บทที่ 107 ดาวนำโชคที่เป็นที่รัก
ตอนนี้หลิวเหิงและเฉินโหย่วฝูเป็นเพื่อนร่วมศึกษาชั้นเดียวกันที่สำนักศึกษาประจำเมือง
หลังจากเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมาระยะเวลาหนึ่ง หลิวเหิงก็รู้จักเขาดีขึ้น ว่ากันตามตรง เฉินโหย่วฝูเป็นคนดีมาก เขาเกิดในตระกูลเฉินหากแต่ไม่ได้มีนิสัยถือตัวแต่อย่างใด และมักปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพเป็นมิตร เขามีการศึกษาดีและมีน้ำใจกว้าง ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในสำนักศึกษาประจำเมือง
หลิวเหิงอุทิศตนให้การศึกษาและไม่ค่อยเข้าร่วมกลุ่มกับใครมากนัก เขาไม่เคยผูกมิตรกับผู้อื่นอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่มีเฉินโหย่วฝูได้รับการยอมรับว่าเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดคนหนึ่งของเขา
ในครั้งแรก เฉินโหย่วฝูจำเขาได้เพราะอาหารของหลิวเหิงระหว่างการเตรียมสอบฝู่ซื่อซึ่งทำให้เขาประทับใจมาก ต่อมาก็ได้พบกันที่เมืองถงอันระหว่างการสอบฝู่ซื่อ เขารู้ว่าอาหารทั้งหมดที่หลิวเหิงนำมาล้วนเป็นของเหยียนซี เมื่อได้เห็นเด็กสาวนางนั้นขายกระเป๋าที่ถนนและได้ชิมต้มปลาผักกาดดองที่นางทำ เขาคิดว่าเด็กคนนี้เป็นคนที่ใจเย็น ฉลาด และน่าสนใจ
หลังจากทำความคุ้นเคยและรู้ความเป็นมาของเหยียนซีแล้ว เฉินโหย่วฝูก็เสนอที่จะซื้อตัวเหยียนซี
ว่ากันตามตรง เฉินโหย่วฝูมีความตั้งใจที่จะซื้อตัวนางมาก เพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนั้นทั้งฉลาดและอัธยาศัยดี รูปร่างหน้าตาก็ดี ทั้งยังมีทักษะการทำอาหารที่เยี่ยมยอด เป็นตัวเลือกที่ดีที่จะได้นางมาดูแลจัดการเรื่องส่วนตัว และยังเหมาะสมที่จะพาไปเป็นดอกไม้ประดับตระกูลเฉิน การจ่ายเงินซื้อตัวเด็กหญิงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
หลิวเหิงโกรธมากและปฏิเสธไป และทั้งสองก็ได้มีปากเสียงกัน
หลังจากที่หลิวเหิงไม่พอใจครั้งนั้น เฉินโหย่วฝูก็เข้ามาขอโทษอย่างจริงใจ อธิบายว่าความเฉลียวฉลาดของเหยียนซีเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสนใจ และเพียงจะต้องการยื่นข้อเสนอเท่านั้น
เมื่อเฉินโหย่วฝูขอโทษแล้ว หลิวเหิงก็ไม่อาจถือโทษต่อไป นอกจากนี้เฉินโหย่วฝูแม้ไม่ได้มีความรู้เก่งกาจมากกว่าเขา แต่การที่เกิดในตระกูลเฉินทำให้เขามีความรู้เบื้องลึกหลากหลายที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าถึง ซึ่งสามารถช่วยแนะนำให้กับหลิวเหิงได้
หลิวเหิงไม่สามารถตอบแทนเป็นตัวเงินได้ แต่ทุกครั้งที่มีอาหารใหม่ ๆ มาจากที่บ้าน เขาจะแบ่งปันเฉินโหย่วฝูอยู่เสมอ ทำให้ทั้งสองได้พูดคุยกันมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากสำนักศึกษาเปิด เหยียนซีมักจะนำอาหารทำใหม่ ๆ มาให้หลิวเหิงทุกครั้งที่นางหวังมาส่งสินค้าในตัวเมือง นางได้พบกับเฉินโหย่วฝูที่สำนักศึกษาประจำเมืองอยู่หลายครั้ง
เฉิยโหย่วฝูมักจะมีคำพูดติดตลกมาหยอกล้อนางเสมอ โดยแกล้งแหย่เหยียนซีถึงความจริงใจที่นางมีต่อหลิวเหิง จึงไม่น่าแปลกใจที่หลิวเหิงจะโกรธเมื่อเขาขอซื้อตัวเด็กหญิง เรื่องสัญญาซื้อขายอาจจะเป็นเพียงข้ออ้าง ความจริงแล้วเขาอาจจะมีใจให้เหยียนซี นอกจากนี้ยังเอ่ยหยอกล้อว่าหลิวเหิงคงยินดีที่จะปล่อยนางไปแล้วหากนางไม่ใช่เด็กที่น่ารักเช่นนี้
เมื่อได้ยินเฉินโหย่วฝูเอาแต่พูดถึงนางตลอดเวลา หลิวเหิงจึงเริ่มตระหนักได้ว่าเหยียนซีกำลังเติบโตและดูงดงามขึ้นทุกวัน มีแววของความอ่อนหวานและความงามที่กำลังจะชัดเจนยิ่งกว่านี้ในอนาคต
เด็กหญิงทั้งฉลาดมีไหวพริบ และยังเป็นคนกล้าแสดงออก นางมีความสามารถทั้งงานในบ้านและนอกบ้าน ผู้ชายธรรมดา ๆ ทั่วไปไม่เหมาะสมกับสตรีเช่นนี้เป็นแน่
เมื่อคิดถึงคำพูดติดตลกของเฉินโหย่วฝู หลิวเหิงไม่สามารถบอกได้เลยตัวเขากำลังต้องการอะไร เมื่อทางเลือกในชีวิตแยกเป็นสองทาง ระหว่างตั้งใจสอบเลื่อนขั้น กับการแต่งงานมีภรรยาและบุตร
ในคืนส่งท้ายปี หลิวเหิงนอนคิดเรื่องนี้ทั้งคืน และจนกระทั่งผล็อยหลับไปก็ยังคิดอะไรไม่ออก
เพราะต้องเตรียมตัวสอบเซียงซื่อ หลังจากเข้าปีใหม่แล้ว ทันทีที่ผ่านพ้นวันที่สิบห้าในเดือนหนึ่งเขาก็เดินทางไปหาอาจารย์เผยเพื่อรับคำอวยพรปีใหม่สักเล็กน้อย แล้วกลับไปที่สำนักศึกษาประจำเมืองเพื่อเริ่มเตรียมสอบ
เมื่อเข้าเดือนแรกของปี ธุรกิจผักดองและกระเป๋าของเหยียนซีก็เริ่มเปิดทำการต่อไป
วันเวลาผ่านไปอย่างสงบสุข หลิวเหิงไม่ได้กลับมาไหว้บรรพบุรุษในช่วงเทศกาลเช็งเม้ง
เข้าช่วงปลายเดือนสาม อาสะใภ้สามมาที่บ้านเพื่อตามหานางหวัง แต่บังเอิญว่านางหวังไม่อยู่ที่บ้าน มีเพียงเหยียนซีที่กำลังทำรองเท้าอยู่ เด็กน้อยจึงออกไปต้อนรับ รินชาให้นางหนึ่งถ้วยและเอาขนมมาวางที่โต๊ะ
อาสะใภ้สามเข้าไปในห้องโถง หยิบรองเท้าของเหยียนซีขึ้นมาดู คาดคะเนจากขนาดก็พอจะเดาได้ว่ามันน่าจะเป็นของหลิวเหิง “ซีเอ๋อร์ เจ้านี่น่าทึ่งจริง ๆ สามารถดูแลงานในบ้านแทบทั้งหมดได้ด้วยตัวเอง ทำงานเย็บปักถักร้อยพวกนี้ได้งามนักและยังมีรายได้เดือนละร้อยสองร้อยตำลึงด้วยใช่หรือไม่”
“ท่านอาสะใภ้สามพูดเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ข้าจะมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไง เงินที่หามาได้ก็แค่พอค่าขนมให้คนในครอบครัวเท่านั้น”
“เกินไปที่ไหนกัน ทุกคนต่างก็บอกเหมือนกันหมดว่าเจ้าเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ที่เกิดมาพร้อมดาวนำโชค”
ทันใดนั้นเหยียนซีในร่างแมวกวักก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ “มันเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น ข้าไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายหรอกเจ้าค่ะ ท่านอาสะใภ้สามก็โชคดีเช่นกัน และยังมีความสามารถ การได้เห็นพี่จินเป่าและคนอื่น ๆ เติบโตขึ้น ท่านเองก็มีโชคมาก ไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อยยากอีกด้วย”
คำชมของเหยียนซีทำให้อาสะใภ้สามยกยิ้ม เมื่อดูแล้วในหมู่บ้านหยางซานนี้ ชีวิตครอบครัวของนางแย่กว่าครอบครัวหัวหน้าตระกูลหลิว ไม่สิ แย่กว่าบ้านสองแม่ลูกตระกูลหลิวในตอนนี้เสียอีก
สองแม่ลูกตระกูลหลิวจะพึ่งพาใครไปได้ถ้าไม่ใช่จากเหยียนซี
และยังนึกขึ้นมาได้อีกว่าตอนที่กลับไปหาครอบครัวของตน พี่สะใภ้คนโตของบ้านนางได้ยินว่าตระกูลหลิววางแผนจะให้เหยียนซีแต่งเข้าเป็นอนุ จึงมาขอให้นางช่วยเป็นแม่สื่อ โดยบอกว่าอยากจะจับคู่เหยียนซีกับหลานชายของนาง เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ใคร ๆ ก็ต่างบอกกันว่าเหยียนซีต้องเป็นผู้หญิงที่จะมาเป็นภรรยาที่ยอดเยี่ยมมากอย่างแน่นอน
เดิมที อาสะใภ้สามรู้สึกว่าเหยียนซีไม่มีพ่อแม่ เป็นเด็กตัวคนเดียว คงจะดีถ้าหลานชายของนางมาแต่งงานด้วย จะได้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว แต่เมื่อคิดถึงนิสัยใจคอของอาสามนางก็เปลี่ยนใจ
อาสามเป็นคนที่มุ่งมั่นจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้ตระกูลหลิว เขารู้สึกว่านั่นเป็นหน้าที่ที่ตนเองจะต้องรับผิดชอบ เมื่อหลิวเหิงเริ่มมีชื่อเสียง สองแม่ลูกตระกูลหลิวก็สบายขึ้นและช่วยสร้างชื่อเสียงให้ตระกูลหลิวด้วย
ถ้านางเสนอให้เหยียนซีแต่งออกไป อาสามจะเป็นคนแรกที่ปฏิเสธความคิดนั้น เขาต้องอยากรักษาผลประโยชน์เอาไว้ในครอบครัวด้วยการให้นางแต่งงานกับหลิวเหิง อย่างที่ว่า เรือล่มในหนองทองจะไปไหน เพราะอย่างไรเสียการแต่งงานกันระหว่างลูกหลานในตระกูลเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย
เหยียนซียังเป็นเด็ก นางเกรงว่าจะถูกแม่ลูกตระกูลหลิวเกลี้ยกล่อมจนยินยอม โดยไม่เข้าใจถึงชีวิตที่ยากลำบากของการเป็นอนุแม้เพียงนิด
“ซีเอ๋อร์ หลังวันตรุษเจ้าจะอายุครบสิบปีแล้ว ไม่ได้มีพ่อแม่อยู่เคียงข้าง ข้าได้ยินจากแม่เอ้อร์หลางว่าเจ้าเป็นคนมีความคิด เจ้าคิดถึงเรื่องอนาคตเอาไว้อย่างไรเล่า”
“อนาคต?” เหยียนซีฟังคำถามของอาสะใภ้สาม แล้วนิ่งไป เด็กสิบขวบควรตอบคำถามเช่นนี้อย่างไรกันนะ เธอนึกถึงสิ่งที่ชุนเยี่ยนเคยพูดไว้ในอดีต ว่าในยุคนี้เด็ก ๆ จะเติบโตแก่แดดกันเร็วมาก ดังนั้นจึงตอบออกไปเพียงว่า “ข้าเพียงแค่จะเชื่อฟังท่านป้าเจ้าค่ะ”
“แล้วถ้านางขอให้เจ้าเป็นอนุ เจ้าจะตกลงหรือไม่” อาสะใภ้สามมีท่าทางกระวนกระวาย “เจ้ายังเป็นเด็กอาจจะไม่เข้าใจ ชีวิตการเป็นอนุมันไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อไรที่เขาแต่งงานมีภรรยาหลวงขึ้นมา เมื่อนั้นเจ้าก็จะลำบาก”
“อนุหรือเจ้าคะ”
“ข้าอยากจะให้เจ้าตัดสินใจเอง อาสะใภ้สามเห็นเจ้าแล้วก็รู้สึกชอบมาก อยากให้เจ้ามีชีวิตแต่งงานที่ดี ครอบครัวทางแม่ของข้ามีหลานชาย แม้ว่าปีนี้เขาจะอายุแค่สิบสามปี แต่ก็เป็นคนฉลาดมีความสามารถ จะต้องเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต ครอบครัวเขามีที่นาสามหมู่ และมีน้องสาวหนึ่งคน ทุกอย่างที่นั่นจะเป็นของเจ้าในอนาคต”
อาสะใภ้สามเอ่ยอย่างมีความสุข ไม่ได้สนใจว่าเหยียนซีจะไร้ซึ่งการตอบสนอง นางยังคงพูดต่อไป “พี่สะใภ้ของข้าบอกว่าถ้าเจ้าเต็มใจ ก็สามารถแต่งงานได้ในปีหน้า ไม่สิ ตั้งแต่ปีนี้เลย เมื่ออายุสักสิบห้าก็สร้างครอบครัวได้ เมื่อเจ้าแต่งงานเข้าไปแล้ว คนในครอบครัวก็จะเชื่อฟังเจ้าและทำการค้าขายได้อย่างสบาย ๆ เจ้าจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวเมื่อแต่งงาน ไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีหรือ”
เหยียนซีกะพริบตาปริบ ๆ เรื่องที่ดีงั้นหรือ ทำไมต้องแต่งงานเข้าไปเป็นหัวหน้าครอบครัว พวกเขาอยากได้คนไปช่วยหาเงินเลี้ยงคนที่บ้านใช่หรือเปล่า แล้วพี่สะใภ้ของอาสะใภ้สาม คือคนที่พานางหนิวไปคนนั้นหรือไม่
“อาสะใภ้สามเจ้าคะ ข้ายังเป็นเด็ก ไม่เข้าใจเรื่องการแต่งงาน ตอนนี้ข้าคิดว่าอยากจะหาเลี้ยงตัวเองให้ดีก่อน เรื่องอื่นค่อยคิดทีหลังเจ้าค่ะ”
MANGA DISCUSSION