บทที่ 128 เหยียนเฟิงกลับมาแล้ว
คืนนี้ไม่ว่าใครในหมู่บ้านหยางซานต่างนอนหลับไม่ลงกันทั้งสิ้น
นายอำเภอหงไม่นิ่งนอนใจ หลังจากรับทราบเรื่องคดีที่เกิดขึ้นก็รีบมาถึงพร้อมกับเจ้าหน้าที่ เมื่อทำการชันสูตรศพก็พบว่าคนร้ายเป็นทหารที่เชี่ยวชาญในเรื่องการต่อสู้เป็นอย่างดี คนเกือบทั้งหมดถูกฆ่าตายในดาบเดียว
ร่างของนางหวังมีผ้าแถบหนึ่งถูกดึงติดมือนางมา
นายอำเภอหงได้ตรวจสอบอย่างละเอียด และขอให้เจ้าหน้าที่เก็บผ้าชิ้นนั้นไว้เป็นหลักฐาน
นายอำเภอหงเดินเข้าไปในโถงไว้ทุกข์ของนางหวัง ปักธูปสามดอกแล้วกล่าวกับหลิวเหิง “เอ้อร์หลาง ข้าเสียใจด้วยจริง ๆ”
หลิวเหิงคุกเข่าอยู่ที่หน้าโถงไว้ทุกข์ของมารดา ตลอดคืนที่ผ่านมาเขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
หัวหน้าตระกูลหลิวช่วยหลิวเหิงในการทำความสะอาดบ้านและจัดสถานที่ เมื่อเห็นว่าหลิวเหิงมีอาการเช่นนี้ก็ได้แต่ถอนหายใจ และผายมือให้นายอำเภอหง
“ข้าจะพาเจ้าหน้าที่ไปตามสืบหาตัวฆาตกรก่อน ถ้ามีความคืบหน้าใด ๆ ช่วยรายงานไปยังทางการโดยเร็วที่สุดด้วย” หากปล่อยให้เรื่องการฆาตกรรมครั้งใหญ่นี้เกิดขึ้นในพื้นที่ของเขาโดยไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ จะส่งผลต่อชื่อเสียงของนายอำเภอหงว่าล้มเหลวในการดูแลท้องที่ และอาจจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีกไม่หยุดหย่อน….นายอำเภอหงถอนหายใจออกมา
เมื่อเห็นว่าหลิวเหิงนั่งคุกเข่าอยู่ด้วยสีหน้าว่างเปล่า ไร้การตอบสนอง เขาก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มหนุ่มรูปงามผู้นี้ หลังจากผ่านมรสุมชีวิตนี้ไป ก็หวังเพียงว่าเขาจะฟื้นกำลังใจกลับมาได้ในเร็ววัน
หลังจากที่เหยียนซีฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตนเองนอนอยู่บนเตียง ทว่าเมื่อพยายามจะลุกขึ้นก็รู้สึกเจ็บปวดบาดแผลบริเวณไหล่จนต้องล้มตัวลงไปนอนอีกรอบหนึ่ง
“คุณหนูเจ้าคะ แผลที่หลังของท่านต้องได้รับการเยียวยาเสียก่อน” เหยียนหลิ่วเข้ามาพร้อมกับยา เมื่อเห็นว่าเหยียนซีกำลังนอนร้องไห้อยู่บนที่นอน นางจึงก้าวเท้าเข้าไปดูอาการใกล้ ๆ อย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีเลือดไหลออกมาจากแผลก็โล่งใจขึ้น
“เสี่ยวหลิ่ว ท่านป้าและคนอื่น ๆ …”
“คุณหนู ตอนนี้ชาวบ้านช่วยกันจัดโถงไว้ทุกข์ให้ฮูหยินกับป้ากู้แล้วเจ้าค่ะ ทั้งสองได้รับการทำความสะอาดเนื้อตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่อย่างดี”
สตรีในหมู่บ้านไม่มีใครกล้าเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องน่าเศร้าของนางหวังและนางกู้ เหยียนหลิ่วจึงเป็นคนจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำความสะอาดร่างของพวกนางเพียงลำพัง แต่ทุกคนก็ช่วยกันออกเงินซื้อโลงศพและตกแต่งโถงไว้ทุกข์ขึ้นมา
เหยียนซีได้ยินเหยียนหลิ่วพูดถึงโถงไว้ทุกข์ ก็คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ มันเป็นการฆาตกรรมที่ไม่ได้มีเหตุเตือนล่วงหน้า ทั้งนักฆ่าผู้นั้นไม่ได้มาเพียงเพื่อก่อกวน แต่ตั้งใจมาเพื่อสังหารคนในบ้านตระกูลหลิวอย่างชัดเจน
ตระกูลหลิวเป็นเพียงครอบครัวชาวไร่ชาวนา แม้แต่หลิวเหิงที่เพิ่งจะได้เป็นจู่เหริน เขาก็ยังเป็นเพียงเด็กที่เกิดในบ้านชาวนาทั่วไป คนร้ายไม่ได้มาเพื่อปล้นชิง แต่ลงมือฆ่าคนทันทีที่เปิดประตูเข้ามา…
“เสี่ยวหลิ่ว ข้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเมื่อวานนี้! ชายคนนั้นถือดาบฆ่าคนเหมือนผักปลา ไม่แม้แต่จะหยุดคิด แบบนั้นนับว่าเป็นหน่วยกล้าตายหรือไม่!”
เหยียนหลิ่วตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหน้าไปมา “นั่นไม่ใช่ฝีมือหน่วยกล้าตายเจ้าค่ะ ทุกครั้งที่ลงมือ หน่วยกล้าตายจะทำลายศพ ไม่ปล่อยให้เหลือร่องรอยเอาไว้”
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่เพราะว่าเธอซื้อตัวหน่วยกล้าตายมาจากจวนผิงอ๋องเช่นกัน ?
เหยียนซีจำคำอุทานของท่านป้าที่ว่า “นี่พวกเจ้า!” ก่อนจะเสียชีวิตได้ดี หมายความว่านางหวังเคยพบกับคนคนนั้นมาก่อน อีกอย่างฆาตกรมาที่นี่เพียงคนเดียว แต่นางหวังกลับพูดว่า ‘พวกเจ้า’ ซึ่งน่าสงสัยไม่น้อย เหยียนซีค่อย ๆ ลงจากเตียง เพื่อไปยังโถงไว้ทุกข์
เหยียนหลิ่วไม่สามารถห้ามเด็กหญิงได้ จึงเพียงแค่หาชุดคลุมหนา ๆ มาให้สวมแล้วช่วยพยุงนางไปที่โถงไว้ทุกข์
หน้าโถงไว้ทุกข์ที่มีกระดาษขาวขยับไปมาตามลม หลิวเหิงนั่งคุกเข่าอยู่ที่กระถางธูป โปรยเงินกระดาษหนึ่งกำมือเป็นครั้งคราว
“พี่เอ้อร์หลาง !” เหยียนซีเดินเข้าไปหาเขา คุกเข่าลงเช่นกัน เอื้อมมือไปหยิบเงินกระดาษมาโปรยลงไปในกระถางธูป มองไปที่ป้ายไว้ทุกข์ซึ่งเขียนว่า ‘นางหวัง ตระกูลหลิว’ ก็ต้องร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น
ความรักและความห่วงใยที่นางหวังมอบให้ เธอคิดว่าเป็นสิ่งที่ได้รับชดเชยจากการเดินทางมาสู่ยุคโบราณเพื่อทดแทนชีวิตอันน่าเศร้าในชาติที่แล้ว เหยียนซีรู้สึกราวกับได้พบแม่อีกครั้งเมื่อได้เจอกับนางหวัง แต่ได้มีความสุขด้วยกันไม่เท่าไร ก็กลับมาถูกพรากจากไปอีก!
“ท่านป้า! ฮือ!…ท่านป้า!!…” เหยียนซีร้องไห้อยู่ที่พื้นอย่างขมขื่น ทุบพื้นอย่างแรงด้วยความหวังว่าจะได้ดวงวิญญาณของนางหวังกลับมา
การร้องไห้อย่างหนักของเธอทำให้หลิวเหิงเริ่มร้อนรน
เขามองไปที่นางอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เห็นไหล่ที่สั่นไหวของเหยียนซีอยู่ที่พื้น จึงยื่นมือไปจับมือเล็กของเด็กหญิงเอาไว้ “ซีเอ๋อร์ ใคร ใครทำท่านแม่”
“พี่เอ้อร์หลาง” เหยียนซีถูกหลิวเหิงดึงขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาที่อาบนองหน้า เด็กหญิงส่ายหน้าอย่างเศร้าโศก เธอเห็นคนร้ายก็จริง แต่ก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเป็นใคร
“ข้าไม่มีบิดา มารดาก็ไม่มีแล้วเช่นกัน” หลิวเหิงพึมพำขึ้นมา จากนั้นก็ดึงเหยียนซีเข้าสู่อ้อมแขน “ซีเอ๋อร์ ข้าไม่มีท่านแม่อีกต่อไปแล้ว!”
เหยียนซีอดไม่ได้ที่จะยื่นแขนออกไปกอดหลิวเหิงกลับอย่างแนบแน่น
ในห้องโถงไว้ทุกข์เย็นยะเยือก ทั้งสองดูเหมือนลูกไก่อ่อนแอคู่หนึ่งที่กำลังพยายามมอบความอบอุ่นแก่กันและกัน หากไม่อยู่ด้วยกันไว้ ก็ไม่พ้นจะต้องแข็งตายจากความหนาวเหน็บ
เหยียนหลิ่วเห็นว่าแรงกอดของหลิวเหิงทำให้ผ้าพันแผลที่หลังของเหยียนซีมีเลือดไหลซึมออกมา “นายท่านเจ้าคะ แผลของคุณหนูกำลังเลือดไหล…”
ทันใดนั้นหลิวเหิงก็ฟื้นคืนสติกลับมา เขาก้มหน้าลงมองเห็นเลือดเลอะฝ่ามือของตน จึงหันไปหาเหยียนซีด้วยใบหน้าซีดเผือด
เหยียนซีไม่ได้รู้สึกอะไร เธอด้านชาจากความเจ็บปวดทางกาย มีเพียงความมึนงง ราวกับว่าร่างนี้ไม่ใช่ของตนเอง
เมื่อเห็นว่ามือของหลิวเหิงคลายออกเล็กน้อย เหยียนหลิ่วจึงรีบเข้ามาช่วยพยุงเด็กหญิงอย่างรวดเร็ว
หลิวเหิงอุ้มเหยียนซีขึ้นมา แล้วพานางกลับไปส่งที่ห้องนอน เขาเปิดผ้าพันแผลของเด็กหญิงออกมาและเอายาจากเหยียนหลิ่วมาทาแผลให้อย่างเบามือด้วยตัวเอง ก่อนจะปิดแผลลงอีกครั้ง
เด็กหนุ่มไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้น แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ซีเอ๋อร์ เจ้าต้องไม่เป็นไร…ต้องไม่เป็นไรนะ…” เขาพึมพำขึ้นมาด้วยมือสั่นเทา
เหยียนซีรู้สึกว่าเขากลัวจนตัวสั่น และทันใดนั้นก็เข้าใจว่าตนเองก็เคยประสบกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน นี่คือความเคว้งคว้างรูปแบบหนึ่งที่ผุดขึ้นมาจากส่วนลึกของจิตใจ เมื่อรู้ว่าไม่อาจรักษาคนที่รักเอาไว้ได้ ก็กลัวจะสูญเสียคนสำคัญไปอีกครั้ง จึงอยากจะให้คนคนนั้นอยู่ในสายตา อยู่ใกล้ในระยะเอื้อมมือถึงเสมอ
“พี่เอ้อร์หลาง” เธอยื่นมือไปจับมือของหลิวเหิง อยากจะปลอบโยนเขา แต่ก็พบว่าไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้นอกจากเสียงสะอึกสะอื้น
ส่วนหลิวเหิงนั้นดูดีขึ้นแล้วเล็กน้อย หลังจากที่พันแผลให้เด็กหญิงเสร็จ เขาก็เอายาต้มมาป้อนให้อีกครั้ง เมื่อเห็นว่านางดื่มจนหมด ตนก็กลับไปที่โถงไว้ทุกข์ และกลับมาอีกหลังจากนั้นไม่นาน
เมื่อเห็นว่าทั้งสองดูดีขึ้นบ้างเล็กน้อยแล้ว เหยียนหลิ่วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตั้งแต่เท่าที่จำความได้นางก็ได้รับการฝึกฝนให้เป็นหน่วยกล้าตาย ได้เห็นคนตายอยู่ทุกวัน จนเกือบลืมไปแล้วว่าความเสียใจจากการสูญเสียนั้นเป็นอย่างไร
แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างที่นางกำลังเดินไปยังบ่อน้ำเพื่อตักน้ำขึ้นมา ก็พลันนึกขึ้นได้ว่าที่ตรงนี้ เมื่อวานนี้ ยังมีป้ากู้นั่งซักผ้าและบ่นนางด้วยความเป็นห่วงอยู่เลย ‘พวกเจ้าบาดเจ็บอยู่ อากาศก็หนาวเย็นแบบนี้ เอามือไปแช่น้ำเย็น ๆ จะหายเมื่อไร! เสื้อผ้าแค่สองชุดข้าซักให้ได้ เกรงใจที่ข้าจะซักให้หรือไง’
ทันใดนั้น เด็กสาวก็น้ำตาไหลออกมา
สุดท้ายแล้วเมื่อได้เห็นคนดี ๆ ถูกความตายพรากจากไป นางก็ยังคงมีน้ำตาให้พวกเขาอยู่เช่นเดิม
ที่ลานบ้านตระกูลหลิว จากสถานที่ที่มีผู้มาเยือนไม่ขาดสายเมื่อไม่กี่วันก่อน ก็กลายเป็นรกร้างไปในชั่วข้ามคืน
ชาวบ้านช่วยกันทำความสะอาดบ้านใหม่ของตระกูลหลิว และทำห้องครัวง่าย ๆ ขึ้นมาข้าง ๆ กัน เพื่อแยกบ้านใหม่ออกจากบ้านเก่า ทำให้สามารถใช้หุงหาอาหารได้ชั่วคราว เมื่อตกกลางคืน ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับไป
ผู้ที่ไม่ใช่ครอบครัวผู้ตายต่างหวาดกลัวที่จะอยู่ต่อ
หลิวเหิงยังอยู่ในโถงไว้ทุกข์ หลังจากที่เขาดูแลเด็กหญิง ชายหนุ่มก็เริ่มฟื้นคืนสติกลับมาได้อีกครั้ง
หลังเหยียนซีดื่มยาเรียบร้อยแล้ว เธอก็พยายามพาตัวเองมายังโถงไว้ทุกข์ เพราะต้องการเอาความสงสัยและสิ่งที่ได้ยินทั้งหมดมาปรึกษาหลิวเหิง
แต่ก่อนที่จะได้เอ่ยขึ้นก็มีเสียงดังจากลานหน้าบ้าน เหยียนซีสะดุ้งตกใจเข้าไปใกล้หลิวเหิงอย่างไม่รู้ตัว
เหยียนหลิ่วพุ่งตัวไปทางต้นเสียง เปิดสลักประตูออก ก่อนจะพบว่าเป็นพี่ชายตนเองที่อยู่ตรงนั้น เขากลับมาพร้อมร่องรอยการต่อสู้ตามร่างกาย
เหยียนเฟิงกลับมาแล้ว!
MANGA DISCUSSION