บทที่ 131 โลกแห่งผลประโยชน์
หลิวเหิงมองรถม้าของเฉินโหย่วฝูจากไปด้วยความรู้สึกลำบากใจไม่น้อย
เขาและเฉินโหย่วฝูเป็นสหายกันโดยที่ไม่มีผลประโยชน์ใดมาเกี่ยวข้อง แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายมาจากตระกูลเฉิน แต่ก็ยังดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างกันในฐานะสหายทั่วไป และสามารถเข้ากันได้เป็นอย่างดี
ทว่าเขาก็ไม่ได้โง่เขลาถึงขนาดที่จะไม่เข้าใจอะไรเลย ทันทีที่เห็นเฉินโหย่วฝูมาถึงที่ว่าการเพื่อพบนายอำเภอหง ก็เข้าใจได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาที่นี่ในฐานะสหายของตน แต่มาในฐานะตัวแทนของตระกูลเฉิน
ด้วยฐานะเช่นนั้น การที่อีกฝ่ายลงมือใช้อำนาจกดดันนายอำเภอหง จึงไม่ใช่เพื่อคืนความยุติธรรมแก่ครอบครัวหลิว
คดีที่เกิดขึ้นในบ้านตระกูลหลิว กลายเป็นเครื่องต่อรองอำนาจระหว่างตระกูลเฉินและใต้เท้าสวี
หลิวเหิงเดินกลับไปที่โถงไว้ทุกข์ ก่อนจะเห็นว่าเหยียนซีนั่งคุกเข่าอยู่บนเบาะนั่งและพิงเสาอยู่
บาดแผลถูกแทงที่ด้านหลังของเหยียนซีนั้นสาหัสมาก แต่นางไม่ยอมนอนพัก นับว่าเป็นโชคดีที่ดูแลร่างกายอย่างดีในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้เด็กหญิงแข็งแรงพอที่จะไม่เกิดอาการอื่น ๆ ตามมาจากแผลที่ถูกแทง
และอาจจะเป็นเพราะเหยียนหลิ่วช่วยดูแลนางเป็นอย่างดี คอยพาคุณหนูของนางเข้าไปพักทุกหนึ่งถึงสองชั่วยาม จากนั้นก็เอายาและน้ำแกงให้กิน
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนเข้ามา เธอก็ลืมตาขึ้นและเห็นใบหน้าที่เหนื่อยล้าของหลิวเหิง
“พี่เอ้อร์หลาง ท่านพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ คนร้ายถูกส่งตัวไปยังที่ว่าการแล้ว ท่านนายอำเภอหงจะต้องช่วยจัดการเรื่องนี้ให้ได้อย่างแน่นอน” เสียงปลอบนั้นอ่อนแรงเล็กน้อยและไม่ได้มั่นคงมากนัก เธอยังไม่มีแรงมากพอที่จะมาคิดเรื่องทั้งหมด ทั้งตอนนี้ตนยังต้องการหนีจากมันไปก่อน
“ซีเอ๋อร์ ข้าจะไม่ยอมแพ้เรื่องนี้อย่างเด็ดขาด!” หลิวเหิงคุกเข่าต่อหน้าโลงศพและเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจรัง “พี่เฉินเดินทางมาถึงนี่ในฐานะตระกูลเฉิน ทางตระกูลเฉินต้องการให้นายอำเภอหงรับคดีนี้ไปจัดการ เพราะคดีนี้มีความเกี่ยวข้องกับบุตรสาวของสวีถิงจือ พวกเขาพยายามจะเอาความตายของทุกคนที่นี่มาเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์ของตนเอง!”
หลิวเหิงพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำในทีแรก จากนั้นก็เริ่มสะอื้นไห้ “ในคืนเดียวมีคนมากกว่าสิบคนถูกฆ่าตาย! เลือดยังไม่ทันแห้งดี แต่กลับไม่มีใครสนใจคิดจะจับคนร้าย พวกเขาต้องการเพียงแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เท่านั้น! นี่น่ะหรือ!…นี่หรือคือขุนนางผู้ทรงเกียรติที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก!”
ประโยคสุดท้ายเต็มไปด้วยความขมขื่นและแค้นเคืองเหลือทน ราวกับกาเหว่าที่กำลังร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด
เหยียนซีไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริงของเรื่องทั้งหมด เธอจึงหยัดกายนั่งตัวตรง “พี่เอ้อร์หลาง ถ้าอย่างนั้นหากพวกเขาต่อรองผลประโยชน์กันได้แล้ว เราจะทำอย่างไรต่อไปดี”
ถึงอย่างไรเธอก็มาจากโลกอนาคต และพบเจอเรื่องราวเช่นนี้มาหลายปีจากการทำงาน เมื่อหลิวเหิงพูดถึงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ขึ้นมา เหยียนซีก็พลันรู้สึกเย็นวาบที่ไขสันหลัง หากคดีนี้ถูกนำไปต่อรองผลประโยชน์ระหว่างขุนนาง สมาชิกในตระกูลหลิวทั้งหมดหรือแม้แต่หลิวเหิงเอง ก็ไม่ต่างจากเบี้ยในหมากกระดานของคนเหล่านั้น
หากการต่อรองผลประโยชน์เสร็จสิ้นลงแล้ว อย่างเช่นว่าใต้เท้าสวีต่อรองด้วยอะไรบางอย่างที่น่าพอใจแก่ตระกูลเฉิน จากนั้นตระกูลเฉินก็คงจะช่วยใต้เท้าสวีจัดการปัญหานี้ในอนาคต
เมื่อเวลานั้นมาถึง จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่นี่?
เมื่อเห็นใบหน้าของเหยียนซีซีดลง หลิวเหิงก็รู้ได้ว่านางเข้าใจสิ่งที่เขาหมายถึง
เขาส่งคนร้ายให้กับทางการเพราะต้องการใช้ประโยชน์จากอิทธิพลของตระกูลเฉิน ทว่าการเริ่มขึ้นหลังเสือเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างยิ่ง แต่หลิวเหิงก็ยังพยายามจะใช้โอกาสนี้ เขาคิดเสมอว่าอาจจะมีคนที่สามารถช่วยเหลือตนได้ แต่ความจริงแล้วมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย ตอนนี้จึงทำได้เพียงแต่ยอมแพ้และตัดสินใจทำอะไรบางอย่าง
“ซีเอ๋อร์ พาเสี่ยวเฟิงและเสี่ยวหลิ่วหนีไปหลังจากครบรอบเจ็ดวันของท่านแม่” ในใจของเขาคิดว่า ถึงอย่างไรในตอนนั้นที่หย่งโจว นางเองก็มีแผนจะแยกออกจากบ้านเราไปอยู่แล้ว
“จะให้ข้าไปจากที่นี่ในตอนนี้ได้อย่างไร” ดวงตาของเหยียนซีเบิกกว้าง “พี่เอ้อร์หลาง ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น! ท่านก็ไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรอีกแล้ว เมื่อวานนี้ท่านป้าเพิ่งคุยกับข้าว่าไม่ต้องการให้ท่านเข้าไปในเมือง ที่นั่นมีแต่คนโหดร้ายที่พร้อมจะฆ่าแกงกันได้ทุกเมื่อ!”
เมื่อนึกถึงคำพูดตอนเมาของนางหวัง เหยียนซีก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตา “ท่านป้าบอกข้าว่าอยากให้ท่านใช้ชีวิตอย่างมีความสุข หากเมื่อวานนี้ไม่ได้ท่านป้าช่วยไว้ ข้าคงไม่รอดเช่นกัน ข้าไม่ยอมให้ท่านทำอะไรโง่ ๆ เป็นอันขาด ข้าจะดูแลท่านแทนท่านป้าเอง!”
หลิวเหิงสบตาเหยียนซี “รีบไปซะเถอะ เจ้าและท่านแม่พบกันด้วยความบังเอิญ ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่แล้วยังจะมีประโยชน์อะไรอีก ข้าจะปกป้องเจ้าได้ก็ต่อเมื่อได้เป็นใหญ่เป็นโตแล้วเท่านั้น ทว่ายามนี้ …ข้าไม่สามารถปกป้องเจ้าได้อีกแล้ว ตัวเองก็ยังแทบเอาตัวไม่รอด ทำไมยังจะอยากอยู่ที่นี่อีก!”
“ไม่! ข้าไปไม่ได้ ไม่ไปไหนทั้งนั้น!” เหยียนซีไม่รู้สึกอายสักนิด เมื่อหลิวเหิงเปิดเผยความคิดก่อนหน้านี้ของเธอ เพียงแค่รู้สึกเศร้าใจอยู่เล็กน้อยเท่านั้น
หลิวเหิงไล่ทุกคนออกไปให้ห่างจากเขา เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นต้องตกอยู่ในอันตรายเพราะตัวเอง แล้วตัวเขาเล่า? เขาเพิ่งจะตัดสินใจขึ้นหลังเสือ ต่อไปต้องใช้ความคิดอย่างมากในการทำให้ตัวเองปลอดภัย!
เมื่อนึกถึงข้อมือที่ถูกหักของนางหวัง นางหวังที่ยังตะโกนบอกให้เธอหนีไปทั้งที่ตนเองกำลังจะถูกฆ่า หากหลิวเหิงถูกทิ้งให้ตกอยู่ในอันตราย เธอคงไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้
เหยียนซีจับมือของหลิวเหิงที่อยู่ข้างตัว “พี่เอ้อร์หลาง เรายังมีเวลา ชำระแค้นนั้นอีกสิบปีก็ยังไม่สาย! แต่ท่านจะตายไม่ได้ ท่านจะยอมสู้จนตัวตายเพียงเพื่อได้ฉีกเนื้อคนพวกนั้นอย่างนั้นหรือ”
“ใช่แล้ว เว่ยหวนผู้นั้นดีต่อข้ามากยามที่ได้พบกันที่หย่งโจว ข้ายังได้ยินมาว่าเขาอายุมากแล้วแต่ก็ยังไม่มีทายาทสืบสกุล” หลิวเหิงตอบอย่างเย็นชา “สุดท้ายเมื่อทุกอย่างถูกเปิดเผยออกมา เขาจะต้องเข้ามาเกลี้ยกล่อมข้าแน่! และเมื่อถึงตอนนั้น ข้าก็อาจจะได้ไปพบกับนางสวี…”
“ทว่าหากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าก็จะเป็นฝ่ายไปหานางเอง สตรีต่ำช้าคนนั้น! ข้าพร้อมที่จะแลกชีวิตกับนาง!” ดวงตาของหลิวเหิงมีเพลิงลุกโชน ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เผยให้เห็นความคั่งแค้น ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ เขาทนเก็บกดมาตลอด แต่ว่าตอนนี้ชายหนุ่มตัดสินใจแล้วว่าจะยอมสู้จนตัวตาย!
เขาเป็นเพียงจู่เหรินเล็ก ๆ อาจจะไม่สามารถเข้าถึงตระกูลสวีที่ยิ่งใหญ่ได้ ทว่าหลิวเหิงวางแผนที่จะใช้ชาติกำเนิดของตนเองให้เกิดประโยชน์ และเมื่อใดที่เข้าถึงตัวนางสวีได้ เขาจะสู้จนตัวตายไปพร้อมกับนาง
เหยียนซีเข้าใจดีว่าเขาหมายถึงอะไร มันเป็นการเดิมพันกับเว่ยหวน หากเขาไม่เต็มใจที่จะแยกจากลูกชายของตนเอง เขาจะต้องเร่งมาที่นี่ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้หลิวเหิงล้มเลิกเรื่องคดีความแล้วเข้าไปอยู่ในตระกูลเว่ย แต่หากอีกฝ่ายไม่ทำเช่นนั้น ตราบใดที่ชายหนุ่มอยากจะกลับเข้าตระกูลเว่ย และขอความช่วยเหลือจากเขา เว่ยหวนเองก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้เช่นกัน
ทว่าหลิวเหิงกำลังจะมีชีวิตที่ดี ทำไมเขาต้องคิดที่จะทำลายอนาคตของตนเองเช่นนี้!
หลิวเหิงรู้สึกถึงความเย็นที่ใบหน้าหลังจากเกิดเสียงซ่าดังขึ้น เหยียนซีเอาสุราในถ้วยบนโต๊ะเครื่องเซ่นมาสาดใส่หน้าเขาฉาดใหญ่ “ท่านป้าไม่มีทางยอมให้ท่านทำเช่นนั้นแน่! หากท่านดึงดันจะทำ วิญญาณของท่านป้าคงไม่มีทางไปสู่สุคติ!”
เหยียนซีตะโกนใส่หลิวเหิง “หากต้องการแก้แค้น ท่านก็ต้องมีชีวิตที่ดี ทุกปีต้องเตรียมตัวอย่างดีสำหรับการเช็งเม้งในช่วงฤดูหนาว ให้ท่านลุงกับท่านป้าได้เห็นว่าท่านอยู่ดีมีความสุข! มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาได้ไปสู่สุคติอย่างหมดห่วง ท่านตั้งใจศึกษาเล่าเรียนมาเป็นสิบปี ยึดมั่นในความรู้อยู่เสมอ แต่กำลังจะทำลายชีวิตตัวเองลงด้วยความคิดบ้า ๆ เพียงชั่วข้ามคืนเช่นนี้น่ะหรือ!?”
“หากท่านป้ายังมีชีวิตอยู่ นางต้องตีท่านจนขาลายแน่นอน! นางเลี้ยงดูท่านอย่างยากลำบากเพื่อให้ท่านเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งง่าย ๆ เช่นนี้หรือ!? หากท่านอยากจะตาย เพียงแค่ไปกระโดดลำห้วยหมิงก็ตายแล้ว! จะเอาหัวชนกำแพงก็ย่อมได้ ท่านจะลงเอยด้วยการจบชีวิตไม่ต่างจากคนอื่น ๆ แล้วเช่นนี้ท่านจะสามารถต่อสู้กับคนพวกนั้นได้อย่างไร? ตระกูลสวีส่งคนอย่างโหลวเหนิงมาได้คนหนึ่ง ท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าจะไม่มีคนที่สองหรือสามอยู่ข้างกายพวกเขา! ต่อให้มากปัญญา แต่ว่าไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง ท่านก็ไม่สามารถทำอะไรได้! และต่อหน้าป้ายวิญญาณของท่านป้า ท่านกล้าพูดออกมาได้อย่างไรว่าจะพาตัวเองไปตาย นี่เป็นสิ่งที่สมควรพูดให้นางได้ยินอย่างนั้นหรือ!”
“จะตายไปด้วยกันงั้นหรือ? นั่นมันเป็นเพียงวิถีของคนโง่เง่าจนตรอกเท่านั้นที่คิดจะทำ!” เมื่อเห็นสีหน้าว่างเปล่าของหลิวเหิง เหยียนซีก็ตะโกนใส่หน้าเขาอย่างดุเดือด
“คุณหนู!…คุณหนู พูดกับนายท่านดี ๆ เถอะเจ้าค่ะ” เหยียนหลิ่วที่อยู่ในลานตอนแรก หลังได้ยินเสียงเหยียนซีตะโกนอยู่ในห้องก็รีบเข้ามาดู ทว่าเมื่อเห็นว่าเหยียนซีถือถ้วยเอาไว้ในมือ ก็กลัวว่านางจะทุบมันใส่หลิวเหิง ทั้งยังเกรงว่าท่าทางเช่นนั้นจะทำให้บาดแผลฉีกได้
“หลังจากที่ตายไปแล้ว ท่านได้คิดหรือไม่ว่าคนที่ยังอยู่….”
“เมื่อสิ้นท่านพ่อท่านแม่ไปแล้ว คนอื่นมาก็หวังเพียงผลประโยชน์ พอหมดประโยชน์ก็จากไป…”
MANGA DISCUSSION