บทที่ 114 ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
เว่ยหวนยืนอยู่ที่ชั้นบนของอาคารหลัก มองเห็นว่าท่ามกลางผู้เข้าสอบที่เดินอย่างหมดอาลัยตายอยาก มีเพียงหลิวเหิงที่ยังคงยืนตระหง่าน อีกทั้งผู้เข้าสอบคนนั้นยังดูมีร่างกายแข็งแรง จิตใจเข้มแข็ง และความมุ่งมั่นยอดเยี่ยม ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม
เจ้าหน้าที่ผู้น้อยซึ่งอยู่ข้าง ๆ มองไปทางนั้นแล้วยิ้มขำออกมา “ใต้เท้า ผู้เข้าสอบคนนี้ไม่ธรรมดา ข้าวของแปลก ๆ ที่เขาเตรียมมาในกล่องอุปกรณ์ช่วยให้เขายังอยู่ได้สบายแม้ว่าห้องพักจะมีน้ำรั่วหลังฝนตกหนัก อีกทั้งยังเตรียมอาหารการกินและน้ำดื่มมาเป็นอย่างดี สวมเสื้อผ้าอุ่นและสะอาด ได้ยินว่าสามวันที่ผ่านมา ไม่มีอาหารซ้ำกันเลยขอรับ”
เรื่องราวในห้องสอบจะถูกรายงานผ่านเจ้าหน้าที่ผู้น้อย เนื่องจากหัวหน้าและรองผู้คุมการสอบมีเรื่องสำคัญหลายสิ่งต้องทำ จึงไม่สามารถตรวจสอบผู้เข้าสอบโดยละเอียดได้ทุกวัน แต่จะมีเจ้าหน้าที่ผู้น้อยคอยตรวจตราและดูสถานการณ์ของผู้เข้าสอบอย่างใกล้ชิดแทน จากนั้นก็จะมารายงานเมื่อหัวหน้าผู้คุมการสอบต้องการทราบเรื่องราวเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่หลายคนจดจำหลิวเหิงได้เป็นอย่างดี ผู้เข้าสอบลำดับตัวอักษรโจวที่เหล่าหทารยามให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด
ไม่น่าแปลกที่บรรดาทหารยามและเจ้าหน้าที่จะให้ความสนใจเขา เพราะในช่วงเก้าวันของการสอบ เขาสามารถใช้ชีวิตในสนามสอบที่ผสมผสานระหว่างการทำข้อสอบอย่างเต็มที่และการพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม ซ้ำยังมีอาหารกินอย่างอิ่มหนำน่าประทับใจ ปนน่าหมั่นไส้ไปพร้อมกัน
เจ้าหน้าที่และทหารยามกินข้าวหม้อใหญ่ เฝ้าดูผู้เข้าสอบทำอาหารง่าย ๆ ด้วยอ่างถ่าน พวกเขาก็พลันรู้สึกมีความสุขขึ้นมา
แต่ในตอนนั้น กลับมีคนเปิดเตาเล็ก ๆ ทำอาหารหอม ๆ ใต้จมูกตัวเองทุกวัน ทั้งผัด ต้ม มีกระทั่งต้นหอมสับ ขิงหั่นฝอย หอมฟุ้งอยู่ในหม้อ จะมีใครทนไม่หันไปมองไหว
เมื่อได้ยินเรื่องน่าสนใจที่เจ้าหน้าที่ผู้น้อยเล่า เว่ยหวนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ “ดูสิ ทั้งที่อายุเพียงเท่านั้น แต่กลับอยู่ในอาการสงบ ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี ข้าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่เป็นเด็กที่ดูมีอนาคตมาก”
ประโยคสุดท้ายที่เอ่ยนั้นยังปนด้วยความอิจฉาจาง ๆ จากใต้เท้า
เว่ยหวนเป็นบัณฑิตหนุ่ม แต่งงานกับภรรยาผู้เพียบพร้อม และได้เป็นข้าราชการระดับสูง สิ่งเดียวที่เขาขาดไปคือความสุขจากการอยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ
หลังจากแต่งงานกับสวีอวี้หรง ภรรยาของเขาก็ให้กำเนิดบุตรสาวสองคนและบุตรชายอีกหนึ่งคน แต่พวกเขากลับเสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่ยังเยาว์วัย ทุกคนต่างรู้ว่าเขาและภรรยามีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันมาก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอนุหรือสตรีอื่นในคฤหาสน์ ไม่มีแม้แต่สาวใช้ในห้อง ตอนนี้เขาอายุได้สี่สิบแล้ว และยังไร้ทายาท ใต้เท้าสวีสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่มาตลอด ทว่าเขากลับยังไม่สามารถชดเชยให้ท่านได้
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ เว่ยหวนก็เลิกสนใจมองและหันหลังกลับเข้าไปในอาคารหลัก เพื่อเริ่มต้นการตรวจข้อสอบจากผู้เข้าสอบทั้งหมด
คำตอบจากการสอบสองครั้งก่อนหน้าได้รับการคัดแยกเอาไว้ในขั้นต้นแล้ว
เจ้าหน้าที่ชั้นนอกจะคัดแยกกระดาษที่เปียกน้ำเสียหายออกไปทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะถูกเอามาคัดลอกถอดความ
เจ้าหน้าที่ชั้นนอกจะมีภาระงานหนักที่สุด พวกเขาต้องใช้หมึกสีชาดในการคัดลอกคำต่อคำจากกระดาษของผู้เข้าสอบที่เขียนคำตอบด้วยลายมือของตนเองลงในกระดาษเฉพาะที่เรียกว่าจูเจวี่ยน เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ตรวจข้อสอบจำลายมือของผู้เขียนคำตอบได้ และทำการตรวจอย่างเป็นธรรมที่สุด
หลังจากคัดลอกเสร็จสิ้น ผ่านการตรวจสอบความถูกต้องทุกตัวอักษรแล้ว เจ้าหน้าที่ชั้นในจะเข้ามาดูแลการตรวจสอบส่วนที่เหลือ
คำตอบจะถูกแบ่งให้เท่า ๆ กันตามจำนวนเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่ชั้นในก็จะตรวจหมายเลขผู้เข้าสอบและอนุมัติคำตอบเหล่านั้น
เอกสารเหล่านี้ทั้งหมดไม่ได้รับอนุญาตให้ตรวจสอบเป็นการส่วนตัว ทุกขั้นตอนมีทั้งหัวหน้า รองผู้คุมการสอบ และเจ้าหน้าที่คุมการสอบหลายท่านคอยตรวจตราอยู่เสมอ หากการตรวจไม่สามารถทำเสร็จสิ้นในหนึ่งวัน ทุกคนจะออกจากห้องพร้อมกัน ปิดอย่างแน่นหนา และเข้ามาตรวจในวันต่อมาอย่างพร้อมเพรียงกันจนกว่าจะเสร็จสิ้น
การทำหน้าที่ตรวจข้อสอบนั้นเป็นงานที่หนักหน่วง แต่ก็ยังเป็นหน้าที่ที่คนจำนวนมากอยากจะได้มีส่วนร่วม เพราะหลังการสอบจบลง ทั้งผู้เข้าสอบที่มีความสามารถ และผู้ควบคุมการสอบก็จะได้รับผลตอบแทนมากมาย
แม่ว่าองค์จักรพรรดิเทียนฉีจะทรงปรีชาสามารถมาก แต่จะเป็นได้อย่างไรที่จะได้เห็นความสามารถของข้าราชบริพารทุกคน ทุกครั้งที่มีการสอบขุนนางเช่นนี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญในการแสดงความโดดเด่นของตนออกมา เพื่อที่จะได้เป็นที่จับตามองมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่านี่เป็นเวทีที่ทุกคนต่างเฝ้ารอจะได้ขึ้นไปโลดแล่น
สำหรับเมืองหย่งโจว เนื่องจากจูถงเป็นผู้ที่ได้รับการรับรองจากปรมาจารย์เฉิน เขาไม่มีทางที่จะมาที่นี่เพียงเพื่อตรวจข้อสอบอย่างแน่นอน แม้ว่าเว่ยหวนจะไม่ได้ต้องการฝากฝังคนในหย่งโจวให้กับใต้เท้าสวี ทว่าก็ไม่สามารถทนดูตระกูลเฉินล้ำหน้าไปได้เช่นกัน ต่อให้ทุกอย่างจะไม่ได้แสดงออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนต่างมีผลประโยชน์ที่ตัวเองจะต้องรักษาเอาไว้ และผลประโยชน์เหล่านั้นเองก็เป็นเป้าหมายของผู้เข้าสอบส่วนใหญ่ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าหลิวเหิงและเผยซิ่วไม่ได้เข้าใจปัญหาของผู้ควบคุมการสอบ หลังจากที่ออกจากห้องสอบ พวกเขาก็กลับไปที่บ้านพัก ทั้งคู่ผล็อยหลับไป และนอนยาวถึงหนึ่งวันหนึ่งคืน
วันรุ่งขึ้นเมื่อทั้งสองตื่นขึ้น เหยียนซีก็ต้มน้ำแกงโสมให้พวกเขาได้กินเพื่อบำรุงกำลัง
สองสามวันถัดจากนั้น เมื่อทั้งสองได้พักผ่อนที่บ้านพักอย่างเต็มที่ เหยียนซีก็เริ่มอยากจะออกไปเที่ยวเล่น
เมื่อเธอออกไปเดินเล่นที่ถนน ก็พบว่าอุปกรณ์กันฝนที่ตนเองเตรียมให้กับหลิวเหิงและเผยซิ่วกลายเป็นที่ต้องการ ที่หน้าร้านขายร่มหลายแห่งมีลูกค้าไปถามหาร่มขนาดใหญ่ และที่ร้านช่างไม้ก็เริ่มเพิ่มขาให้กับกล่องอุปกรณ์การสอบด้วยเช่นกัน
เหยียนซีพึงพอใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้เมื่อเห็นเช่นนั้น ท่าทางว่าต่อไปช่วงก่อนสอบ เธอน่าจะมีแนวทางสำหรับการค้าขายใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกแล้ว
เด็กหญิงกลับไปที่บ้านพักด้วยความตื่นเต้น จนทำให้หลิวเหิงที่อยู่ลานด้านหน้ามีท่าทีงุนงง
“พี่เอ้อร์หลาง จะออกมาเดินเล่นหรือเจ้าคะ”
“ใช่” หลิวเหิงมองรอยยิ้มบนใบหน้านางแล้วถามขึ้น “มีเรื่องอะไรให้ดีใจงั้นหรือ”
“เมื่อครู่ข้าไปที่ถนนมา เห็นคนต้องการกล่องใส่อุปกรณ์สอบเหมือนเรา และยังตามหาร่มคันใหญ่ด้วยเจ้าค่ะ”
หลิวเหิงยิ้มตาม “ของที่เจ้าเตรียมให้ช่วยข้าได้มากจริง ๆ เจ้าคิดขึ้นมาได้ยังไงกันว่าจะต้องเตรียมของพวกนี้”
“ข้าเป็นคนฉลาดอย่างไรล่ะเจ้าคะ” เหยียนซีฮัมเพลงขึ้นมาในลำคอและเดินเข้าไปในครัวกับของที่เธอเพิ่งซื้อมา
หลิวเหิงอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ จริงอย่างที่นางว่า ซีเอ๋อร์เป็นคนฉลาด นั่นจึงทำให้นางคิดอะไรที่แตกต่างจากผู้อื่นจนยากจะคาดเดา ต่อให้เขาคิดขึ้นได้ว่าอะไรทำให้นางแปลกออกไป แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่มีทางเข้าใจได้อยู่ดี
หลิวเหิงออกจากบ้านพักเพียงครั้งเดียวเมื่อได้ยินข่าวว่าเฉินโหย่วฝูเป็นหวัดและล้มป่วยจากการสอบ แล้วก็คิดได้ว่าควรเดินทางไปเยี่ยมเขาสักครั้ง
จนกระทั่งเข้าสู่เดือนเก้า ในที่สุดวันประกาศผลสอบก็มาถึง
เหยียนซีตื่นเต้นยิ่งกว่าหลิวเหิง และคนอื่น ๆ เธอแต่งตัวอย่างพิถีพิถันเป็นพิเศษเพื่อรับวันดี ๆ “พี่เอ้อร์หลาง ไปดูการจัดลำดับกันไหมเจ้าคะ”
หลิวเหิงอดหัวเราะไม่ได้เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของนาง เพราะจะได้ไปที่ก้งเยวี่ยนอีกครั้งนางจึงตื่นเต้นเช่นนี้สินะ
“ที่ลานหน้าก้งเยวี่ยนต้องคนคับคั่งอย่างแน่นอน ข้ากลัวว่าไปที่นั่นแล้วเจ้าจะไม่ได้เห็นอะไรเลยน่ะสิ” เผยซิ่วรินน้ำให้เด็กทั้งสอง
“ท่านอาจารย์เจ้าคะ ข้าอยากจะออกไปดูว่าพวกเขาจะประกาศรายชื่อออกมาเช่นไร ข้ายังไม่เคยได้ไปดูอะไรเช่นนั้นมาก่อนเลย” เหยียนซีพยายามโน้มน้าว “ได้ยินมาว่ามีการหาตัวลูกเขยกันด้วยใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“นั่นมันหลังการสอบฮุ่ยซื่อ การสอบเซียงซื่อจะไปมีอะไรอย่างนั้นได้อย่างไรกัน” เผยซิ่วอธิบายถึงความหมายของการจับลูกเขยหลังการสอบ แล้วตามพวกเขาทั้งสองออกไป
ยังไม่ทันถึงก้งเยวี่ยนก็พบว่าทางเดินด้านหน้าเต็มไปด้วยผู้คนมากมายแล้ว เป็นภาพที่ดูมีชีวิตชีวายิ่งกว่าในตลาดเสียอีก
ผู้คนถูกเบียดไปด้านหน้าอย่างไม่สามารถขัดขืนได้ ผ้าผูกผมของเหยียนซีถูกดึง ทำให้เธอร้องออกมาด้วยความเจ็บ
หลิวเหิงรีบช่วยนางดึงผ้าผูกผมกลับมา แล้วออกมาจากฝูงชนทันที “เอาไว้ก่อนเถอะ มาดูกันอีกครั้งช่วงเย็นหลังจากที่รายชื่อออกมาแล้วดีกว่า” เขาไม่อยากให้ร่างเล็ก ๆ ของเหยียนซีต้องทนต่อการถูกเบียดเสียดของผู้คนจำนวนมาก
เผยซิ่วคิดอยู่แล้วว่ามันจะต้องเป็นเช่นนี้ ส่วนเหยียนซีเริ่มถอดใจจะดูเมื่อเห็นคนจำนวนมากกับตาตัวเอง ทั้งสามจึงเดินกลับมาที่บ้านพักอย่างช้า ๆ
“ถ้าเจ้าสอบผ่าน จะมีข่าวดีมาถึงหน้าบ้าน ไม่จำเป็นต้องออกไปดูก็ได้” เผยซิ่วบอกกับเด็กทั้งสอง
MANGA DISCUSSION