บทที่ 133 ถอนฟืนใต้กระทะ
เมื่อได้ยินคำพูดของเหยียนซี นายอำเภอหงก็แสดงท่าทีประหลาดใจออกมา ก่อนจะเรียกคนของตัวเองมาและสั่งให้เข้าไปตรวจสอบดูที่คุก
ไม่นานเจ้าหน้าที่ก็รีบเข้ามาพร้อมกับหัวหน้าหน่วยเพื่อสารภาพความผิด “ใต้เท้า นักโทษมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งห้า สิ้นใจไปแล้วขอรับ!”
หัวหน้าหน่วยขออภัยครั้งแล้วครั้งเล่า “ใต้เท้า! พวกยามหน้าประตูแม้เพียงครึ่งก้าวก็ไม่ได้ขยับไปไหน! นักโทษนอนหมอบอยู่บนพื้นตอนที่เราเข้าไปตรวจสอบ ท่าทางบาดเจ็บสาหัส ข้าน้อยคิดว่าเป็นเพราะบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง จนทำให้ถึงแก่ชีวิตขอรับ!”
นักโทษเสียชีวิตในห้องขัง เจ้าหน้าจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะรับผิดชอบได้
“ตายไปแล้วงั้นหรือ!?” เมื่อนายอำเภอหงมองไปทางเหยียนซี สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปแล้วโบกมือ “กลับไปจัดการชันสูตรศพก่อน”
เหยียนซีคุกเข่าอยู่ที่พื้นด้วยอาการสงบนิ่ง ทว่าก็ลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
โชคดีที่เหยียนเฟิงมีทักษะไม่ธรรมดา ทุกอย่างจึงสำเร็จได้อย่างราบรื่น คนร้ายตายไปแล้ว เป็นการตายโดยปราศจากข้อพิสูจน์ว่าเป็นความตั้งใจของฝ่ายใด
หากไร้ซึ่งพยานปากเอกเช่นนี้ ตระกูลเฉินก็ไม่สามารถเอาอะไรไปต่อรองเงื่อนไขกับตระกูลสวีได้ อีกทั้งในฐานะญาติผู้ตายพวกเขาก็จะไม่ถูกสงสัย
ดังนั้นหากตระกูลสวีไม่ลงมืออีกครั้ง พวกเธอก็จะมีเวลาสำหรับการวางแผนเรื่องในอนาคต ทว่าถ้าตระกูลสวียังสร้างเรื่องซ้ำ เธอก็จะใช้โอกาสนี้ในการต่อรองกับตระกูลเฉิน และแน่นอนว่าตระกูลเฉินจะต้องเต็มใจอย่างมากในการพาผู้เสียหายไปร้องเรียนตระกูลสวีในเมืองหลวง
เหยียนซีขบกรามแน่นอย่างเงียบ ๆ ตราบใดที่หาทางรับมือกับหายนะตรงหน้าได้ ก็ยังพอจะพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้เสมอ ราชสำนักเป็นสถานที่ที่วุ่นวายอยู่ตลอด และไม่เคยขาดแคลนผู้คนที่ต้องการไต่เต้าขึ้นไปเป็นใหญ่ ศัตรูของศัตรูนับว่าเป็นมิตร อีกทั้งตราบใดที่ยังมีผลประโยชน์ก็ไม่มีทางไร้ญาติขาดมิตรอย่างแน่นอน
และสิ่งที่เธอขอในตอนนี้คือต้องการได้รับการให้อภัยจากนายอำเภอหง และยืนยันว่าคนร้ายบาดเจ็บสาหัสจนตายในคุก
เมื่อเช้านี้นายอำเภอหงคิดไปเองว่าหลิวเอ้อร์หลางคงจบสิ้นแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าในพริบตาเขาจะมีความสามารถถอนฟืนใต้กระทะ*[1]พลิกสถานการณ์ให้เป็นเช่นนี้ได้ บางครั้งเขาก็รู้สึกชื่นชม แต่บางสถานการณ์ก็ช่างน่ารำคาญในความกล้าได้กล้าเสียของพวกเขายิ่งนัก
ลูกหลานชาวนาทั่วไปสามารถจับตัวมือสังหารมาส่งทางการได้ และยังส่งคนมาปิดปากคนร้ายได้ถึงในคุก หากเป็นเช่นนี้แล้วนายอำเภออย่างเขาจะทำอะไรได้
ระหว่างนั้น หญิงชราก็ถอนหายใจออกมา นางโน้มตัวไปข้างหน้า เพื่อช่วยพยุงให้เหยียนซีลุกขึ้น “ลุกขึ้นเถอะ ที่พื้นมันเย็น เจ้ายังเป็นสาวน้อยอย่าปล่อยให้เข่าสัมผัสความเย็นนาน ๆ”
“ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าอันเจ้าค่ะ” เหยียนซียืนขึ้นตามคำกล่าวนั้นของหญิงชรา นานแล้วนับตั้งแต่ที่เธอเดินทางย้อนเวลามาสู่ยุคโบราณ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้คุกเข่าในท่าทางเป็นทางการเช่นนี้ เมื่อคุกเข่าจะต้องคำนึงเสมอว่าที่นี่คือยุคสมัยที่อำนาจสำคัญที่สุด ประชาชนเป็นเพียงมดปลวกเท่านั้น
เมื่อลุกขึ้นจึงได้เอาจี้หยกที่วางอยู่มอบให้อีกฝ่าย
หญิงชราโบกมือ “นี่เป็นของแทนคำขอบคุณที่เขาตั้งใจมอบให้เจ้า ข้าจะกล้ารับมันคืนมาได้อย่างไร …ข้าเข้าใจดีว่าเจ้าหมายถึงเรื่องอะไร” นางเอ่ยพลางมองไปทางนายอำเภอหง
นายอำเภอหงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วคำนับมารดา “ลูกเข้าใจแล้วขอรับ” จากนั้นเขาก็ยืนขึ้น แล้วมองเหยียนซี “ฆาตกรได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเสียชีวิต แต่ฝ่ายเจ้าทุกข์ทำไปเพราะความสูญเสียและบันดาลโทสะ นอกจากนี้ระหว่างจับกุม คนร้ายก็ยังต่อสู้ขัดขืน…”
“เจ้าค่ะ คนร้ายหนีขึ้นไปบนภูเขาหลังบ้านข้า เมื่อไล่ตามขึ้นไปบนนั้น เนื้อตัวของเขาก็เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำเพราะไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดบนเขาที่มืดครึ้มได้ชัดเจนนัก หลังจากที่เราจับฆาตกรได้ เขาก็พยายามจะจู่โจมพวกเราด้วยดาบ บนภูเขาไม่มีแสงไฟ ทั้งยังมีฝนตกที่นั่นอีกด้วย จึงไม่มีทางเลือกนอกจากรุมโจมตีไปอย่างไม่ยั้งมือ เมื่อพี่เอ้อร์หลางเห็นว่าคนร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาก็ออกความเห็นว่าคนร้ายสมควรได้รับโทษตามกฎหมาย จึงส่งตัวให้ทางการในสภาพบอบช้ำอย่างเร่งด่วนเจ้าค่ะ”
คำให้การเช่นนั้นเป็นการตั้งใจปกปิด ว่าพวกเขาทำอย่างไรจึงสามารถจัดการกับคนร้ายที่มีความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนนี้ได้
“หลังจากนำศพไปชันสูตรแล้ว ทางการจะรายงานข้อเท็จจริงทั้งหมดไปที่เบื้องบน คนร้ายบอบช้ำอย่างสาหัส เป็นสาเหตุให้ถึงแก่ชีวิตในคุก”
“ขอบคุณนายท่าน ขอบคุณฮูหยินผู้เฒ่าอัน ในฐานะครอบครัวของเหยื่อ ข้าต้องขอบคุณท่านเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ” ในที่สุดภายในใจของเหยียนซีก็สงบลง หลังจากได้รับข้อสรุปตามที่ต้องการจากนายอำเภอหง
หลังจากที่เธอกล่าวอำลาและกำลังจะออกจากที่ว่าการอำเภอ หญิงชราก็ออกคำสั่งให้สี่เชว่ที่รออยู่ออกไปส่ง
สี่เชว่เดินออกมาส่งเหยียนซีที่ด้านหน้า ก่อนจะมอบถุงเงินใบหนึ่งให้นาง “นี่เป็นความปรารถนาดีจากฮูหยินผู้เฒ่าอันเจ้าค่ะ ครอบครัวบ้านเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก และไม่นานมานี้คุณชายเว่ยจะได้เดินทางไปยังเมืองหลวงอีกครั้ง ไม่ทราบเช่นกันว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไร ฮูหยินผู้เฒ่าจึงดีใจมากที่วันนี้ได้พบกับคุณหนู อีกทั้งคุณชายเว่ยเองก็ชอบติ่มซำที่คุณหนูทำเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้วาระของนายท่านในที่แห่งนี้กำลังจะสิ้นสุดลงแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปอาจจะไม่ง่ายที่เราจะได้พบคุณหนูอีก”
“นายท่านขยันขันแข็งในการทำหน้าที่และมีใจเอื้ออาทรต่อประชาชน ต้องประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ อำเภอหมิงสุ่ยที่อยู่ภายใต้การปกครองของนายท่าน ผู้คนได้ใช้ชีวิตทำมาหากินกันอย่างสงบสุขมาตลอดหลายปี หากนายท่านได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ทุกคนย่อมต้องยินดีเจ้าค่ะ” เหยียนซีรับเงินมา “ฮูหยินผู้เฒ่าอันเมตตาข้ามากนัก ข้ารู้สึกขอบคุณเป็นอย่างยิ่งเจ้าค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนั้นของเหยียนซี สี่เช่วก็อดสงสัยไม่ได้ว่านางเข้าใจความหมายของสิ่งนี้หรือไม่ ทว่าในตอนนี้ทั้งสองมาถึงหน้าประตูแล้ว ทำให้ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้อีก เพียงแค่อวยพรและส่งแขกกลับไป
หลังจากที่เหยียนซีเดินออกมาจากที่ว่าการอำเภอ เธอก็เดินอย่างเชื่องช้าไปตามถนนสายหลัก มุ่งหน้าไปทางท่าเรือ เหยียนเฟิงไล่ตามมาทีหลัง เมื่อได้ยินว่าทุกอย่างราบรื่นดีก็ยิ้มออกมา
เมื่อกลับถึงบ้าน เหยียนซีก็เอ่ยกับหลิวเหิง “พี่เอ้อร์หลาง นายอำเภอหงแจ้งว่าฆาตกรสิ้นใจในคุกเพราะบาดเจ็บสาหัสเจ้าค่ะ”
หลิวเหิงเข้าใจว่าเหยียนซีกำลังถอนฟืนใต้กระทะ เมื่อตัดกำลังของตระกูลเฉินแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับความเคลื่อนไหวของตระกูลสวี
“ข้าได้ยินมาว่านายอำเภอหงกำลังจะถูกย้าย แม้ว่าสามปีนี้ท่านจะไม่สามารถไปสอบที่เมืองหลวงได้ แต่ก็ไม่ควรหยุดศึกษาเล่าเรียน วันที่เจ็ด เดือนห้า จะครบรอบหนึ่งปีของท่านป้า เมื่อถึงตอนนั้นท่านก็ควรจะกลับไปเรียนที่สำนักศึกษา ข้าคิดไว้แล้วว่า ต่อไปเราจะเช่าบ้านเล็ก ๆ ในเมืองถงอันอยู่กัน”
คำพูดของสี่เชว่มีความหมายสามย่าง หนึ่ง หญิงชราต้องการบอกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นที่ตนช่วยไว้ไม่สามารถให้ความช่วยเหลืออะไรได้ ตอนนี้เขาอยู่ในพื้นที่ห่างไกลและไม่อาจตกเป็นเป้า ดังนั้นนางจึงต้องการบอกว่าอย่าได้รบกวนเขา สอง นายอำเภอหงกำลังจะต้องย้ายจากที่นี่แล้ว และไม่แน่ใจว่าใครจะเป็นคนมาแทนที่จึงอยากให้ระวังตัวไว้ และสาม หญิงชรากลัวว่าเธอจะกลับมาเพื่อสอบถามอะไรเพิ่มเติม แต่เนื่องจากไม่สามารถให้คำตอบอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว จึงได้มอบเงินเหล่านี้ให้ เพื่อที่เหยียนซีจะได้ไม่ต้องไปที่นั่นอีก
สามข้อนี้ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรสำหรับเธอ
ตอนที่เหยียนซีช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้น ก็ไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าแท้จริงแล้วเขาคือใคร จึงไม่ได้คิดจะให้เขาตอบแทนบุญคุณตั้งแต่แรก
เมื่อนายอำเภอหงถูกย้ายออกไป เธอก็ตั้งใจจะย้ายไปอยู่ที่เมืองถงอัน อาศัยหลบอยู่ใต้อำนาจของตระกูลเฉินเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังเพราะมีสำนักศึกษาประจำเมืองอยู่ที่นั่น เมื่อมีเหล่าปัญญาชนมารวมตัวกัน การเคลื่อนไหวต่าง ๆ ย่อมถูกจับตามอง และคนเหล่านั้นก็จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามที่เป็นการทำลายชื่อเสียงของตน เพราะไม่ว่าจะเป็นใต้เท้าสวีหรือเฉินเก๋อเหล่า พวกเขาต่างก็เป็นขุนนางใหญ่กันทั้งคู่
สำหรับข้อที่สามนั้น หญิงชราไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณอะไรกับเด็กหญิง เพราะเหยียนซีกระทำการต่าง ๆ ทั้งหมดด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยชีวิตหลานชายฮูหยินผู้เฒ่าอันไว้ แต่ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องติดค้างอะไรกันอีกต่อไป
เมื่อหวังชีและเหยียนหลิ่วได้ยินว่าคนร้ายตายไปแล้ว พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่เหยียนซีเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เหยียนหลิ่วก็แสดงสีหน้าสนใจ “ตอนนี้นายท่านปลอดภัยแล้วใช่ไหมเจ้าคะ”
“ตอนนี้ยังปลอดภัยอยู่”
“แค่ชั่วคราวเท่านั้นหรือขอรับเจ้านาย แล้วหลังจากนั้น…”
“พี่หวังชี อย่าเรียกข้าว่าเจ้านายอีกเลย ป้ากู้กับท่านป้าเป็นญาติกัน พี่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เอ้อร์หลาง ข้าจะเรียกท่านว่าพี่ชี โปรดเรียกข้าว่าซีเอ๋อร์เถอะ”
หวังชีนิ่งคิด แล้วพยักหน้ารับ “เอาแบบนั้นก็ได้”
“พี่เอ้อร์หลาง พี่ชี ท่านป้าและป้ากู้จากไปแล้ว ทว่าเรายังคงเป็นครอบครัวเดียวกันเสมอ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ก็จะต้องปรึกษาหารือกัน คอยสนับสนุนกันและกันต่อไป”
หลิวเหิงและหวังชีพยักหน้า
หลิวเหิงนิ่งคิดครู่หนึ่ง “ซีเอ๋อร์ ข้าต้องไว้ทุกข์ให้ท่านแม่ จึงยังไม่สามารถไปเรียนได้ในช่วงนี้ ข้าจะเขียนจดหมายสองสามฉบับส่งให้ท่านอาจารย์เพื่อขอลา ชี้แจงเหตุผลว่าครอบครัวเราประสบเหตุไม่คาดฝันอย่างกะทันหัน ท่านอาจารย์จะได้ไม่คิดว่าข้าหายหน้าไปโดยไม่ร่ำลา และจะฝากคำถามบางอย่างถึงท่านอาจารย์ด้วย”
“หากทำอย่างนั้นได้ก็จะดีมากเลยเจ้าค่ะ”
เกิดเหตุฆาตกรรมนองเลือดขึ้นในบ้านของย่าหยวนคนล่าสุด ต้องเป็นเรื่องที่มีคนสนใจอย่างแน่นอน และนั่นยิ่งทำให้พวกเขาปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
[1] ถอนฟืนใต้กระทะ (釜底抽薪) คือ กลยุทธ์ที่กล่าวถึงการวิเคราะห์เปรียบเทียบกำลังของตนเองกับศัตรู เมื่อพบว่าตนเองกำลังน้อยกว่า ก็เลือกหาทางที่จะข่มขวัญตัดกำลังฝ่ายตรงข้ามก่อนที่จะเข้าปะทะซึ่งหน้า
MANGA DISCUSSION