่ง และใช้เงินบรรเทาทุกข์
เหยียนซีติดตามคนเหล่านี้มาที่เมืองหลวง โดยที่ไม่ได้ปรึกษาหารือกับหลิวเหิงก่อน เธอไม่อาจนิ่งเฉยได้เมื่อได้ข่าวคำฟ้องร้องของหลิวเหิงที่มาจากเมืองถงอัน
เดิมทีเด็กหญิงต้องการเปิดโรงน้ำชาทั้งหมดเสียก่อน เก็บหอมรอมริบให้ได้มากกว่านี้ แล้วจึงเดินทางเข้าเมืองหลวง แต่บัดนี้มีข่าวลืออ้างว่าจวนตระกูลสวีต้องการสูตรลับ จนทำให้กิจการโรงน้ำชาพุ่งก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไข่ใบชาและอาหารเสียบไม้ต้มขาดตลาด เธอจึงตัดสินใจเดินทางเข้ามายังเมืองหลวงก่อนกำหนด
การพำนักอยู่ในหย่งโจวและตอบโต้อย่างคลุมเครือย่อมดีกว่าการเริ่มโจมตี เธอจะคอยสร้างปัญหาให้ศัตรู ทำให้อีกฝ่ายเบื่อหน่ายกับการเผชิญหน้า
นอกจากนี้เธอต้องการเห็นกับตาตนเองว่าศัตรูที่ลงมือสังหารนางหวังมีหน้าตาเป็นอย่างไร
แม้ว่าเธอจะไม่เห็นสวีอวี้หรงกับเว่ยหวน แต่ในที่สุดก็ได้เห็นรูปลักษณ์ของใต้เท้าสวีอย่างชัดเจนแล้ว
บุตรสาวของบุรุษผู้นี้เป็นคนลงมือสังหารนางหวัง!
และเขายังต้องการส่งคนไปสังหารหลิวเหิง!
ตระกูลสวีพึ่งพาเขากลั่นแกล้ง สังหารคนบริสุทธิ์!
หากไร้บุรุษผู้นี้ ไม่ว่าตระกูลสวีหรือสวีอวี้หรงจะกล้าหยิ่งผยองเช่นนี้ได้อย่างไร? เธอกำมือแน่น สายตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเกลียดชัง
ความเกลียดชังของเหยียนซีแสดงออกมาชัดเจนจนเหยียนหลิ่วรับรู้ได้ในทันที นางจ้องมองใต้เท้าสวีที่ยืนอยู่ข้างหน้าประตู ขณะที่คนรอบข้างเดินออกไปราวห้าถึงหกฉื่อ ในระยะนี้ หากนางเดินมุ่งตรงไปด้านข้าง ก็จะสามารถล้มเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
“คุณหนู ข้าจะไปสังหารมันเองเจ้าคะ!” นางสัมผัสเอวและพบว่าตนเองไม่ได้พกมีดมา ทว่าการใช้ปิ่นปักผมก็เพียงพอสำหรับระยะทางเท่านี้แล้ว นางเอื้อมมือออกไปดึงปิ่นปักผมคู่ที่เหยียนซีซื้อให้ และหันหลังกลับลงไปที่ชั้นล่าง
เหยียนซีฟื้นคืนสติและรีบคว้าข้อมือนางไว้ “มีทหารยามมากมาย ทั้งยังกลางวันแสก ๆ เจ้าจะลงมือสังหารแล้วหนีไปได้อย่างไร!”
“คุณหนู ภายในเรือนตาเฒ่าคนนั้นมีทหารยามมากนัก บางคนมีฝีมือเก่งกาจ หากแอบย่องเข้าไปกลางดึกและไม่สามารถลงมือสังหารมันได้ เกรงว่าจะถูกค้นพบเอานะเจ้าคะ”
เหยียนซีพบว่าเหยียนหลิ่วได้แอบเดินไปตรวจตรารอบจวนตระกูลสวีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า “ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าไปเสี่ยง! พวกเราทุกคนจำต้องมีชีวิตอยู่ต่อให้ถึงจุดจบ และการแก้แค้นของพวกเราคือชัยชนะเท่านั้น!”
คนเหล่านี้เปรียบเสมือนคนที่เธอนับถือเหมือนญาติพี่น้อง และไม่อาจสูญเสียพวกเขาไปได้ “เจ้ากับเหยียนเฟิงต้องฟังข้า เจ้าจะไม่ฟังคำข้าหรืออย่างไร?”
MANGA DISCUSSION